ผู้จัดการรายวัน360 - "บิ๊กโด่ง" ย้ำรูดม่านสอบทุจริต "อุทยานราชภักดิ์" ขอพูดครั้งสุดท้าย ลั่นไม่เคยรับว่ามีหักหัวคิว ยก สตง.ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบ ยันไร้ปัญหา “บิ๊กต๊อก - บิ๊กหมู” โวเดินหน้าสร้างอุทยานฯต่อให้เสร็จ ด้าน รมว.ยุติธรรมย้ำอีกมีหักหัวคิว แต่อาจไม่ผิด กม. ชี้เหตุผ่านฉลุยเพราะไม่มีราคากลาง “สร้างพระ” ในระเบียบราชการ "ประวิตร" ยันจบแล้ว-ไม่ติดใจ ลาก "บิ๊กหมู" รับเรื่องจบด้วย
วานนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แถลงข่าวว่า ไม่พบการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า อยากชี้เพิ่มเติมใน 3 ประเด็นที่สังคมยังมีความคลางแคลงใจคือ 1.เรื่องการหักหัวคิว ตนยืนยันไม่เคยยอมรับว่ามีการหักหัวคิว แต่เป็นเพียงการซักถามของผู้สื่อข่าวว่า มีเรื่องการหักหัวคิวหรือไม่ ตนจึงตอบไปว่า เป็นความจริงเพียงบางส่วน ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่าไม่ใช่หัวคิว
"จะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายว่า ไม่เคยมีการหักหัวคิว และผมได้อธิบายมาตามลำดับ แต่เนื่องจากการยื่นคำถาม ผมได้ตอบไป จึงมีความเข้าใจผิดว่า ผมยอมรับมาตั้งแต่ต้น แต่เป็นความเข้าใจผิดของท่านต่างๆ ไม่ใช่ผมเข้าใจผิด ผมเข้าใจถูกมาตั้งแต่ต้น และพยายามอธิบายมาโดยตลอด" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** โอ่ผลสอบ สตช.น่าเชื่อถือ
พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ 2 คือ มีการตั้งข้อสงสัยว่า ตนเหมือนจะรู้เรื่องผลการแถลงของ สตง.ล่วงหน้านั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้ล่วงรู้อะไรมาก่อน แต่ได้ติดตามข่าวว่า สตง.ตรวจสอบข้อมูลแล้ว และผลออกมาเป็นอย่างไร ออกมาในแนวทางเป็นปกติหรือไม่เท่านั้น ทั้งนี้เป็นองค์กรที่ 3 ต่อจาก คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมและกองทัพบก ในการตรวจสอบการทุจริตโครงการนี้ สตง.ถือเป็นองค์กรอิสระน่าเชื่อถือมากที่สุด ไม่ใช่หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกองทัพบก หรือกระทรวงกลาโหม จึงมั่นใจว่า สตง.ได้ทำงานไปตามระบบ ถือว่าทุกคนทำตามหน้าที่ และควรจะเชื่อถือในสิ่งที่ตรวจสอบแล้ว ส่วนเรื่องที่ 3 คือ เรื่องเงินบริจาคจากเอกชนที่มาให้คำปรึกษา เปรียบเหมือนบริจาคเพื่อลบล้างความผิดนั้น ขอเรียนว่าสามารถดูวันที่ของการบริจาคได้ เรื่องราวที่เริ่มเป็นประเด็นหลังตนเกษียณอายุราชการไปแล้ว และผ่านการตรวจสอบหมดแล้ว ไม่ใช่ทำกลบความผิดหลังจากเกิดประเด็นขึ้นมา หลังจากนี้ไปพร้อมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบในทุกประเด็น ตามอำนาจหน้าที่และคงรับข้อมูลพื้นฐานจาก สตง.และคณะกรรมการป้องกันการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ไปแล้ว หากมีประเด็นใดที่ยังค้างคาใจ
** ยันเดินหน้าสร้างอุทยานฯต่อ
พล.อ.อุดมเดช เปิดเผยด้วยว่า ในฐานะเป็นประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ จะร่วมกับกองทัพบก ดำเนินการก่อสร้างส่วนที่เหลือคือ ในส่วนของแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ภายในอุทยานฯให้แล้วเสร็จ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีก เช่น ห้องสุขาที่ต้องมี 100 ห้องขึ้นไป เพราะขณะนี้เงินบริจาคเหลืออยู่ และตนก็มีพันธสัญญากับประชาชนทั้งประเทศที่บริจาคเงินว่า ต้องทำให้ลุล่วงสำเร็จตามวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ทั้งนี้ได้ประสานไปยังกองทัพบกแล้วเพื่อจะดำเนินการสานต่อ แต่ในส่วนคณะกรรมการชุดใหม่ที่ดูแลอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ ทราบว่ามีความพร้อมเพียงแต่รอให้ทุกอย่างยุติลงเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบตั้งแต่เดือน ต.ค.58ถึงปัจจุบัน พบว่ามียอดผู้เข้าชมประมาณ 3.8 ล้านคน แต่ละวันมีคนเข้าชมในหลักพัน โดยเฉพาะวันหยุดมีเป็นหลักหมื่น และในวันที่ 1 ม.ค.59 มีคนเช้าชมกว่า 2 แสนคน มีรถเข้าออกไม่ต่ำกว่า 4หมื่นคัน
“ในใจของผมและประชาชนส่วนใหญ่คงคิดว่าการตรวจสอบน่าจะพอสมควรแล้ว เพราะทุกอย่างเหมือนจะเคลียร์แล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจ เพราะผ่านการพิสูจย์หน่วยงานที่เป็นมาตรฐานและมีกำลังใจที่จะทำต่อไป” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** ปัดซดเกาเหลา “บิ๊กต๊อก - บิ๊กหมู”
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.อุดมเดช กับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.ตช.นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่าต้องขอขอบคุณ ศอ.ตช.ที่ได้ตรวจสอบตามหน้าที่ และยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับ พล.อ.ไพบูลย์ เจอกันก็พูดคุยปกติ คุยเรื่องงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องนี้ไม่คุย เพราเราโตกันแล้วทั้งคู่ ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับใคร และคิดว่า คนอื่นคงไม่มีปัญหากับผม เช่นเดียวกับภายในกองทัพบก บางคนไปเขียนว่ามีความขัดแย้งกัน ถือเป็นเรื่องปกติ ผู้บังคับบัญชาปัจจุบันสามารถดำเนินการใดๆได้ในขณะที่อยู่ในหน้าที่ ทุกคนไม่มีปัญหากัน
“ขอยืนยันด้วยว่า ตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้น ผมไม่เคยน้ำตาคลอ แต่อาจจะเป็นคนตาแฉะเท่านั้น” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** “บิ๊กต๊อก” โยน ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อ
อีกด้าน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เมื่อ ศอ.ตช.สรุปผลการตรวจสอบแล้วก็จะส่งข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบตามขั้นตอน และตนในฐานะ ผอ.ศอ.ตช.จะไม่เข้าไปสั่งการใดๆทั้งสิ้น ส่วนข้อเคลือบแคลงใจต่างๆ เรารับฟัง เพราะทุกคนสามารถคิดได้ แต่หน่วยงานที่ตรวจสอบต้องสร้างความศรัทธาให้ตัวเอง ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่า นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือเซียนอุ๊ เป็นข้าราชการแล้วรับเงินเกิน 3,000 บาท อาจจะผิดกฎหมายนั้น ตนได้รับทราบมาเช่นกัน แต่ในเรื่องนี้เป็นการให้เงินกันระหว่างเอกชนกับเอกชน ซึ่งหมายถึงโรงหล่อที่มีสิทธิที่จะให้เงินแก่ใครก็ได้ เมื่อเอาไปให้แล้วก็เกิดประเด็นขึ้นมาจนต้องเอาไปคืนก็ตาม แต่ประเด็นที่เอาเงินไปให้นายวัชรพงศ์นั้นไม่ถือว่าผิดกฎหมายของทางราชการ แต่เป็นเงินสิทธิส่วนตัวของบริษัทเอกชน หากใครมีข้อสงสัยประการใด ขอให้ร้องเรียนมาพร้อมหลักฐาน ใช้เพียงความรู้สึกไม่ได้
“การให้หัวคิวบางครั้งไม่ได้ผิดกฎหมายเสมอไป แต่เหมือนการอำนวยความสะดวกให้กัน มันไม่เกี่ยวกับราชการ การตรวจนั้นต้องตรวจว่าเอาเงินราชการมาทำ เชื่อมโยงกับราคากลาง แต่ราคากลางนั้นไม่มี เพราะเป็นพระพุทธรูปซึ่งไม่มีกำหนดไว้” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสงสัยว่าเหตุใดนายวัชรพงศ์จึงได้หายตัวไปในช่วงแรก พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อาจจะไปตั้งหลัก เงี่ยหูฟังก็เป็นได้ เพราะไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง
เมื่อถามถึง นายคชาชาต บุญดี หรือ เสธ.โจ้ อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ที่เชื่อว่าหลบหนีไปต่างประเทศ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ ไม่มีความเชื่อมโยง ไม่ได้มีธุรกรรมทางการเงินผ่าน แต่เกี่ยวข้องกับอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งผสมกับโครงการนี้ เรื่องนี้ต้องไปถามตำรวจกองปราบปราบ
** “บิ๊กป้อม” ลั่น “มันจบแล้ว”
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการสรุปผลสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของ ศอ.ตช.ว่า “ผมไม่ติดใจ มันจบไปแล้ว ไม่มีแล้ว พอแล้ว เลิก” จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้หันไปถาม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าจบหรือยัง ซึ่ง พล.อ.ธีรชัยตอบสั้นๆว่า “จบแล้ว” ก่อนที่ทั้งสองเดินแยกไป ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่าไม่มีแล้ว จบหมดแล้ว เขาไม่โกงก็โอเค ถ้าโกง สตง.เอาตายอยู่แล้ว หลังจากนี้ก็ทำงานอย่างเดียว
** “จตุพร” ชี้โกงราชภักดิ์ยังไม่จบ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การตรวจสอบทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ยังไม่ยุติลง แม้ฝ่ายตรวจสอบจากกระทรวงยุติธรรมแถลงผลตรวจสอบไม่พบความผิด และไม่มีการทุจริตก็ตาม แต่ ป.ป.ช.ยังจะดำเนินการตรวจสอบหาความกระจ่างต่อไป อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า ก่อนการแถลงข่าวเกือบเดือนพล.อ.อุดมเดช ได้พูดกับสื่อว่า การตรวจสอบของ สตง.ทุกอย่างไม่พบการทุจริต ราวกับรู้มีข้อสอบรั่ว ส่วนการนำเงิน 20 ล้านบาท มาคืนเงินนั้น หากนำเหตุการณ์อดีตการเรียกสินบนจากป่าไม้สาละวินมาเปรียบเทียบแล้ว แม้เอาเงินสินบน 5 ล้านบาท มาคืนที่ทำเนียบรัฐบาล แต่รองอธิบดีป่าไม้ขณะนั้นยังมีความผิดและถูกดำเนินคดี
“ไม่ได้คาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำความจริงให้กระจ่างได้ แต่การออกมารับลูกนั้น สะท้อนถึงปัญหายังไม่จบ จึงต้องรับเรื่องไปดำเนินการกัน ซึ่งต้องพิสูจน์กันในวันข้างหน้า เรื่องงบประมาณจากหน่วยขึ้นตรงยังไม่ปรากฏ ยืนยันว่าผมไม่ได้มีอคติกับ พล.อ.อุดมเดช แต่ทำหน้าที่ในฐานะคนไทย” นายจตุพร กล่าว.
วานนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แถลงข่าวว่า ไม่พบการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า อยากชี้เพิ่มเติมใน 3 ประเด็นที่สังคมยังมีความคลางแคลงใจคือ 1.เรื่องการหักหัวคิว ตนยืนยันไม่เคยยอมรับว่ามีการหักหัวคิว แต่เป็นเพียงการซักถามของผู้สื่อข่าวว่า มีเรื่องการหักหัวคิวหรือไม่ ตนจึงตอบไปว่า เป็นความจริงเพียงบางส่วน ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่าไม่ใช่หัวคิว
"จะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายว่า ไม่เคยมีการหักหัวคิว และผมได้อธิบายมาตามลำดับ แต่เนื่องจากการยื่นคำถาม ผมได้ตอบไป จึงมีความเข้าใจผิดว่า ผมยอมรับมาตั้งแต่ต้น แต่เป็นความเข้าใจผิดของท่านต่างๆ ไม่ใช่ผมเข้าใจผิด ผมเข้าใจถูกมาตั้งแต่ต้น และพยายามอธิบายมาโดยตลอด" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** โอ่ผลสอบ สตช.น่าเชื่อถือ
พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ 2 คือ มีการตั้งข้อสงสัยว่า ตนเหมือนจะรู้เรื่องผลการแถลงของ สตง.ล่วงหน้านั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้ล่วงรู้อะไรมาก่อน แต่ได้ติดตามข่าวว่า สตง.ตรวจสอบข้อมูลแล้ว และผลออกมาเป็นอย่างไร ออกมาในแนวทางเป็นปกติหรือไม่เท่านั้น ทั้งนี้เป็นองค์กรที่ 3 ต่อจาก คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมและกองทัพบก ในการตรวจสอบการทุจริตโครงการนี้ สตง.ถือเป็นองค์กรอิสระน่าเชื่อถือมากที่สุด ไม่ใช่หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกองทัพบก หรือกระทรวงกลาโหม จึงมั่นใจว่า สตง.ได้ทำงานไปตามระบบ ถือว่าทุกคนทำตามหน้าที่ และควรจะเชื่อถือในสิ่งที่ตรวจสอบแล้ว ส่วนเรื่องที่ 3 คือ เรื่องเงินบริจาคจากเอกชนที่มาให้คำปรึกษา เปรียบเหมือนบริจาคเพื่อลบล้างความผิดนั้น ขอเรียนว่าสามารถดูวันที่ของการบริจาคได้ เรื่องราวที่เริ่มเป็นประเด็นหลังตนเกษียณอายุราชการไปแล้ว และผ่านการตรวจสอบหมดแล้ว ไม่ใช่ทำกลบความผิดหลังจากเกิดประเด็นขึ้นมา หลังจากนี้ไปพร้อมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบในทุกประเด็น ตามอำนาจหน้าที่และคงรับข้อมูลพื้นฐานจาก สตง.และคณะกรรมการป้องกันการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ไปแล้ว หากมีประเด็นใดที่ยังค้างคาใจ
** ยันเดินหน้าสร้างอุทยานฯต่อ
พล.อ.อุดมเดช เปิดเผยด้วยว่า ในฐานะเป็นประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ จะร่วมกับกองทัพบก ดำเนินการก่อสร้างส่วนที่เหลือคือ ในส่วนของแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ภายในอุทยานฯให้แล้วเสร็จ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีก เช่น ห้องสุขาที่ต้องมี 100 ห้องขึ้นไป เพราะขณะนี้เงินบริจาคเหลืออยู่ และตนก็มีพันธสัญญากับประชาชนทั้งประเทศที่บริจาคเงินว่า ต้องทำให้ลุล่วงสำเร็จตามวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ทั้งนี้ได้ประสานไปยังกองทัพบกแล้วเพื่อจะดำเนินการสานต่อ แต่ในส่วนคณะกรรมการชุดใหม่ที่ดูแลอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ ทราบว่ามีความพร้อมเพียงแต่รอให้ทุกอย่างยุติลงเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบตั้งแต่เดือน ต.ค.58ถึงปัจจุบัน พบว่ามียอดผู้เข้าชมประมาณ 3.8 ล้านคน แต่ละวันมีคนเข้าชมในหลักพัน โดยเฉพาะวันหยุดมีเป็นหลักหมื่น และในวันที่ 1 ม.ค.59 มีคนเช้าชมกว่า 2 แสนคน มีรถเข้าออกไม่ต่ำกว่า 4หมื่นคัน
“ในใจของผมและประชาชนส่วนใหญ่คงคิดว่าการตรวจสอบน่าจะพอสมควรแล้ว เพราะทุกอย่างเหมือนจะเคลียร์แล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจ เพราะผ่านการพิสูจย์หน่วยงานที่เป็นมาตรฐานและมีกำลังใจที่จะทำต่อไป” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** ปัดซดเกาเหลา “บิ๊กต๊อก - บิ๊กหมู”
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.อุดมเดช กับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.ตช.นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่าต้องขอขอบคุณ ศอ.ตช.ที่ได้ตรวจสอบตามหน้าที่ และยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับ พล.อ.ไพบูลย์ เจอกันก็พูดคุยปกติ คุยเรื่องงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องนี้ไม่คุย เพราเราโตกันแล้วทั้งคู่ ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับใคร และคิดว่า คนอื่นคงไม่มีปัญหากับผม เช่นเดียวกับภายในกองทัพบก บางคนไปเขียนว่ามีความขัดแย้งกัน ถือเป็นเรื่องปกติ ผู้บังคับบัญชาปัจจุบันสามารถดำเนินการใดๆได้ในขณะที่อยู่ในหน้าที่ ทุกคนไม่มีปัญหากัน
“ขอยืนยันด้วยว่า ตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้น ผมไม่เคยน้ำตาคลอ แต่อาจจะเป็นคนตาแฉะเท่านั้น” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** “บิ๊กต๊อก” โยน ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อ
