จำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท “นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี” อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล คดีนำรถยนต์และวัสดุราชการไปใช้ในงานแต่งลูกสาว แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
วานนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2117/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายแพทย์ชัยวัน เจริญโชคทวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นเจ้าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 151 และ 157
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนมกราคม 2554 เวลากลางวันจำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ได้สั่งให้นายประเทือง ครุฑวิเศษ หัวหน้าธุรการฝ่ายบริหารงานทั่วไปซึ่งมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ในงานต่างๆ ของคณะแพทยศาสตร์ฯ ให้ไปช่วยจัดเตรียมงานพิธีมงคลสมรสระหว่างแพทย์หญิงวรรณศิริ เจริญโชคทวี บุตรสาวของจำเลยและงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในวันที่ 16 ม.ค. 2554 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น โดยแจ้งให้นำเก้าอี้พร้อมปลอกจำนวน 100 ตัว และกระถางต้นไม้ซึ่งเป็นทรัพย์สินของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปใช้จัดงานด้วย และสั่งให้เจ้าพนักงานโสตทัศนศึกษา คณะแพทยศาสตร์ฯ นำกล้องวิดีโอ 2 เครื่อง โทรทัศน์ 1 เครื่อง สายสัญญาณจำนวน 1 ชุด ขาตั้งกล้องมอนิเตอร์ 2 เครื่อง กล้องถ่ายรูป 2 ตัว และชุดสวิตเชอร์ (ชุดควบคุม) 1 ชุด เครื่องเล่นและบันทึกดีวีดี จำนวน 1 เครื่อง ที่เป็นทรัพย์สินของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปติดตั้งใช้งานตามที่จำเลยสั่ง โดยจำเลยยินยอมให้นำรถยนต์ส่วนกลางของคณะแพทยศาสตร์ฯ จำนวน 4 คัน ประกอบด้วย รถกระบะ 3 คัน และรถตู้ 1 คันไปใช้บรรทุกทรัพย์สินดังกล่าวและขนเจ้าหน้าที่ของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปที่บ้านของจำเลย
การกระทำของจำเลยดังกล่าวได้กระทำโดยอาศัยที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์สินอันเป็นของคณะแพทยศาสตร์ฯ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต โดยนำอุปกรณ์ต่างๆดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลย อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและคณะแพทยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร
ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดให้ดำเนินคดีต่อนายแพทย์ชัยวัน เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556 ซึ่งนายแพทย์ชัยวัน จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาได้ยื่นคำร้องให้การรับสารภาพในภายหลัง เหตุเกิดที่แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม.
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การกระทำของนายแพทย์ชัยวัน จำเลยเป็นการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พิพากษาจำคุก 5 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกเหลือ 2 ปี 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งคดีแล้ว เห็นว่าเมื่อจำเลยทราบว่าการกระทำของตนและพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น โดยการชดใช้ค่าเสียหายแล้วในทันที ประกอบกับจำเลยรับราชการเป็นแพทย์มานาน ทำคุณความดีให้แก่หน่วยงานและประเทศชาติมาโดยตลอด ทั้งจำเลยมิเคยกระทำความผิดอาญาใดๆ และไม่เคยปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี.
วานนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2117/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายแพทย์ชัยวัน เจริญโชคทวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นเจ้าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 151 และ 157
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนมกราคม 2554 เวลากลางวันจำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ได้สั่งให้นายประเทือง ครุฑวิเศษ หัวหน้าธุรการฝ่ายบริหารงานทั่วไปซึ่งมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ในงานต่างๆ ของคณะแพทยศาสตร์ฯ ให้ไปช่วยจัดเตรียมงานพิธีมงคลสมรสระหว่างแพทย์หญิงวรรณศิริ เจริญโชคทวี บุตรสาวของจำเลยและงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในวันที่ 16 ม.ค. 2554 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น โดยแจ้งให้นำเก้าอี้พร้อมปลอกจำนวน 100 ตัว และกระถางต้นไม้ซึ่งเป็นทรัพย์สินของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปใช้จัดงานด้วย และสั่งให้เจ้าพนักงานโสตทัศนศึกษา คณะแพทยศาสตร์ฯ นำกล้องวิดีโอ 2 เครื่อง โทรทัศน์ 1 เครื่อง สายสัญญาณจำนวน 1 ชุด ขาตั้งกล้องมอนิเตอร์ 2 เครื่อง กล้องถ่ายรูป 2 ตัว และชุดสวิตเชอร์ (ชุดควบคุม) 1 ชุด เครื่องเล่นและบันทึกดีวีดี จำนวน 1 เครื่อง ที่เป็นทรัพย์สินของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปติดตั้งใช้งานตามที่จำเลยสั่ง โดยจำเลยยินยอมให้นำรถยนต์ส่วนกลางของคณะแพทยศาสตร์ฯ จำนวน 4 คัน ประกอบด้วย รถกระบะ 3 คัน และรถตู้ 1 คันไปใช้บรรทุกทรัพย์สินดังกล่าวและขนเจ้าหน้าที่ของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปที่บ้านของจำเลย
การกระทำของจำเลยดังกล่าวได้กระทำโดยอาศัยที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์สินอันเป็นของคณะแพทยศาสตร์ฯ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต โดยนำอุปกรณ์ต่างๆดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลย อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและคณะแพทยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร
ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดให้ดำเนินคดีต่อนายแพทย์ชัยวัน เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556 ซึ่งนายแพทย์ชัยวัน จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาได้ยื่นคำร้องให้การรับสารภาพในภายหลัง เหตุเกิดที่แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม.
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การกระทำของนายแพทย์ชัยวัน จำเลยเป็นการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พิพากษาจำคุก 5 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกเหลือ 2 ปี 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งคดีแล้ว เห็นว่าเมื่อจำเลยทราบว่าการกระทำของตนและพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น โดยการชดใช้ค่าเสียหายแล้วในทันที ประกอบกับจำเลยรับราชการเป็นแพทย์มานาน ทำคุณความดีให้แก่หน่วยงานและประเทศชาติมาโดยตลอด ทั้งจำเลยมิเคยกระทำความผิดอาญาใดๆ และไม่เคยปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี.