"พะจุณณ์" ร้องผู้ตรวจฯ สอบสตช.แจ้งดำเนินคดีซื้อขายตำแหน่งไม่ชอบ ยัน10 มี.ค. พร้อมไปรับทราบข้อกล่าวหา ด้าน "ศรีวราห์"ย้ำ10 มี.ค."พะจุณณ์" ต้องมาตามหมายเรียกปอท. ลั่นตำแหน่งไม่ได้ซื้อขายกันง่ายๆ หากมีหลักฐาน ให้ยื่นมา ยินดีดำเนินการตามกม.ให้
วานนี้ (7มี.ค.) พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสปท. พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี และพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ออกหมายเรียกผู้ต้องหา โดยต้องหาว่าหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ว่าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ นายนิติธร กล่าวว่า ตามข่าวมีข้อความสำคัญ 3 ส่วน คือ พลเอก , การซื้อขายตำแหน่ง และในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องพิจารณาเสียก่อนว่า ที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ พูด หรือที่ปรากฏทางข้อความแชตไลน์นั้น มีการยืนยันตัวบุคคลหรือไม่ ซึ่งจาก 3 ข้อความดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่า พลเอก ดังกล่าวเป็นใคร ขณะเดียวกันข้อความก็ไม่ได้มีการระบุสำนักงานตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง หรือไปเกี่ยวจ้องกับพลเอก อย่างไร ซึ่งการรับข้อกล่าวหาทำได้ แต่การจะตั้งข้อกล่าวหา หรือทำให้ใครตกเป็นผู้ต้องหาจะต้องพิสูจน์ให้ได้ความก่อนว่า พลเอก ที่มีการกล่าวหาเป็นใคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวข้องอย่างไร จึงเห็นว่า การตั้งข้อกล่าวหา และการออกหมายเรียกไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีการระบุตัวบุคคล ไม่ได้มีการยืนยัน อีกทั้งผู้ที่ตั้งเรื่องร้องทุกข์ คือ สตช. ซึ่งมีกองกฎหมายอยู่ การจะร้อง ทุกข์กล่าวโทษใครนั้น ก็ควรต้องมีความชัดเจนของข้อมูลเสียก่อน ที่จะทำให้ใครตกเป็นผู้ต้องหา
ด้าน พล.ร.อ.พระจุณณ์ กล่าวว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงานของตำรวจ เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ สปท. และที่ต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ ก็เพื่อให้ตำรวจมีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี เป็นที่รักของประชาชน ซึ่งในข้อเท็จจริงการปฏิรูปตำรวจ ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ปัญหาคือจะไปได้มากน้อยแค่ไหน ตนคิดว่าปัจจุบันประชาชนทนได้กับปัญหาทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงแต่ทนไม่ได้กับการทุจริตคอร์รัปชัน หากรัฐบาลแก้ไขได้ คิดว่าประชาชนยอมรับได้ และทนได้ 5 ปี 10 ปี กับสภาวะการเมือง และเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้
" ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ผมจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก แม้จะมีหลายฝ่ายไม่อยากให้ผมไปก็ตาม แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน ก็เห็นว่าจำเป็นต้องไป "
เมื่อถามต่อว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาได้มีการหารือกับทางกองทัพ หรือนายทหารคนใดหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า ไม่เคย จริงๆ ผมกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชอบกันมาก เรียกได้ว่าเป็นพี่เป็นน้องที่สนิทกัน ให้ความช่วยเหลือกัน แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา
”ศรีวราห์” เรียกหาหลักฐาน
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึง การดำเนินคดีกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ ว่า ในวันที่10 มี.ค.นี้ ท่านต้องเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนปอท. ตามหมายเรียก โดยจะแจ้งข้อหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และหมิ่นประมาทสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่ร้องทุกข์กล่าวหาไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากพล.ร.อ.พะจุณณ์ หรือคนใกล้ชิด เรื่องนี้ย้ำว่า เมื่อพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่ถ้าท่านมีหลักฐานการซื้อขายตำแหน่งฯจริง ก็ให้นำมาให้ตน ตนยินดีดำเนินการตามกฎหมายให้ "ที่เข้าใจว่าการจ้างให้ลาออก ถือเป็นการซื้อขายตำแหน่ง เป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง เพราะว่าหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอยู่ ทั้งกฎ ก.ตร. และมติก.ตร.บังคับอยู่ ไม่สามารถทำได้" พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว และว่าไม่ทราบว่ามีการจ้างให้ลาออกจริงหรือไม่ หาก พล.ร.อ.พะจุณณ์ มีหลักฐานว่าซื้อขายกัน ก็ให้นำมาเพื่อดำเนินคดี ซึ่งการซื้อขายตำแหน่งไม่ใช่ทำกันง่ายๆ กฎเกณฑ์มีอยู่ ทำลำบาก มีผู้บังคับบัญชาหลายชั้นคัดกรอง
