00 เป็นไปตามกรรม!! ที่สุดศาลชั้นต้นก็พิพากษาจำคุก“เฮียสอ”สรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดัง กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จากกรณียักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ“คุยคุ้ยข่าว”ทางสถานีโทรทัศน์ อสมท.กว่า 138 ล้านบาท ร่วมกับจำเลยรายอื่นๆ ที่ถูกพิพากษาโทษจำคุกด้วยเช่นกัน เพียงแต่ยังเป็นแค่คำพิพากษา“ศาลชั้นต้น”เท่านั้น จึงเป็นแค่การเริ่มปฐมบทวิบากกรรมของ“เฮียสอ”เท่านั้น ส่วน“จุดจบ”ต้องอดใจรออีกพักใหญ่
00 กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็กินเวลานับ10 ปี เรื่องที่เป็นคดีความเกิดขึ้นช่วงปี 47–49 เมื่อ“เฮียสอ”ตั้ง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด เข้าผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว”ออกอากาศทาง อสมท โดยมีตัวเองเป็นผู้ดำเนินรายการ มีการตกลงการเก็บค่าโฆษณาไว้เสร็จสรรพ เรื่องมาแดงเมื่อ“สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท”ตรวจพบว่า“ไร่ส้ม”ค้างรายได้จากการโฆษณาเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท ก่อนที่จะรีบจ่ายค่าโฆษณาส่วนเกินให้ อสมท รวมดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 152 ล้านบาท ถือเป็นใบเสร็จมัดตัวเองของ“ไร่ส้ม”ที่ยอมรับว่า กระทำผิดชัดเจน
00 คำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีนี้ น่าจะเป็น “บรรทัดฐาน”ให้คดีในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะบรรดา“คดีดัง”ทั้งหลาย ที่ออกมาแถๆ ชนิดกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว เรื่องนี้น่าจะสอนให้รู้ว่า โกงไปแล้วมาคืนเงินก็ใช่ว่าจะพ้นผิดง่ายๆ เพราะถือว่าความผิดเกิดขึ้นแล้ว จะเอาไป“บริจาค”หรือ“ปลงอาบัติ”ให้ตายมันก็ไม่หาย
00 เมื่อปี 49 แม้ อสมท จะได้รับค่าเสียหายคืนแล้ว แต่ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงถึง 2 ชุด คณะหนึ่งมี“พลชัย วินิจฉัยกุล”เป็นประธาน และอีกคณะดึง“มือปราบโกง”อย่าง “พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ”มาเป็นประธานสอบ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิอีกคับคั่ง ทั้ง “นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ- ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ - สมัคร เชาวภานันท์”ผลสอบของคณะกรรมการฯ ทั้ง 2 ชุด ชี้ตรงกันว่า มีการกระทำผิดจริง โดยมี “พนักงาน อสมท”ที่เกี่ยวข้องมีส่วนรู้เห็นนับ“สิบราย”รวมทั้งเสนอให้เอาผิดคนที่รู้เห็นทั้งทางวินัย-อาญา-แพ่ง
00 แต่ “คนใน”ที่ร่วมบ่วงกรรมกับ “เฮียสอ”กลับมี พิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ อสมท ที่โดนโทษหนักสุดจาก 30 ปี ลดเหลือ 20 ปี ก่อนหน้านี้ในชั้นป.ป.ช. “พิชชาภา”ได้ให้การ “รับสารภาพ”โดยให้เหตุผลสั้นๆได้ใจความว่า“พี่สรยุทธขอร้องให้ช่วยเหลือ” เพราะเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อว่า“พนักงานระดับปฏิบัติการ”กล้ากระทำความผิดทุจริตเป็นร้อยๆล้าน โดยไม่มี "ตัวการเบื้องหลัง"
00 มีความพยายามหลายต่อหลายครั้งเมื่อสมัยที่ยังมี “สภาผู้แทนราษฎร”อยู่ ในการที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) แต่ละคณะ จะนำกรณี “ไร่ส้ม”ขึ้นมาทำการสอบสวนต่อ แต่เมื่อเรื่องรู้ถึงหู“นายใหญ่”ก็สั่งเป่าทิ้ง จนไม่คืบไปไหน มาถึงยุค คสช. ก็ได้ กมธ.การสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสารสนเทศ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง เป็นประธาน หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นการพิจารณา โดยมี มนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ผู้พิพากษามือดีกับ ประมุท สูตะบุตร อดีต ผอ.อสมท ยุคแรก ร่วมเป็น กมธ.สอบเรื่องนี้ด้วย
00 เห็นว่าประชุมกันหลายสิบครั้ง จนมีรายงานสรุปเล่มหนาส่งไปให้หน่วยงานต่างๆ รวมไปถึง “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่ส่งไปให้ตั้งแต่ปีกลาย แต่กว่าเรื่องจะถึงมือ“บิ๊กตู่”ก็ถูกสกัดไว้หลายทาง มีการทำหนังสือถามเรื่องโน้น เรื่องนี้ กลับไปยัง กมธ.การสื่อสารฯ หลายครั้ง แต่ก็สุดยื้อ-ถ่วงต่อไปไม่ไหว ต้องนำเรื่องขึ้นเสนอ“นายกฯตู่”ในที่สุด
00 อาจจะฟังดูเฉยๆ แค่รายงานปึกเดียว ไม่น่าจะมีผลอะไรต่อคดีแล้ว อีกทั้งในทางอาญา ก็ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องอยู่ แต่อย่าลืมว่าสังคมไม่เชื่อหรอกนะว่า “พิชชาภา”จะแน่ขนาดปฏิบัติการโคตรโกง ร่วมกับ “เฮียสอ”เพียงคนเดียว ปฏิบัติการ“ล่าตัวการ–หาต้นตอ”จึงบรรเลงขึ้น โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรดา“บิ๊ก อสมท.”ทั้งอดีตและปัจจุบัน ทีเด็ดอยู่ที่คำให้การของ“พิชชาภา”ซึ่งพาดพิงไปถึง “ใครบางคน”ที่ตอนนี้ใหญ่คับ อสมท ว่าเป็น “ผู้บงการ”แถมเป็นคนทำลายหลักฐาน คือใครกันแน่ ??
00 ในรายงานสรุปของ กมธ.การสื่อสารฯ ที่ตอนนี้กองอยู่บนโต๊ะทำงาน“บิ๊กตู่”มีทั้งคำให้การ-คำสารภาพ รวมไปถึงข้อแนะนำ ที่เอาผิดกับบรรดา “ปลาใหญ่”ได้สบาย อยู่ที่รัฐบาล คสช. จะ“รับลูก”กับเรื่องนี้อย่างไร รักจะปราบโกง ขจัดคอร์รัปชัน ก็ต้องลุยให้เต็มสูบ ของดีๆ ป้อนให้ถึงมือ ยังอิดออดบิดพลิ้ว “รัฐบาลทหาร”จะถูกตราหน้า ส่งเสริมคนโกงให้ “คนนินทา-หมาดูถูก”นะท่านนะ.
00 กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็กินเวลานับ10 ปี เรื่องที่เป็นคดีความเกิดขึ้นช่วงปี 47–49 เมื่อ“เฮียสอ”ตั้ง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด เข้าผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว”ออกอากาศทาง อสมท โดยมีตัวเองเป็นผู้ดำเนินรายการ มีการตกลงการเก็บค่าโฆษณาไว้เสร็จสรรพ เรื่องมาแดงเมื่อ“สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท”ตรวจพบว่า“ไร่ส้ม”ค้างรายได้จากการโฆษณาเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท ก่อนที่จะรีบจ่ายค่าโฆษณาส่วนเกินให้ อสมท รวมดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 152 ล้านบาท ถือเป็นใบเสร็จมัดตัวเองของ“ไร่ส้ม”ที่ยอมรับว่า กระทำผิดชัดเจน
00 คำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีนี้ น่าจะเป็น “บรรทัดฐาน”ให้คดีในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะบรรดา“คดีดัง”ทั้งหลาย ที่ออกมาแถๆ ชนิดกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว เรื่องนี้น่าจะสอนให้รู้ว่า โกงไปแล้วมาคืนเงินก็ใช่ว่าจะพ้นผิดง่ายๆ เพราะถือว่าความผิดเกิดขึ้นแล้ว จะเอาไป“บริจาค”หรือ“ปลงอาบัติ”ให้ตายมันก็ไม่หาย
