ผู้จัดการายวัน 360 - ศึกน้ำพริกยังยืดเยื้อ “ทนายลูก” มั่วคิวเซ็นเอ็มโอยูคืนทรัพย์สิน อ้างนัด “ปนัดดา” เป็นพยานลงนามด้วย ด้าน “ทนายแม่” ยันยังไม่ได้นัดกัน แถมเรื่องถอนฟ้องยังไม่คืบ ระบุ “แม่ประนอม” ขอความชัวร์ลูกคืนของตามที่แถลงวันก่อน คาดคุยอีกที่ 11 เม.ย.ที่ศาลตลิ่งชัน โวยรถโดนกรีดหน้าศาลรอบสองหลังรับคดีน้ำพริก ขณะที่ “ปนัดดา” เผยหมดหน้าที่แล้ว แต่พร้อมไปเป็นพยานตอนเซ็นเอกสาร
ความคืบหน้ากรณีความขัดแย้งระหว่าง นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้ง บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด กับ นางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต ที่ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยต่อหน้า ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยทุกฝ่ายพอใจในผลการเจรจา โดยนางศิริพรจะรับแม่ประนอมกลับไปดูแล และโอนคืนหุ้นและทรัพย์สินคืนให้กับผู้เป็นแม่นั้น
วานนี้ (7 เม.ย.59) นายทวิชา หวังโภคา ทนายความของ นางศิริพร เปิดเผยว่า นางศิริพร และนางประนอม ได้นัดหมายเพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงในการคืนทรัพย์สินของนางประนอม หลังจากได้พูดคุยไปก่อนหน้านี้ โดยจะมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยาน และตรวจสอบรายละเอียดของข้อตกลงด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย ส่วนเวลาและสถานที่นั้นรอการติดต่อกลับมาจาก ม.ล.ปนัดดา อีกครั้งหนึ่งว่าจะเป็นที่ใด คาดว่าน่าจะเป็นช่วงบ่ายของวานนี้ (7 เม.ย.) จะได้ข้อสรุป
นายทวิชา กล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดของบันทึกข้อตกลง จะเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ในการเจรจาต่อหน้า ม.ล.ปนัดดา เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น นางประนอม ถือว่าเป็นผู้จัดการมรดกของสามีอยู่แล้ว จึงมีสิทธิ์ในการดูแลทรัพย์สิน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอให้รอการลงนามตกลงกันก่อนที่จะเปิดเผยอีกครั้ง และหลังจากที่ลงนามบันทึกข้อตกลงกันแล้ว ทางทั้งสองฝ่ายจะทำการยื่นเรื่อง เพื่อถอนคำร้องกรณีฟ้องร้องต่อศาลที่มีอยู่ทั้ง 2 คดีทันที เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามไปยัง นายพิสิษฐ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความของนางประนอม กลับระบุว่า ไม่มีการนัดหมายระหว่าง นางประนอม กับ นางศิริพร แต่อย่างใด และเมื่อตนเองได้ประสานไปยัง เลขานุการของ ม.ล.ปนัดดา ก็ยืนยันว่าไม่มีการนัดหมายดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่เรื่องถอนฟ้องยังไม่มีความคืบหน้า ต้องรอกระบวนทางศาลก่อน โดยสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ให้ นางศิริพร โอนทรัพย์สินที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ จึงจะดำเนินการถอนฟ้องคดีความ ส่วนอีกวิธีคือให้ทั้ง 2 ฝ่ายทำสัญญาประนีประนอมกันที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน โดยลงรายละเอียดตามที่ตกลง และดำเนินการถอนฟ้องต่อเนื่องได้เลย ซึ่งวิธีนี้จะดำเนินการได้เร็วกว่า แต่ทั้งนี้ทนายความของ นางศิริพร ยังไม่มีการติดต่อมา จึงคาดว่าในวันที่ 11 เม.ย. ตามที่ศาลตลิ่งชันนัดไต่สวน ก็จะต้องมีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