วานนี้ (7มี.ค.) พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสปท. พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี และพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ออกหมายเรียกผู้ต้องหา โดยต้องหาว่าหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ว่าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ นายนิติธร กล่าวว่า ตามข่าวมีข้อความสำคัญ 3 ส่วน คือ พลเอก , การซื้อขายตำแหน่ง และในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องพิจารณาเสียก่อนว่า ที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ พูด หรือที่ปรากฏทางข้อความแชตไลน์นั้น มีการยืนยันตัวบุคคลหรือไม่ ซึ่งจาก 3 ข้อความดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่า พลเอก ดังกล่าวเป็นใคร ขณะเดียวกันข้อความก็ไม่ได้มีการระบุสำนักงานตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง หรือไปเกี่ยวจ้องกับพลเอก อย่างไร ซึ่งการรับข้อกล่าวหาทำได้ แต่การจะตั้งข้อกล่าวหา หรือทำให้ใครตกเป็นผู้ต้องหาจะต้องพิสูจน์ให้ได้ความก่อนว่า พลเอก ที่มีการกล่าวหาเป็นใคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวข้องอย่างไร จึงเห็นว่า การตั้งข้อกล่าวหา และการออกหมายเรียกไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีการระบุตัวบุคคล ไม่ได้มีการยืนยัน อีกทั้งผู้ที่ตั้งเรื่องร้องทุกข์ คือ สตช. ซึ่งมีกองกฎหมายอยู่ การจะร้อง ทุกข์กล่าวโทษใครนั้น ก็ควรต้องมีความชัดเจนของข้อมูลเสียก่อน ที่จะทำให้ใครตกเป็นผู้ต้องหา
ด้าน พล.ร.อ.พระจุณณ์ กล่าวว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงานของตำรวจ เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ สปท. และที่ต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ ก็เพื่อให้ตำรวจมีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี เป็นที่รักของประชาชน ซึ่งในข้อเท็จจริงการปฏิรูปตำรวจ ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ปัญหาคือจะไปได้มากน้อยแค่ไหน ตนคิดว่าปัจจุบันประชาชนทนได้กับปัญหาทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงแต่ทนไม่ได้กับการทุจริตคอร์รัปชัน หากรัฐบาลแก้ไขได้ คิดว่าประชาชนยอมรับได้ และทนได้ 5 ปี 10 ปี กับสภาวะการเมือง และเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้
" ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ผมจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก แม้จะมีหลายฝ่ายไม่อยากให้ผมไปก็ตาม แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน ก็เห็นว่าจำเป็นต้องไป "
เมื่อถามต่อว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาได้มีการหารือกับทางกองทัพ หรือนายทหารคนใดหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า ไม่เคย จริงๆ ผมกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชอบกันมาก เรียกได้ว่าเป็นพี่เป็นน้องที่สนิทกัน ให้ความช่วยเหลือกัน แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา
”ศรีวราห์” เรียกหาหลักฐาน
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึง การดำเนินคดีกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ ว่า ในวันที่10 มี.ค.นี้ ท่านต้องเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนปอท. ตามหมายเรียก โดยจะแจ้งข้อหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และหมิ่นประมาทสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่ร้องทุกข์กล่าวหาไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากพล.ร.อ.พะจุณณ์ หรือคนใกล้ชิด เรื่องนี้ย้ำว่า เมื่อพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่ถ้าท่านมีหลักฐานการซื้อขายตำแหน่งฯจริง ก็ให้นำมาให้ตน ตนยินดีดำเนินการตามกฎหมายให้ "ที่เข้าใจว่าการจ้างให้ลาออก ถือเป็นการซื้อขายตำแหน่ง เป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง เพราะว่าหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอยู่ ทั้งกฎ ก.ตร. และมติก.ตร.บังคับอยู่ ไม่สามารถทำได้" พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว และว่าไม่ทราบว่ามีการจ้างให้ลาออกจริงหรือไม่ หาก พล.ร.อ.พะจุณณ์ มีหลักฐานว่าซื้อขายกัน ก็ให้นำมาเพื่อดำเนินคดี ซึ่งการซื้อขายตำแหน่งไม่ใช่ทำกันง่ายๆ กฎเกณฑ์มีอยู่ ทำลำบาก มีผู้บังคับบัญชาหลายชั้นคัดกรอง