00 เมื่อปี 49 แม้ อสมท จะได้รับค่าเสียหายคืนแล้ว แต่ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงถึง 2 ชุด คณะหนึ่งมี“พลชัย วินิจฉัยกุล”เป็นประธาน และอีกคณะดึง“มือปราบโกง”อย่าง “พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ”มาเป็นประธานสอบ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิอีกคับคั่ง ทั้ง “นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ- ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ - สมัคร เชาวภานันท์”ผลสอบของคณะกรรมการฯ ทั้ง 2 ชุด ชี้ตรงกันว่า มีการกระทำผิดจริง โดยมี “พนักงาน อสมท”ที่เกี่ยวข้องมีส่วนรู้เห็นนับ“สิบราย”รวมทั้งเสนอให้เอาผิดคนที่รู้เห็นทั้งทางวินัย-อาญา-แพ่ง
00 แต่ “คนใน”ที่ร่วมบ่วงกรรมกับ “เฮียสอ”กลับมี พิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ อสมท ที่โดนโทษหนักสุดจาก 30 ปี ลดเหลือ 20 ปี ก่อนหน้านี้ในชั้นป.ป.ช. “พิชชาภา”ได้ให้การ “รับสารภาพ”โดยให้เหตุผลสั้นๆได้ใจความว่า“พี่สรยุทธขอร้องให้ช่วยเหลือ” เพราะเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อว่า“พนักงานระดับปฏิบัติการ”กล้ากระทำความผิดทุจริตเป็นร้อยๆล้าน โดยไม่มี "ตัวการเบื้องหลัง"
00 มีความพยายามหลายต่อหลายครั้งเมื่อสมัยที่ยังมี “สภาผู้แทนราษฎร”อยู่ ในการที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) แต่ละคณะ จะนำกรณี “ไร่ส้ม”ขึ้นมาทำการสอบสวนต่อ แต่เมื่อเรื่องรู้ถึงหู“นายใหญ่”ก็สั่งเป่าทิ้ง จนไม่คืบไปไหน มาถึงยุค คสช. ก็ได้ กมธ.การสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสารสนเทศ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง เป็นประธาน หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นการพิจารณา โดยมี มนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ผู้พิพากษามือดีกับ ประมุท สูตะบุตร อดีต ผอ.อสมท ยุคแรก ร่วมเป็น กมธ.สอบเรื่องนี้ด้วย
00 เห็นว่าประชุมกันหลายสิบครั้ง จนมีรายงานสรุปเล่มหนาส่งไปให้หน่วยงานต่างๆ รวมไปถึง “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่ส่งไปให้ตั้งแต่ปีกลาย แต่กว่าเรื่องจะถึงมือ“บิ๊กตู่”ก็ถูกสกัดไว้หลายทาง มีการทำหนังสือถามเรื่องโน้น เรื่องนี้ กลับไปยัง กมธ.การสื่อสารฯ หลายครั้ง แต่ก็สุดยื้อ-ถ่วงต่อไปไม่ไหว ต้องนำเรื่องขึ้นเสนอ“นายกฯตู่”ในที่สุด
00 อาจจะฟังดูเฉยๆ แค่รายงานปึกเดียว ไม่น่าจะมีผลอะไรต่อคดีแล้ว อีกทั้งในทางอาญา ก็ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องอยู่ แต่อย่าลืมว่าสังคมไม่เชื่อหรอกนะว่า “พิชชาภา”จะแน่ขนาดปฏิบัติการโคตรโกง ร่วมกับ “เฮียสอ”เพียงคนเดียว ปฏิบัติการ“ล่าตัวการ–หาต้นตอ”จึงบรรเลงขึ้น โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรดา“บิ๊ก อสมท.”ทั้งอดีตและปัจจุบัน ทีเด็ดอยู่ที่คำให้การของ“พิชชาภา”ซึ่งพาดพิงไปถึง “ใครบางคน”ที่ตอนนี้ใหญ่คับ อสมท ว่าเป็น “ผู้บงการ”แถมเป็นคนทำลายหลักฐาน คือใครกันแน่ ??
00 ในรายงานสรุปของ กมธ.การสื่อสารฯ ที่ตอนนี้กองอยู่บนโต๊ะทำงาน“บิ๊กตู่”มีทั้งคำให้การ-คำสารภาพ รวมไปถึงข้อแนะนำ ที่เอาผิดกับบรรดา “ปลาใหญ่”ได้สบาย อยู่ที่รัฐบาล คสช. จะ“รับลูก”กับเรื่องนี้อย่างไร รักจะปราบโกง ขจัดคอร์รัปชัน ก็ต้องลุยให้เต็มสูบ ของดีๆ ป้อนให้ถึงมือ ยังอิดออดบิดพลิ้ว “รัฐบาลทหาร”จะถูกตราหน้า ส่งเสริมคนโกงให้ “คนนินทา-หมาดูถูก”นะท่านนะ.