“ขณะนี้ยังไม่มีการถอนฟ้อง เนื่องจากแม่ประนอมจะรอความแน่ใจว่า ลูกสาวจะโอนทรัพย์สินให้ตามที่ตกลงจากการเจรจาต่อหน้าหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ซึ่งมีหุ้นบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม, ที่ดินเขาใหญ่ และหมู่บ้านเศรษฐกิจ ย่านหนองแขม ซึ่ง 3 อย่างนี้ เป็นสิ่งที่แม่ประนอมรัก และหวงแหนมาก ถ้าหากนางศิริพร คืนทรัพย์สินเหล่านี้ทั้งหมด ก็จะดำเนินการถอนฟ้องทันที เนื่องจากขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยาก" ทนายความของแม่ประนอม ระบุ
ต่อเวลา 15.40 น. นายพิสิษฐ์ ได้เปิดเผยว่า ภายหลังจากเสร็จธุระว่าความในศาลจังหวัดตลิ่งชัน ออกมาที่ลานจอดรถ เพื่อเตรียมไปพบนางประนอม แดงสุภา ปรากฏว่า รถยนต์ของตน ยี่ห้อเชฟโรเล็ต รุ่นเทรลเบลเซอร์ ทะเบียน 2 กฒ 9928 เป็นรอยถูกคนกรีดรอบคัน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่โดนเหตุการณ์นี้ นับแต่รับอาสาว่าความให้กับนางประนอม ในการทวงสิทธิในกองมรดกของนายศิริชัย ก่อนหน้านี้ก็โดนทั้งกรีดรถและเจาะยางรถ ที่ลานจอดรถศาลจังหวัดตลิ่งชัน ยืนยันว่า ตนไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน เรื่องตนได้รายงานให้ศาลรับทราบแล้ว
ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ในฐานะคนกลางไกล่เกลี่ยงความขัดแย้ง กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวตนจะเป็นสักขีพยานในการลงนามยินยอมข้อตกลง ก่อนที่จะดำเนินการถอนฟ้องคดี รวมทั้งไม่ได้มีการให้ฝ่ายกฎหมายของตนไปช่วยร่างข้อตกลงแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายทั้งสองฝ่ายไปว่ากัน ไม่เกี่ยวกับตน แต่ขั้นสุดท้าย หลังมีข้อตกลงแล้ว ถึงจะมาว่ากันอีกครั้งหนึ่งในการเป็นสักขีพยาน.
ความคืบหน้ากรณีความขัดแย้งระหว่าง นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้ง บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด กับ นางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต ที่ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยต่อหน้า ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยทุกฝ่ายพอใจในผลการเจรจา โดยนางศิริพรจะรับแม่ประนอมกลับไปดูแล และโอนคืนหุ้นและทรัพย์สินคืนให้กับผู้เป็นแม่นั้น
วานนี้ (7 เม.ย.59) นายทวิชา หวังโภคา ทนายความของ นางศิริพร เปิดเผยว่า นางศิริพร และนางประนอม ได้นัดหมายเพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงในการคืนทรัพย์สินของนางประนอม หลังจากได้พูดคุยไปก่อนหน้านี้ โดยจะมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยาน และตรวจสอบรายละเอียดของข้อตกลงด้วย เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย ส่วนเวลาและสถานที่นั้นรอการติดต่อกลับมาจาก ม.ล.ปนัดดา อีกครั้งหนึ่งว่าจะเป็นที่ใด คาดว่าน่าจะเป็นช่วงบ่ายของวานนี้ (7 เม.ย.) จะได้ข้อสรุป
