เผยเหตุรถไฟฟ้า “แอร์พอร์ต เรลลิงก์” ขัดข้องก่อนเข้าสถานีรามคำแหง มาจากระบบสำรองไฟเสื่อมสภาพ กระแสไฟฟ้าส่งไปยังขบวนรถไม่เพียงพอทำให้รถหยุด แอร์ไม่ทำงาน ผู้โดยสารแน่นหน้าอก-เป็นลม 7 ราย เผยทำเรื่องซื้อระบบสำรองไฟใหม่ตัวละ 4-5 ล้านบาทแล้วเมื่อ ก.พ.ที่ผ่านมา หลังพบระบบสำรองไฟทั้ง 8 สถานีเสื่อมสภาพทั้งหมด “อาคม”สั่งเข้มแผนช่วยเหลือผู้โดยสาร พร้อมฝึกซ้อมถี่ๆ ย้ำตรวจอุปกรณ์พร้อมต้องพร้อมใช้งาน
วานนี้ (21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมเหตุรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรลลิงก์ ต้องหยุดกลางรางระหว่างสถานีหัวหมากไปสถานีรามคำแหงว่า เบื้องต้นพบว่าสาเหตุมาจากกระแสไฟฟ้าที่สถานีรามคำแหงขัดข้อง และพบว่าสถานีนี้มักเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากระบบจ่ายไฟระหว่างสถานีป้อนกระแสไฟฟ้าให้ไม่เพียงพอ อีกทั้งที่ผ่านมาระหว่างจะเข้าสถานีรามคำแหงรถไฟฟ้าจะใช้แรงไฟฟ้าจากสถานีหัวหมากจ่ายไฟไปยังสถานีดังกล่าวแทน ส่วนระบบไฟฟ้าสำรอง หรือยูพีเอช ที่มีอยู่ก็เสื่อมภาพ จากปกติที่สามารถสำรองไฟได้นานกว่า 2 ชั่วโมง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุขัดข้องจึงทำให้ระบบปรับอากาศและการเดินรถหยุดทันที
สำหรับเหตุการณ์รถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรลลิงก์ขัดข้องครั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. บริษัท รถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรลลิงก์ แจ้งว่ากระแสไฟที่สถานีรามคำแหงเกิดเหตุขัดข้องทำให้รถไฟฟ้าทั้งระบบเกิดความล่าช้า 20 นาที จึงขออภัยในความไม่สะดวก โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งแก้ไขพร้อมนำขบวนรถเปล่าไปจอดเทียบข้างขบวนที่รถจอดเสียเพื่อขนถ่ายผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก จากเหตุขัดข้องดังกล่าวทำให้ผู้โดยสารติดที่อยู่เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกเนื่องจากระบบปรับอากาศไม่ทำงาน
ต่อมาเวลา 09.24 น. ผู้โดยสารเปิดประตูออกไปนอกตัวขบวนรถไฟดังกล่าวได้แล้ว พร้อมทยอยเดินลงจากรถ เพื่อให้มีอากาศหายใจ หลังติดค้างเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง อีกทั้งรอขบวนเปล่ามาขนถ่ายผู้โดยสาร ซึ่งได้มีการขนถ่ายผู้โดยสารติดค้างไปขึ้นขบวนรถคันใหม่แล้ว เบื้องต้นมีผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยมีอาการหายใจติดขัด แน่นหน้าอก และหน้ามืดเป็นลมจำนวน 7 ราย ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูได้ให้การช่วยเหลือด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ล่าสุดเมื่อเวลา 10.15 น. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ได้กลับมาวิ่งให้บริการตามปกติได้แล้วทั้งหมด 6 ขบวน
สับเละ!ไร้แผนฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ในเฟซบุ๊คของ Airport Rail Link (facebook.com/PR.ARL) ได้มีประชาชนเข้าไปแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิเช่น..."ทำไมไม่แจ้งว่าเกิดปัญหาอะไรก่อนที่จะรับผู้โดยสารคนอื่นเข้ามาในระบบ คือตอนนี้จากติดค้างแค่ขบวนเดียว กลายเป็นรถไฟค้างอยู่บนรางตั้งหลายขบวน ถ้าบอกว่าเกิดปัญหาอะไรคนอื่นเขาจะได้ตัดสินใจไปทางอื่นได้ทัน.."