อีกด้าน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เมื่อ ศอ.ตช.สรุปผลการตรวจสอบแล้วก็จะส่งข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบตามขั้นตอน และตนในฐานะ ผอ.ศอ.ตช.จะไม่เข้าไปสั่งการใดๆทั้งสิ้น ส่วนข้อเคลือบแคลงใจต่างๆ เรารับฟัง เพราะทุกคนสามารถคิดได้ แต่หน่วยงานที่ตรวจสอบต้องสร้างความศรัทธาให้ตัวเอง ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่า นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือเซียนอุ๊ เป็นข้าราชการแล้วรับเงินเกิน 3,000 บาท อาจจะผิดกฎหมายนั้น ตนได้รับทราบมาเช่นกัน แต่ในเรื่องนี้เป็นการให้เงินกันระหว่างเอกชนกับเอกชน ซึ่งหมายถึงโรงหล่อที่มีสิทธิที่จะให้เงินแก่ใครก็ได้ เมื่อเอาไปให้แล้วก็เกิดประเด็นขึ้นมาจนต้องเอาไปคืนก็ตาม แต่ประเด็นที่เอาเงินไปให้นายวัชรพงศ์นั้นไม่ถือว่าผิดกฎหมายของทางราชการ แต่เป็นเงินสิทธิส่วนตัวของบริษัทเอกชน หากใครมีข้อสงสัยประการใด ขอให้ร้องเรียนมาพร้อมหลักฐาน ใช้เพียงความรู้สึกไม่ได้
“การให้หัวคิวบางครั้งไม่ได้ผิดกฎหมายเสมอไป แต่เหมือนการอำนวยความสะดวกให้กัน มันไม่เกี่ยวกับราชการ การตรวจนั้นต้องตรวจว่าเอาเงินราชการมาทำ เชื่อมโยงกับราคากลาง แต่ราคากลางนั้นไม่มี เพราะเป็นพระพุทธรูปซึ่งไม่มีกำหนดไว้” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสงสัยว่าเหตุใดนายวัชรพงศ์จึงได้หายตัวไปในช่วงแรก พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อาจจะไปตั้งหลัก เงี่ยหูฟังก็เป็นได้ เพราะไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง
เมื่อถามถึง นายคชาชาต บุญดี หรือ เสธ.โจ้ อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ที่เชื่อว่าหลบหนีไปต่างประเทศ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ ไม่มีความเชื่อมโยง ไม่ได้มีธุรกรรมทางการเงินผ่าน แต่เกี่ยวข้องกับอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งผสมกับโครงการนี้ เรื่องนี้ต้องไปถามตำรวจกองปราบปราบ
** “บิ๊กป้อม” ลั่น “มันจบแล้ว”
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการสรุปผลสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของ ศอ.ตช.ว่า “ผมไม่ติดใจ มันจบไปแล้ว ไม่มีแล้ว พอแล้ว เลิก” จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้หันไปถาม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าจบหรือยัง ซึ่ง พล.อ.ธีรชัยตอบสั้นๆว่า “จบแล้ว” ก่อนที่ทั้งสองเดินแยกไป ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่าไม่มีแล้ว จบหมดแล้ว เขาไม่โกงก็โอเค ถ้าโกง สตง.เอาตายอยู่แล้ว หลังจากนี้ก็ทำงานอย่างเดียว
** “จตุพร” ชี้โกงราชภักดิ์ยังไม่จบ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การตรวจสอบทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ยังไม่ยุติลง แม้ฝ่ายตรวจสอบจากกระทรวงยุติธรรมแถลงผลตรวจสอบไม่พบความผิด และไม่มีการทุจริตก็ตาม แต่ ป.ป.ช.ยังจะดำเนินการตรวจสอบหาความกระจ่างต่อไป อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า ก่อนการแถลงข่าวเกือบเดือนพล.อ.อุดมเดช ได้พูดกับสื่อว่า การตรวจสอบของ สตง.ทุกอย่างไม่พบการทุจริต ราวกับรู้มีข้อสอบรั่ว ส่วนการนำเงิน 20 ล้านบาท มาคืนเงินนั้น หากนำเหตุการณ์อดีตการเรียกสินบนจากป่าไม้สาละวินมาเปรียบเทียบแล้ว แม้เอาเงินสินบน 5 ล้านบาท มาคืนที่ทำเนียบรัฐบาล แต่รองอธิบดีป่าไม้ขณะนั้นยังมีความผิดและถูกดำเนินคดี
“ไม่ได้คาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำความจริงให้กระจ่างได้ แต่การออกมารับลูกนั้น สะท้อนถึงปัญหายังไม่จบ จึงต้องรับเรื่องไปดำเนินการกัน ซึ่งต้องพิสูจน์กันในวันข้างหน้า เรื่องงบประมาณจากหน่วยขึ้นตรงยังไม่ปรากฏ ยืนยันว่าผมไม่ได้มีอคติกับ พล.อ.อุดมเดช แต่ทำหน้าที่ในฐานะคนไทย” นายจตุพร กล่าว.