นายทวิชา กล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดของบันทึกข้อตกลง จะเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ในการเจรจาต่อหน้า ม.ล.ปนัดดา เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น นางประนอม ถือว่าเป็นผู้จัดการมรดกของสามีอยู่แล้ว จึงมีสิทธิ์ในการดูแลทรัพย์สิน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอให้รอการลงนามตกลงกันก่อนที่จะเปิดเผยอีกครั้ง และหลังจากที่ลงนามบันทึกข้อตกลงกันแล้ว ทางทั้งสองฝ่ายจะทำการยื่นเรื่อง เพื่อถอนคำร้องกรณีฟ้องร้องต่อศาลที่มีอยู่ทั้ง 2 คดีทันที เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามไปยัง นายพิสิษฐ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความของนางประนอม กลับระบุว่า ไม่มีการนัดหมายระหว่าง นางประนอม กับ นางศิริพร แต่อย่างใด และเมื่อตนเองได้ประสานไปยัง เลขานุการของ ม.ล.ปนัดดา ก็ยืนยันว่าไม่มีการนัดหมายดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่เรื่องถอนฟ้องยังไม่มีความคืบหน้า ต้องรอกระบวนทางศาลก่อน โดยสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ให้ นางศิริพร โอนทรัพย์สินที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ จึงจะดำเนินการถอนฟ้องคดีความ ส่วนอีกวิธีคือให้ทั้ง 2 ฝ่ายทำสัญญาประนีประนอมกันที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน โดยลงรายละเอียดตามที่ตกลง และดำเนินการถอนฟ้องต่อเนื่องได้เลย ซึ่งวิธีนี้จะดำเนินการได้เร็วกว่า แต่ทั้งนี้ทนายความของ นางศิริพร ยังไม่มีการติดต่อมา จึงคาดว่าในวันที่ 11 เม.ย. ตามที่ศาลตลิ่งชันนัดไต่สวน ก็จะต้องมีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
“ขณะนี้ยังไม่มีการถอนฟ้อง เนื่องจากแม่ประนอมจะรอความแน่ใจว่า ลูกสาวจะโอนทรัพย์สินให้ตามที่ตกลงจากการเจรจาต่อหน้าหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ซึ่งมีหุ้นบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม, ที่ดินเขาใหญ่ และหมู่บ้านเศรษฐกิจ ย่านหนองแขม ซึ่ง 3 อย่างนี้ เป็นสิ่งที่แม่ประนอมรัก และหวงแหนมาก ถ้าหากนางศิริพร คืนทรัพย์สินเหล่านี้ทั้งหมด ก็จะดำเนินการถอนฟ้องทันที เนื่องจากขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยาก" ทนายความของแม่ประนอม ระบุ
ต่อเวลา 15.40 น. นายพิสิษฐ์ ได้เปิดเผยว่า ภายหลังจากเสร็จธุระว่าความในศาลจังหวัดตลิ่งชัน ออกมาที่ลานจอดรถ เพื่อเตรียมไปพบนางประนอม แดงสุภา ปรากฏว่า รถยนต์ของตน ยี่ห้อเชฟโรเล็ต รุ่นเทรลเบลเซอร์ ทะเบียน 2 กฒ 9928 เป็นรอยถูกคนกรีดรอบคัน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่โดนเหตุการณ์นี้ นับแต่รับอาสาว่าความให้กับนางประนอม ในการทวงสิทธิในกองมรดกของนายศิริชัย ก่อนหน้านี้ก็โดนทั้งกรีดรถและเจาะยางรถ ที่ลานจอดรถศาลจังหวัดตลิ่งชัน ยืนยันว่า ตนไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน เรื่องตนได้รายงานให้ศาลรับทราบแล้ว
ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ในฐานะคนกลางไกล่เกลี่ยงความขัดแย้ง กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวตนจะเป็นสักขีพยานในการลงนามยินยอมข้อตกลง ก่อนที่จะดำเนินการถอนฟ้องคดี รวมทั้งไม่ได้มีการให้ฝ่ายกฎหมายของตนไปช่วยร่างข้อตกลงแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายทั้งสองฝ่ายไปว่ากัน ไม่เกี่ยวกับตน แต่ขั้นสุดท้าย หลังมีข้อตกลงแล้ว ถึงจะมาว่ากันอีกครั้งหนึ่งในการเป็นสักขีพยาน.