ผู้จัดการรายวัน360-“ปานามา เปเปอร์” แผลงฤทธิ์ ทั่วโลกตื่นเร่งตรวจสอบกิจกรรมการเงินออฟชอร์ของเหล่ามหาเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพล ขณะที่คนดังและสถาบันการเงินที่มีชื่อในเอกสารลับดังกล่าวร้อนตัวชักแถวยืนยันความบริสุทธิ์กันจ้าละหวั่น “ไพบูลย์”ชี้ ปมเอกสารลับ มีพันธกม.เชื่อมโยงข้อมูลต่างประเทศ ขณะที่"ประวิตร"ยันต้องเปิดโอกาสให้แก้ตัว ส่วนสตง.ประสานสรรพากรตรวจสอบภาษีย้อนหลัง 5 ปีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ด้าน"บรรยง พงษ์พานิช" ชี้เป็นรายชื่อคนละชุดกับที่ระบุว่าฟอกเงิน “มนตรี ศรไพศาล” พร้อมให้ตรวจสอบ "บรรณวิทย์" งงชื่อโผล่-กลัวเพื่อนยืมตังค์! "บิ๊กชาญอิสสระ"ยืนยัน 100% ไม่มี
จากกรณีสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ (ICIJ) และสื่อมวลชนกว่า 100 สำนัก ร่วมกันตรวจสอบพร้อมออกมาเปิดเผยเอกสารลับการทำงานของบริษัท มอสสัค ฟอนเซคา (Mossack Fonseca) บริษัทกฎหมายที่มีฐานอยู่ในประเทศปานามา และมีสำนักงานตั้งอยู่ใน 35 ประเทศทั่วโลก โดยเอกสารเหล่านี้ได้บอกเล่าวิธีการที่นักการเมืองและอดีตผู้นำประเทศใช้ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ในต่างประเทศ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงกับคนไทยอีก 21 คน จนทำให้กลายเป็นกระแสในขณะนี้นั้น
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวเปิดเผยความคืบหน้าดังกล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับหน่วยงาน ปปง.ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า ว่า สำนักงาน ปปง.กำลังเร่งดำเนินการประสานงานไปยังแหล่งที่มาของข้อมูล เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดก่อน” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน ปปง.จะแถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวในวันที่ 8 เม.ย.ที่จะถึงนี้ เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุม 501 ชั้น 5 สำนักงาน ปปง.
**“บิ๊กตู่” สั่งตรวจสอบ ฟอกเงิน 21 คนไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการเสนอข่าวเอกสารจากต่างประเทศที่อ้างว่ามีข้อมูลบุคคลสำคัญทั่วโลกเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและเลี่ยงภาษี ซึ่งรวมถึงคนไทย 21 คนด้วย ว่า ให้สอบสวนอยู่ เพราะเป็นหลักฐานที่ไม่เป็นทางการมาจากสื่อ เราก็รับทุกเรื่องอยู่แล้ว ถ้ามันใช่ ก็ดีสิ จะได้มีคนชี้เป้าหมายให้เรา และเราก็จะดำเนินการต่อเนื่อง ต้องสรุปข้อเท็จจริงก่อน จำไว้ว่าการทำงานของรัฐบาล ทำได้สองอย่าง เปิดเผยเข้ากระบวนการได้เลย ในกรณีที่เป็นหนังสือราชการ หรือหนังสือที่มาถึงรัฐบาลต่อรัฐบาล หรืองานต่อหน่วยงาน แต่เรื่องนี้เผยแพร่จากหนังสือพิมพ์จากสื่อ ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะหลายประเทศเกี่ยวข้องด้วย ต้องดูแนวทางจากต่างประเทศด้วยว่าเขาทำอย่างไร คณะทำงานของเรามีอยู่แล้ว ทางฝ่ายยุติธรรมมีการประสานงานกัน การทำงานยุติธรรมมีการเชื่อมโยงกันหมดแล้วสมัยรัฐบาลนี้ ดี ถ้าผิดจริงจะได้จับติดคุกเยอะๆ
***“ไพบูลย์”ชี้ ปมเอกสารลับ มีพันธกม.เชื่อมโยงข้อมูลต่างประเทศ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เป็นข่าวที่ออกมาจากสื่อ เราไม่สามารถนำมาทำอะไรได้ จากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องตรวจสอบจากหน่วยราชการอย่างเป็นทางการ เพราะเรามีเรื่องพันธกรณี และพันธกฎหมาย เชื่อมโยงกับหน่วยงานปราบปรามทางการเงินต่างประเทศอยู่ เมื่อได้ข้อมูลอย่างเป็นทางการต้องมาตรวจสอบ การโอน การใช้งบประมาณ ว่าใช้ในเชิงธุรกิจหรือการใด หากมีแนวโน้มไม่ถูกต้องทางกฎหมาย จะใช้กฎหมายการฟอกเงินเข้าไปจัดการ
***'ประวิตร'ยันต้องเปิดโอกาสให้แก้ตัว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าว กำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีใครบ้าง เรื่องนี้สำหรับการชี้แจงต่อสังคมโลก ต้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่ต้องถามผู้ที่เผยแพร่ดูก่อน ถ้าไม่มีข้อมูลแล้วไปตอบโต้มันไม่ได้ ต้องให้คนที่มีส่วนในรายชื่อแก้ตัวด้วย
ด้าน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า จะประสานไปยังกรมสรรพากรให้ตรวจสอบการเสียภาษีของ 21 คนไทย ที่มีชื่อปรากฏออกมา เพื่อดูว่ามีรายได้สอดรับกับการเสียภาษีย้อนหลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ รวมถึงจะประสานกับหน่วยงานตรวจสอบอื่น อาทิ ปปง. และธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ตรวจสอบด้วย
***กต.ยังไม่มีความชัดเจน
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงข่าว เชื่อว่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเขาจะดูแลเรื่องนี้เอง ส่วนผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวนั้นยังไม่มีการหารือกัน เพราะว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าเกี่ยวโยงกับใครอะไรอย่างไร และยังไม่มีการรายงานอะไรเข้ามา เป็นเพียงข่าวเท่านั้น ซึ่งในที่ประชุมครม.ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรืองดังกล่าว
****“บรรยง” งง! มีชื่อใน“ปานามา เปเปอร์ส”
อย่างไรก็ตาม สำหรับรายชื่อที่ระบุในเอกสารดังกล่าวในส่วนของไทยนั้น ปรากฎว่า จะเป็นรายชื่อนักธุรกิจชื่อดัง นักธุรกิจการเงิน อดีตนักการเมือง อาทิเช่น นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัทหลักทรัพย์ เมย์ แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล
นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร์ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร , นายบี เตชะอุบล ,นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ และนายยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) เป็นต้น
ด้าน นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ รู้สึกงงที่เห็นชื่อของตัวเองอยู่ใน Panama Leak เพราะไม่เคยรู้จัก ไม่เคยติดต่อ ไม่เคยใช้บริการใดๆ จาก มอสแซค ฟอนเซกา เพิ่งรู้จักก็วันนี้เอง และไม่เคยมีนิติกรรมใดๆ ในปานามา
ต่อมาได้โพสต์คอมเมนต์ระบุว่า "สรุปเบื้องต้น ว่ามันเป็นรายชื่อคนละชุดกับ Leak ที่ระบุว่ามี Transaction ผิด กม. เห็นรายชื่อแล้วมีผู้บริหารภัทรอยู่ครบ ก็รู้ว่าเป็นรายชื่อของผู้ถือหุ้น RPIC ซึ่งพวกเราทำ Management Buy Out ซื้อมาจาก Merrill Lynch เมื่อปี 2003 ซึ่งเป็นเรื่องเปิดเผย ไม่เคยปิดบังใคร ปรากฎในรายงานประจำปีทุกปี แน่ใจว่าไม่มีเรื่องผิด กม.
ผมเข้าใจ (เบื้องต้น) ว่า Mossack Fonseca เป็น สนง. ใหญ่มี 40 แห่งทั่วโลก ทำรายการหลายสิบล้านรายการ ในนั้นอาจมีเรื่องผิด กม. บ้าง แต่ไม่น่าจะทุกรายการ เราไม่เคยใช้บริการ แต่อาจมีรายการผ่านกันบางทอดทำให้เขามีข้อมูล ซึ่งก็คือทะเบียนผู้ถือหุ้น (ที่เมืองไทยก็ไปขอคัดได้ที่ กท. พาณิชย์นั่นแหละครับ)"
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทหลักทรัพย์หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือเลี่ยงภาษีแน่นอน ซึ่งคาดว่าอาจเป็นการเข้าใจผิด โดยอาจถูกเชื่อมโยงกับที่ตนเคยมีบัญชีส่วนบุคคล กับธนาคารต่างประเทศ และได้ปิดบัญชีไปแล้ว แต่ธนาคารนั้นใช้สำนักกฎหมายดังกล่าวเป็นผู้ดูแล
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ อย่างมีอารมณ์ขันว่า แปลกใจว่า ทำไมถึงมีรายชื่อตนปรากฎอยู่ ทั้งที่ไม่มีการทำธุรกรรมการเงินที่ต่างประเทศ ไม่เคยจดทะเบียนหรือไปหุ้นกับบุคคลอื่นตั้งบริษัท รวมทั้งไม่เคยให้ใครยืมชื่อไปทำธุรกรรมใดๆ เพราะเป็นคนระวังเรื่องนี้มากอยู่แล้ว
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ CI กล่าวว่า ระบุ ไม่เป็นความจริง ไม่มี 100% และคิดว่า เอกสารดังกล่าว ไม่มีหลักฐาน ไม่มีแก่นสาร และช่วยให้เกิดความกระจ่างด้วย