นายมานะ มิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึงกรณีที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 13 ปี ในคดียักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลา ว่าการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่หลายคนเรียกร้องนั้น เป็นเรื่องที่ภาครัฐและเอกชนต้องทำร่วมกัน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะต้องอยู่ในดุลพินิจต้นสังกัด ว่าจะมีกระบวนการให้เขารับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร หรือทำในสิ่งที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมได้รับรู้อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ หากต้นสังกัดยังให้นายสรยุทธ ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ก็จะเป็นเรื่องของสังคม ว่าจะตอบรับกับเหตุการณ์นี้อย่างไร ถ้าการกระทำของต้นสังกัดขัดกับความรู้สึกหรือความคิดของประชาชน ก็จะมีปฏิกริยาต่อเรื่องนี้เอง
อย่างไรก็ตาม นายมานะ กล่าวอีกว่า ถ้ากรณีนี้เกิดขึ้นกับภาครัฐ หรือฝ่ายการเมือง ที่ถูกชี้มูลความผิดโดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือถูกศาลตัดสินให้มีความผิดแล้ว ประเด็นเรื่องของการพักการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่ง ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูด หรือถ้านักร้องนักแสดง หากมีพฤติกรรมอื้อฉาวที่สังคมไม่ยอมรับ ทางต้นสังกัดก็จะสั่งพักการทำงานของนักร้องและนักแสดงเหล่านั้น ซึ่งเมื่อถามว่ากรณีของนายสรยุทธจะแตกต่างกับ 2 กรณีที่หยิบยกมาหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไปเนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด และไทยเองไม่ได้มีกฎกติการรองรับในเรื่องการแสดงความรับผิดชอบนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของสามัญสำนึก และความรับผิดชอบต่อสังคม และสุดท้ายแล้วสังคมจะเป็นผู้ตัดสินว่ารับได้หรือรับไม่ได้กับการกระทำของเขา
อย่างไรก็ตาม นายมานะ กล่าวอีกว่า ถ้ากรณีนี้เกิดขึ้นกับภาครัฐ หรือฝ่ายการเมือง ที่ถูกชี้มูลความผิดโดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือถูกศาลตัดสินให้มีความผิดแล้ว ประเด็นเรื่องของการพักการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่ง ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูด หรือถ้านักร้องนักแสดง หากมีพฤติกรรมอื้อฉาวที่สังคมไม่ยอมรับ ทางต้นสังกัดก็จะสั่งพักการทำงานของนักร้องและนักแสดงเหล่านั้น ซึ่งเมื่อถามว่ากรณีของนายสรยุทธจะแตกต่างกับ 2 กรณีที่หยิบยกมาหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไปเนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด และไทยเองไม่ได้มีกฎกติการรองรับในเรื่องการแสดงความรับผิดชอบนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของสามัญสำนึก และความรับผิดชอบต่อสังคม และสุดท้ายแล้วสังคมจะเป็นผู้ตัดสินว่ารับได้หรือรับไม่ได้กับการกระทำของเขา