"ไม่มีการแจ้งข้อมูลที่ชัดเจน ปล่อยขายตั๋วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ต้องขึ้นมาติดแง็กอยู่ข้างบน ถ้าแจ้งให้ทราบแต่แรก จะได้เปลี่ยนการเดินทาง ไม่ต้องรอเสียเวลาเป็นชั่วโมง แย่มากๆ"
" ช้ามาก ไม่เข้าใจแผนการฉุกเฉิน เพราะขบวนเปล่าหรือรถเสริมนั้น....ได้ออกจากสถานีหัวหมากที่เราได้ขึ้นไปนั่งแป๊ปเดียว ตอน8โมงก็ประกาศให้ ออกจากขบวน แต่ทำไมถึงย้ายคนที่ตกค้างช้าร่วมเป็น 2 ชม.ล่ะค่ะ ถ้าคุณมีการวางแผนหรือแผนการฉุกเฉินที่ดีจะดีมากทควรปรับปรุงนะ เพราะเดือนนี้เจอมา 3-4 ครั้งแล้ว"
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้ย้ำให้แอร์พอร์ตลิงก์จัดส่งแผนช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในทุกกรณี ,ฝึกซ่อมอย่างสม่ำเสมอทุกสถานการณ์ ทุกกรณีและตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมใช้งาน ซึ่งคำสั่งนี้ จะครอบคลุมไปถึงรถไฟฟ้า MRT ,รถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งไปแล้วเมื่อครั้ง BTS เกิดขัดข้อง รวมถึงระบบของสนามบินต่างๆ ต้องมีความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกๆ ด้านเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีระบบจ่ายไฟฟ้าสำรองเสื่อมสภาพนั้น ได้สั่งการไปยังร.ฟ.ท.แล้วให้เร่งพิจารณางบเพื่อจัดซื้อรวมถึงงบประมาณในการปรับเปลี่ยนรถด่วน(Express Line) 4 ขบวนโดยติดตั้งที่นั่งเพิ่มเพื่อให้ใช้งานได้เหมือนรถธรรมดา (City Line) วงเงินประมาณ 24ล้านบาท
วานนี้ (21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมเหตุรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรลลิงก์ ต้องหยุดกลางรางระหว่างสถานีหัวหมากไปสถานีรามคำแหงว่า เบื้องต้นพบว่าสาเหตุมาจากกระแสไฟฟ้าที่สถานีรามคำแหงขัดข้อง และพบว่าสถานีนี้มักเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากระบบจ่ายไฟระหว่างสถานีป้อนกระแสไฟฟ้าให้ไม่เพียงพอ อีกทั้งที่ผ่านมาระหว่างจะเข้าสถานีรามคำแหงรถไฟฟ้าจะใช้แรงไฟฟ้าจากสถานีหัวหมากจ่ายไฟไปยังสถานีดังกล่าวแทน ส่วนระบบไฟฟ้าสำรอง หรือยูพีเอช ที่มีอยู่ก็เสื่อมภาพ จากปกติที่สามารถสำรองไฟได้นานกว่า 2 ชั่วโมง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุขัดข้องจึงทำให้ระบบปรับอากาศและการเดินรถหยุดทันที
สำหรับเหตุการณ์รถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรลลิงก์ขัดข้องครั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. บริษัท รถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรลลิงก์ แจ้งว่ากระแสไฟที่สถานีรามคำแหงเกิดเหตุขัดข้องทำให้รถไฟฟ้าทั้งระบบเกิดความล่าช้า 20 นาที จึงขออภัยในความไม่สะดวก โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งแก้ไขพร้อมนำขบวนรถเปล่าไปจอดเทียบข้างขบวนที่รถจอดเสียเพื่อขนถ่ายผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก จากเหตุขัดข้องดังกล่าวทำให้ผู้โดยสารติดที่อยู่เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกเนื่องจากระบบปรับอากาศไม่ทำงาน
