พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ มีกำหนดการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย และสาธารณรัฐเบรารุส อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 23-27 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคง และด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการค้า การลงทุน ระหว่างกันให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น หลังการเยือนไทยของนาย ดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เมื่อเดือน เม.ย.58 อีกทั้งเป็นการเตรียมการก่อนการเดินทางของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน - รัสเซีย ในเดือนพ.ค.59 ณ เมืองโซชิ ซึ่งเป็นโอกาสของการสถาปนาความสัมพันธ์รัสเซีย - อาเซียน ครบ 20 ปี ตามคำเชิญของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน
โอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าเยี่ยมคำนับ และหารือกับ นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรี รัสเซีย และ นายเดนิส แมนทูรอฟ รมว.อุตสาหกรรมและการค้ารัสเซีย เพื่อหารือขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและการค้าการลงทุนระหว่างกัน จากนั้นพล.อ.ประวิตร และคณะ มีกำหนดการเข้าพบ พล.อ.เซอร์เกย์ โชย์กู รมว.กลาโหมรัสเซีย เพื่อหารือความร่วมมือด้านความมั่นคง การทหาร และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพบกันระหว่างผู้นำของไทยกับรัสเซียครั้งนี้ จะมีการพูดคุยในภาพกว้างๆ และเป็นการการนำเสนอขายสินค้าเกษตรของไทย เช่น ข้าว ยางพารา เนื่องจากเรามีความพร้อมในเรื่องดังกล่าว ในขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ก็มีความต้องการที่จะขายอาวุธให้กับไทย โดยฝ่ายไทยมีความสนใจซื้อเฮลิคอปเตอร์ แบบ Mi-17V5 จากรัสเซีย จำนวน 10 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจการขนส่งลำเลียง ทดแทนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ-ชีนุก ที่มีปัญหาเรื่องซ่อมบำรุง และการจัดหาอะไหล่ทดแทนที่หาได้ยาก มีราคาแพง
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังมีความสนใจจะซื้อรถถัง T-90 A ของรัสเซีย ตามแผนกำลังรบของกองทัพบก โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อจัดซื้อมาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพบกไทย รวมถึงการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก และ รถถัง T-90 A ก็เป็นหนึ่งแผนที่กองทัพบก จะมีการจัดซื้อเพื่อมาทดแทน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตัวแทนบริษัทจากประเทศรัสเซียได้มีการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และมีการเสนอรถถังดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ตกลงใจ ว่าจะซื้อกี่คัน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคง และด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการค้า การลงทุน ระหว่างกันให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น หลังการเยือนไทยของนาย ดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เมื่อเดือน เม.ย.58 อีกทั้งเป็นการเตรียมการก่อนการเดินทางของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน - รัสเซีย ในเดือนพ.ค.59 ณ เมืองโซชิ ซึ่งเป็นโอกาสของการสถาปนาความสัมพันธ์รัสเซีย - อาเซียน ครบ 20 ปี ตามคำเชิญของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน
โอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าเยี่ยมคำนับ และหารือกับ นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรี รัสเซีย และ นายเดนิส แมนทูรอฟ รมว.อุตสาหกรรมและการค้ารัสเซีย เพื่อหารือขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและการค้าการลงทุนระหว่างกัน จากนั้นพล.อ.ประวิตร และคณะ มีกำหนดการเข้าพบ พล.อ.เซอร์เกย์ โชย์กู รมว.กลาโหมรัสเซีย เพื่อหารือความร่วมมือด้านความมั่นคง การทหาร และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพบกันระหว่างผู้นำของไทยกับรัสเซียครั้งนี้ จะมีการพูดคุยในภาพกว้างๆ และเป็นการการนำเสนอขายสินค้าเกษตรของไทย เช่น ข้าว ยางพารา เนื่องจากเรามีความพร้อมในเรื่องดังกล่าว ในขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ก็มีความต้องการที่จะขายอาวุธให้กับไทย โดยฝ่ายไทยมีความสนใจซื้อเฮลิคอปเตอร์ แบบ Mi-17V5 จากรัสเซีย จำนวน 10 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจการขนส่งลำเลียง ทดแทนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ-ชีนุก ที่มีปัญหาเรื่องซ่อมบำรุง และการจัดหาอะไหล่ทดแทนที่หาได้ยาก มีราคาแพง
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังมีความสนใจจะซื้อรถถัง T-90 A ของรัสเซีย ตามแผนกำลังรบของกองทัพบก โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อจัดซื้อมาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพบกไทย รวมถึงการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก และ รถถัง T-90 A ก็เป็นหนึ่งแผนที่กองทัพบก จะมีการจัดซื้อเพื่อมาทดแทน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตัวแทนบริษัทจากประเทศรัสเซียได้มีการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และมีการเสนอรถถังดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ตกลงใจ ว่าจะซื้อกี่คัน