MGR Online - “ธาริต” โร่แจงเอกสารโต้ กรณี ป.ป.ช. ชงศาลสั่งยึดทรัพย์ 346 ล้าน ร่ำรวยผิดปกติ ชี้ หมุนเวียนฝากตามแบงก์ต่าง ๆ มองข้อหา - หลักฐานใช้ในการพิจารณาไม่เพียงพอ ยกข้าราชการมีหลายธุรกิจเป็นเรื่องปกติ ถามกลับวิธีคิดทรัพย์สินเป็นไปตามหลักปกติ เท่าเทียมกันหรือไม่
สืบเนื่องจากกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่ำรวยผิดปกติ และส่งคำร้องให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นต่อศาลสั่งฟ้องยึดทรัพย์สิน นายธาริต และผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 346 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (10 มี.ค.)
ล่าสุด ในวันเดียวกัน (10 มี.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำเอกสารคำแถลงชี้แจงกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ว่า ข้าพเจ้าขอแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนดังต่อไปนี้ ข้อ 1. อนุกรรมการไต่สวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าพเจ้าถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ อนุกรรมการได้นำเอาเงินฝากหมุนเวียน ผ่านบัญชีของข้าพเจ้าและภรรยา ที่เปิดไว้กับธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเป็นการฝากและใช้จ่ายตามปกติทุกรายการที่ปรากฏในบัญชีธนาคาร ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งอธิบดี (พ.ศ. 2552 - 2557) และย้อนหลังไปก่อนดำรงตำแหน่งหลายปีบวกทบ ๆ กัน โดยไม่ได้พิจารณาว่า เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นการคิดคำนวณที่ไม่เป็นตามหลักบัญชี รวมทั้งทรัพย์สินอื่นมาบวกรวมกันให้เห็นว่า ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินที่มากเกินความเป็นจริง แล้วกล่าวหา ข้าพเจ้าว่าร่ำรวยผิดปกติ ทั้งทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ไม่มีอยู่จริง และทุกรายการก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การมีหรือได้มาของทรัพย์สินตามที่กล่าวหานั้น เป็นการไม่ชอบหรือไม่มีเหตุอันควร หรือมีพฤติการณ์ ที่ร่ารวยผิดปกติอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ภรรยาของข้าพเจ้าใช้ฝากเงิน เพื่อหมุนเวียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 6 ล้านบาท ตลอดเวลา 5 ปี ที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่ง ย่อมมีการถอนออกแล้วฝากเข้าเป็นปกติของการซื้อขายหุ้น แต่อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีนำเอาเฉพาะรายการฝากทุก ๆ ครั้งบวกทบ ๆ กัน จึงทาให้ยอดบัญชีสูงถึง 86 ล้านบาท ทั้งที่ตัวเงินจริงมีเพียง 6 ล้านบาท ที่หมุนเวียนเป็นต้น การกล่าวหาว่าข้าพเจ้าร่ำรวยผิดปกติ จึงมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้เข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี และไม่อยู่ในวิสัยที่วิญญูชนจะสามารถจดจำนำหลักฐานมาชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบตามข้อ 37 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 47 และมาตรา 125
ประการสำคัญ อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือน และค่าตอบแทนเฉพาะการรับราชการของข้าพเจ้าและภรรยาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบถึงรายได้จากการทำธุรกิจ เช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อขายที่ดิน และการลงทุนในทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น ทองคำ และอัญมณี ซึ่งในปัจจุบันการมีรายได้จากธุรกิจต่าง ๆ ของข้าราชการเป็นเรื่องปกติ ที่กระทำได้โดยชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานหรือพฤติการณ์ใด ๆ เลยที่แสดงว่า ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินเหล่านั้น หรือได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือโดยไม่ถูกต้อง
ข้อ 2. ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังต่อไปนี้ (1) วิธีคิดคำนวณทรัพย์สินของข้าพเจ้าเป็นไปตามหลักการทางบัญชีที่คนปกติเขาใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันหรือไม่ (2) การปฏิบัติต่อข้าพเจ้าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ (3) ได้ปฏิบัติกับข้าพเจ้าเท่าเทียมกับปฏิบัติต่อบุคคลอื่น ๆ หรือไม่
ข้อ 3. ข้าพเจ้าจะได้แต่งตั้งทนายความขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลยุติธรรมต่อไป และหากในที่สุดศาลตัดสินว่า ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดตามที่ ป.ป.ช. มีมติแล้ว ถึงตอนนั้น ป.ป.ช. จะรับผิดชอบต่อความไม่เป็นธรรมที่ได้กระทำกับข้าพเจ้าหรือไม่ อย่างไร