ต่อมาเวลา 09.24 น. ผู้โดยสารเปิดประตูออกไปนอกตัวขบวนรถไฟดังกล่าวได้แล้ว พร้อมทยอยเดินลงจากรถ เพื่อให้มีอากาศหายใจ หลังติดค้างเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง อีกทั้งรอขบวนเปล่ามาขนถ่ายผู้โดยสาร ซึ่งได้มีการขนถ่ายผู้โดยสารติดค้างไปขึ้นขบวนรถคันใหม่แล้ว เบื้องต้นมีผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยมีอาการหายใจติดขัด แน่นหน้าอก และหน้ามืดเป็นลมจำนวน 7 ราย ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูได้ให้การช่วยเหลือด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ล่าสุดเมื่อเวลา 10.15 น. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ได้กลับมาวิ่งให้บริการตามปกติได้แล้วทั้งหมด 6 ขบวน
สับเละ!ไร้แผนฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ในเฟซบุ๊คของ Airport Rail Link (facebook.com/PR.ARL) ได้มีประชาชนเข้าไปแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิเช่น..."ทำไมไม่แจ้งว่าเกิดปัญหาอะไรก่อนที่จะรับผู้โดยสารคนอื่นเข้ามาในระบบ คือตอนนี้จากติดค้างแค่ขบวนเดียว กลายเป็นรถไฟค้างอยู่บนรางตั้งหลายขบวน ถ้าบอกว่าเกิดปัญหาอะไรคนอื่นเขาจะได้ตัดสินใจไปทางอื่นได้ทัน.."
"ไม่มีการแจ้งข้อมูลที่ชัดเจน ปล่อยขายตั๋วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ต้องขึ้นมาติดแง็กอยู่ข้างบน ถ้าแจ้งให้ทราบแต่แรก จะได้เปลี่ยนการเดินทาง ไม่ต้องรอเสียเวลาเป็นชั่วโมง แย่มากๆ"
" ช้ามาก ไม่เข้าใจแผนการฉุกเฉิน เพราะขบวนเปล่าหรือรถเสริมนั้น....ได้ออกจากสถานีหัวหมากที่เราได้ขึ้นไปนั่งแป๊ปเดียว ตอน8โมงก็ประกาศให้ ออกจากขบวน แต่ทำไมถึงย้ายคนที่ตกค้างช้าร่วมเป็น 2 ชม.ล่ะค่ะ ถ้าคุณมีการวางแผนหรือแผนการฉุกเฉินที่ดีจะดีมากทควรปรับปรุงนะ เพราะเดือนนี้เจอมา 3-4 ครั้งแล้ว"
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้ย้ำให้แอร์พอร์ตลิงก์จัดส่งแผนช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในทุกกรณี ,ฝึกซ่อมอย่างสม่ำเสมอทุกสถานการณ์ ทุกกรณีและตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมใช้งาน ซึ่งคำสั่งนี้ จะครอบคลุมไปถึงรถไฟฟ้า MRT ,รถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งไปแล้วเมื่อครั้ง BTS เกิดขัดข้อง รวมถึงระบบของสนามบินต่างๆ ต้องมีความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกๆ ด้านเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีระบบจ่ายไฟฟ้าสำรองเสื่อมสภาพนั้น ได้สั่งการไปยังร.ฟ.ท.แล้วให้เร่งพิจารณางบเพื่อจัดซื้อรวมถึงงบประมาณในการปรับเปลี่ยนรถด่วน(Express Line) 4 ขบวนโดยติดตั้งที่นั่งเพิ่มเพื่อให้ใช้งานได้เหมือนรถธรรมดา (City Line) วงเงินประมาณ 24ล้านบาท
