xs
xsm
sm
md
lg

ฟัน“ธาริต”รวยผิดปกติ346ล. ชงยึดเป็นของแผ่นดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ 7-0 ชี้มูลความผิด “ธาริต” ร่ำรวยผิดปกติ 346 ล้าน ส่งอัยการสูงสุดฟ้องยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมให้ยื่นถอดถอนด้วย เผยตอนนี้อายัดได้แค่ 90 ล้าน ต้องไล่เบี้ยอีก 256ล้านบาท แฉพฤติกรรมยักย้ายถ่ายโอนให้คนอื่น ด้าน “ธาริต” ร่อนเอกสารโต้ ป.ป.ช.กล่าวหาคลุมเครือ ยันได้ทรัพย์สินมาโดยชอบ ถามกลับปฏิบัติเท่าเทียมกันทุกคนหรือไม่

วานนี้ (10 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีการกล่าวหา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่ำรวยผิดปกติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ที่ประชมได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า นายธาริต และนางวรรษมล คู่สมรส มีทรัพย์สินจำนวนมาก เกินกว่าฐานะและรายได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพึงมีได้ อีกทั้งยังปรากฏพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน รวมทั้งให้บุคคลอื่นถือทรัพย์สินแทน จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เสียงว่า นายธาริต มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยให้ส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเพื่อขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินของนายธาริต และผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 346 ล้านบาทเศษตกเป็นของแผ่นดิน และให้แจ้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนนายธาริต ดำเนินการทางวินัยต่อไป

“เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของนายธาริตบางส่วนได้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สิน ทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินที่นายธาริต ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัดไว้เป็นการชั่วคราว จำนวน 90 ล้านบาทเศษ ทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติในส่วนที่เหลือจำนวน 256ล้านบาทเศษ ให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายธาริต และนางวรรษมล ต่อไป” นายปรีชา ระบุ

นายปรีชา เปิดเผยด้วยว่า สำหรับมติที่ประชุม ป.ป.ช. 7 ต่อ 0 เสียงนั้น มีกรรมการ ป.ป.ช. 2 ราย ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ คือ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ซึ่งติดภารกิจ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ที่ขอไม่เข้าร่วมประชุมเนื่องจากทนายความของนายธาริตมีนามสกุลเดียวกับ พล.ต.อ.สถาพร จึงเกรงว่าจะมีส่วนได้ส่วนเสีย

** เผย “ธาริต” ตีมึนไม่ชี้แจงข้อกล่าวหา

ด้าน นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวเสริมว่า คดีนี้สืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนข้าราชการระดับสูงสร้างบ้านที่เกรงว่าจะรุกล้ำเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ ป.ป.ช.จึงลงพื้นที่สอบว่ามีการรุกล้ำที่หรือไม่ แต่พบว่าเจ้าของบ้านคือ ภรรยาของนายธาริต ป.ป.ช.จึงดำเนินตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายธาริตที่เคยแสดงไว้ แต่ไม่พบรายการดังกล่าว มีเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ จึงตั้งอนุกรรมการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐาน จากนั้นพบพฤติการณ์ยักย้ายแปรสภาพ ซุกซ่อนทรัพย์สินต่างๆ ป.ป.ช.จึงสั่งอายัดไว้จำนวน 2 ครั้ง จำนวน 90 ล้านบาท ต่อมาได้แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งนายธาริต ได้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่ยอมมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวว่า โดยอ้างว่าไม่เข้าใจข้อกล่าวหาของอนุกรรมการไต่สวน และบอกว่าอนุกรรมการไม่ให้ความเป็นธรรม โดยอนุกรรมการได้เปรียบเทียบรายได้ของนายธาริต ซึ่งพบว่ามีทรัพย์สินที่ ป.ป.ช.พิจารณาว่าไม่มีที่มาที่ไป และมีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 346 ล้านบาทเศษ จึงมีมติชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทรัพย์สินของนายธาริตและภรรยาที่ ป.ป.ช.มีมติให้ส่งอัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลให้ตกเป็นของแผ่นดินแบ่งเป็น บัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นายธาริต นางวรรษมล และนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ ซึ่งเป็นหลานชายของนายธาริต รวม 12 บัญชี รวมเป็นเงิน 3.5 ล้านบาทเศษ บ้านจำนวน 5 หลัง รถยนต์ 2 คัน และ โฉนดที่ดินจำนวน 14 แห่ง

** “ธาริต” โวยกล่าวหาคลุมเครือ

อีกด้าน นายธาริต ได้เผยแพร่หนังสือชี้แจงต่อสื่อมวลชนโดยระบุว่า อนุกรรมการไต่สวนฯของ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อตน 2 ครั้ง โดยได้นำยอดเงินฝากหมุนเวียนผ่านบัญชีของตนและภรรยา ซึ่งเป็นการฝากและใช้จ่ายตามปกติ ตลอดเวลาที่ตนเป็นอธิบดีดีเอสไอ ระหว่างปี 2552 - 57 และย้อนหลังไปก่อนดำรงตำแหน่งหลายปีบวกทบๆกัน โดยไม่ได้พิจารณาว่า เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นการคิดคำนวณที่ไม่เป็นตามหลักบัญชี รวมทั้งทรัพย์สินอื่นมาบวกรวมกันให้เห็นว่า ตนมีทรัพย์สินที่มากเกินความเป็นจริง แล้วกล่าวหาว่า ร่ำรวยผิดปกติ ทั้งที่ทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ไม่มีอยู่จริง และทุกรายการก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การมีหรือได้มาทรัพย์สินตามที่กล่าวหานั้น เป็นการไม่ชอบหรือไม่มีเหตุอันควรหรือมีพฤติการณ์ ที่ร่ำรวยผิดปกติอย่างไร ยกตัวอย่าง บัญชีธนาคารแห่งหนึ่งของภรรยาตนใช้ฝากเงินเพื่อหมุนเวียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 6 ล้านบาท ย่อมมีการถอนออกแล้วฝากเข้าเป็นปกติของการซื้อขายหุ้น แต่อนุกรรมการ ป.ป.ช.ใช้วิธีนำเอาเฉพาะรายการฝากทุกๆ ครั้งบวกทบๆกัน จึงทำให้ยอดบัญชีสูงถึง 86 ล้านบาท ทั้งที่ตัวเงินจริงมีเพียง 6 ล้านบาทที่หมุนเวียน เป็นต้น

“การกล่าวหาว่าข้าพเจ้าร่ำรวยผิดปกติ จึงมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้เข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี และไม่อยู่ในวิสัยที่วิญญูชนจะสามารถจดจำ นำหลักฐานมาชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบตามข้อ 37 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 47 และมาตรา 125” นายธาริต ระบุ

** ขู่ ป.ป.ช.รับผิดชอบหากศาลชี้ไม่ผิด

นายธาริต ระบุด้วยว่า ประการสำคัญ อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือน และค่าตอบแทนเฉพาะการรับราชการของตนและภรรยาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบถึงรายได้จากการทำธุรกิจเช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อขายที่ดิน และการลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองคำ และอัญมณี ซึ่งในปัจจุบันการมีรายได้จากธุรกิจต่างๆ ของข้าราชการเป็นเรื่องปกติที่กระทำได้โดยชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานหรือพฤติการณ์ใดๆเลยที่แสดงว่า ตนมีทรัพย์สินเหล่านั้น หรือได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือโดยไม่ถูกต้อง จึงขอตั้งคำถามต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ถึงวิธีคำนวณทรัพย์สินของตนเป็นไปตามหลักการทางบัญชีที่คนปกติเขาใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันหรือไม่ และได้ปฏิบัติต่อตนตามกฎหมายและเท่าเทียมกับปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆหรือไม่

“ข้าพเจ้าจะได้แต่งตั้งทนายความขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลยุติธรรมต่อไป และหาก ในที่สุดศาลตัดสินว่า ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดตามที่ ป.ป.ช.มีมติแล้ว ถึงตอนนั้น ป.ป.ช. จะรับผิดชอบต่อความไม่เป็นธรรมที่ได้กระทำกับข้าพเจ้าหรือไม่อย่างไร” นายธาริต ระบุ.
กำลังโหลดความคิดเห็น