เมื่อเวลา10.30 น. วานนี้ (17มี.ค.) ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.เปรม ติณสูลานนนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวในพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทยสู่ใจใต้" ครั้งที่ 27 ว่า วันนี้โชคดีมากที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เด็กๆอาจคิดว่าอายุยังไม่มาก เรื่องชาติบ้านเมือง เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งอย่าไปคิดเช่นนั้น แต่ต้องคิดว่า เราเป็นคนไทย มีหน้าที่ที่จะช่วยเหลือและทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง วันนี้จึงดีใจมากที่ได้มาพบกันในฐานะที่เราเป็นลูกของชาติไทยด้วยกัน ดีใจที่ได้มาพบ และพูดคุยกับทุกคนด้วยความรัก ความห่วงใย โดยเรื่องความหวังจะขอร้องจากพวกเธอให้ทำ พวกเธอทั้งหลาย แม้จะนับถือศาสนาต่างกัน แต่พวกเราเป็นคนไทยที่ทำหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมืองของเรา และอย่าคิดว่าเป็นเด็ก ไม่มีหน้าที่ต้องทำ แต่ถ้าเราเป็นคนดีไม่สร้างปัญหาให้พ่อแม่ ไม่สร้างปัญหาสังคม และไม่สร้างปัญหาให้ชาติไทย นั่นก็เป็นประโยชน์มากต่อชาติบ้านเมืองแล้ว
" สิ่งที่ผมจะพูดขอให้พวกเธอฟัง เราเป็นคนไทยเหมือนกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ ฮินดู และซิกซ์ ก็ล้วนแต่เป็นคนไทย มีสิทธิ หน้าที่เหมือนกัน และจะต้องได้รับความเอาใจใส่จากราชการเสมอกัน และได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน อาจจะต่างกัน เช่น บางคนอาจจะไม่ได้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน ซึ่งผมคิดว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และถือเป็นความบกพร่องของภาครัฐ องค์กรต่างๆ และบางทีอาจเป็นความบกพร่องพวกเธอด้วย" พล.อ.เปรม กล่าว
ประธานองคมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้เรามาอยู่ร่วมกัน คนที่มาอยู่ร่วมกันจะทำได้ 3 อย่าง คือ 1. ทำประโยชน์ 2.ไม่ทำประโยชน์ และ 3. อยู่เฉยๆ คือไม่ทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นเมื่อมาอยู่ร่วมกัน จะต้องทำประโยชน์ เพราะสังคมจะได้รับผลประโยชน์และชาติก็จะได้รับด้วย
อย่างไรก็ตาม จะทำอย่างไรนั้น คงมีเจ้าหน้าที่ชี้แจง อีกทั้งตนขอร้องให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง สังคม และชาติไทย นอกเหนือจากนั้น ควรทำตนให้ไม่เป็นพิษเป็นภัย และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน โดยวิธีการที่ดีที่สุด ก็คือทำตนเป็นคนดีของชาติบ้านเมือง
"ขอเล่าให้ฟังว่า ชาติบ้านเมืองเรามีคนไม่ดีจำนวนไม่น้อย พวกเธอทั้งหลายจะต้องไม่ไปอยู่กับคนไม่ดีเหล่านั้น และต้องเป็นคนดีของชาติบ้านเมืองของเรา ถ้าทำไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ พ่อแม่ สังคมก็จะเสียใจ รวมทั้งประเทศชาติเสียหายอีกด้วย" พล.อ.เปรม กล่าว และว่า ตนเชื่อว่าเราจะดูแลพวกเธอให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ และขอให้คิดว่าความเป็นไทยเป็นสิ่งที่เราจะต้องรักษาไว้ให้ได้ และขอให้ทุกคนทำดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินของเรา เป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมือง และเป็นผู้ที่จะดูแลชาติบ้านเมืองต่อไป
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.เปรม ถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯอยากจะขอเข้าพบ ซึ่งพล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยหัวเราะในลำคอ พร้อมระบุว่า“ขอให้ถามเรื่องอื่นเถอะ และผู้สื่อข่าวถามนอกเรื่องไปแล้วนะ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎของพล.อ.เปรมไม่พบนักการเมือง ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม เมื่อถามถึงเรื่อง ที่คสช. เสนอให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระบุเรื่องส.ว.สรรหา 250 คน ไว้ในรัฐธรรมนูญ พล.อ.เปรม ก็ไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สมัยท่านเป็นรัฐบาล เคยมี ส.ว.สรรหา พล.อ.เปรม กล่าวว่า "จำไม่ได้แล้ว"
" สิ่งที่ผมจะพูดขอให้พวกเธอฟัง เราเป็นคนไทยเหมือนกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ ฮินดู และซิกซ์ ก็ล้วนแต่เป็นคนไทย มีสิทธิ หน้าที่เหมือนกัน และจะต้องได้รับความเอาใจใส่จากราชการเสมอกัน และได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน อาจจะต่างกัน เช่น บางคนอาจจะไม่ได้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน ซึ่งผมคิดว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และถือเป็นความบกพร่องของภาครัฐ องค์กรต่างๆ และบางทีอาจเป็นความบกพร่องพวกเธอด้วย" พล.อ.เปรม กล่าว
ประธานองคมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้เรามาอยู่ร่วมกัน คนที่มาอยู่ร่วมกันจะทำได้ 3 อย่าง คือ 1. ทำประโยชน์ 2.ไม่ทำประโยชน์ และ 3. อยู่เฉยๆ คือไม่ทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นเมื่อมาอยู่ร่วมกัน จะต้องทำประโยชน์ เพราะสังคมจะได้รับผลประโยชน์และชาติก็จะได้รับด้วย
อย่างไรก็ตาม จะทำอย่างไรนั้น คงมีเจ้าหน้าที่ชี้แจง อีกทั้งตนขอร้องให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง สังคม และชาติไทย นอกเหนือจากนั้น ควรทำตนให้ไม่เป็นพิษเป็นภัย และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน โดยวิธีการที่ดีที่สุด ก็คือทำตนเป็นคนดีของชาติบ้านเมือง
"ขอเล่าให้ฟังว่า ชาติบ้านเมืองเรามีคนไม่ดีจำนวนไม่น้อย พวกเธอทั้งหลายจะต้องไม่ไปอยู่กับคนไม่ดีเหล่านั้น และต้องเป็นคนดีของชาติบ้านเมืองของเรา ถ้าทำไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ พ่อแม่ สังคมก็จะเสียใจ รวมทั้งประเทศชาติเสียหายอีกด้วย" พล.อ.เปรม กล่าว และว่า ตนเชื่อว่าเราจะดูแลพวกเธอให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ และขอให้คิดว่าความเป็นไทยเป็นสิ่งที่เราจะต้องรักษาไว้ให้ได้ และขอให้ทุกคนทำดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินของเรา เป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมือง และเป็นผู้ที่จะดูแลชาติบ้านเมืองต่อไป
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.เปรม ถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯอยากจะขอเข้าพบ ซึ่งพล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยหัวเราะในลำคอ พร้อมระบุว่า“ขอให้ถามเรื่องอื่นเถอะ และผู้สื่อข่าวถามนอกเรื่องไปแล้วนะ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎของพล.อ.เปรมไม่พบนักการเมือง ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม เมื่อถามถึงเรื่อง ที่คสช. เสนอให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระบุเรื่องส.ว.สรรหา 250 คน ไว้ในรัฐธรรมนูญ พล.อ.เปรม ก็ไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สมัยท่านเป็นรัฐบาล เคยมี ส.ว.สรรหา พล.อ.เปรม กล่าวว่า "จำไม่ได้แล้ว"