xs
xsm
sm
md
lg

“พะจุณณ์” รับเคยซี้ “บิ๊กป้อม” งงอะไรทำให้เกิดเรื่อง ยันแฉ ตร.ตามหน้าที่ ย้ำต้องปฏิรูป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อดีตหัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ สตช.แจ้งฟันหมิ่นประมาท พล.ร.อ.ปูดซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ดูอยู่จ่อฟ้องกลับ ยันเผยข้อมูล ตร.เป็นหน้าที่ในฐานะ สปท. ย้ำต้องปฏิรูป ลั่นจะอะไรจะเกิดก็รับได้ถ้าเป็นจุดเปลี่ยน ระบุไม่ได้ขัดแย้งกับใคร พร้อมรับทราบข้อหา เผยสนิทกับ “ประวิตร” แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นถึงมีเรื่อง “ทนายนกเขา” งงฟ้องทั้งที่ไม่พิสูจน์ก่อนว่าเป็นใครและเกี่ยวอะไร



วันนี้ (7 มี.ค.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีและพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ออกหมายเรียกโดยต้องหาว่าหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ว่าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายนิติธรกล่าวว่า ตามข่าวมีข้อความสำคัญ 3 ส่วน คือ พลเรือเอก การซื้อขายตำแหน่ง และในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องพิจารณาเสียก่อนว่าที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์พูด หรือที่ปรากฏทางข้อความแชตในแอปพลิเคชันไลน์นั้นมีการยืนยันตัวบุคคลหรือไม่ จาก 3 ข้อความดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่าพลเรือเอกดังกล่าวเป็นใคร ขณะเดียวกัน ข้อความก็ไม่ได้มีการระบุสำนักงานตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง หรือไปเกี่ยวข้องกับพลเรือเอกอย่างไร ซึ่งพนักงานสอบสวนการรับข้อกล่าวหารับได้ แต่การจะตั้งข้อกล่าวหาหรือทำให้ใครตกเป็นผู้ต้องหานั้นจะต้องพิสูจน์ให้ได้ความก่อนว่าพลเรือเอกที่มีการกล่าวหาเป็นใคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวข้องอย่างไร จึงเห็นว่าการตั้งข้อกล่าวหาและการออกหมายเรียกไม่เป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าพลเรือเอกที่ถูกระบุในแชตไลน์ไม่ใช่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ นายนิติธรกล่าวว่า ตอนที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นไม่ทราบว่าหมายถึงใคร มารู้อีกทีตอนได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนแล้ว

ด้าน พล.ร.อ.พระจุณณ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายทำหน้าที่ หากเห็นว่ามีสิ่งใดต้องดำเนินการก็ให้ดำเนินการไปได้เลย รวมถึงถ้าพิจารณาว่าจำเป็นต้องฟ้องกลับกับผู้ใดหรือไม่ ก็ให้ดำเนินการไป ยืนยันว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงานของตำรวจเป็นการทำหน้าที่ในฐานะ สปท. โดยก่อนหน้านี้ตนมีตำแหน่งเป็นประธานอนุกรรมาการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจของสภาปฏิรูปแห่งชาติ แม้ว่าต่อมาจะมีการยุบอนุฯ ไปแล้วแต่ก็ยังสนใจงานด้านนี้อยู่ และที่ต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจก็เพื่อให้ตำรวจมีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี เป็นที่รักของประชาชน ซึ่งในข้อเท็จจริงการปฏิรูปตำรวจต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ปัญหาคือจะไปได้มากน้อยแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่เราต้องการคือการปฏิรูปตำรวจ โดยตนคิดว่าปัจจุบันประชาชนทนได้กับปัญหาทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง แต่ทนไม่ได้กับการทุจริตคอร์รัปชัน หากรัฐบาลแก้ไขได้คิดว่าประชาชนยอมรับได้ และทนได้ 5 ปี 10 ปีกับสภาวะการเมือง และเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้

“กรณีของผมถ้าสามารถเป็นจุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจได้ ผมถือว่าผมรับได้ทั้งหมดกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นกับผม และยืนยันผมไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ก็จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก แม้จะมีหลายฝ่ายไม่อยากให้ไปก็ตาม แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบันก็เห็นว่าจำเป็นต้องไป” พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าว

เมื่อถามต่อว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาได้มีการหารือกับทางกองทัพหรือนายทหารคนใดหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวว่า ไม่เคย จริงๆ ตนกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชอบกันมาก เรียกได้ว่าเป็นพี่เป็นน้องที่สนิทกันให้ความช่วยเหลือกัน แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา




















กำลังโหลดความคิดเห็น