รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางเยือนรัสเซียและเบลารุส 23-27 ก.พ.นี้ 5 วัน 4 คืน กระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทางทหาร รวมทั้งด้านการค้า การลงทุน
วันนี้ (21 ก.พ.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ มีกำหนดการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐเบรารุสอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 23-27 ก.พ.นี้ การเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการครั้งนี้ เป็นการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการค้า การลงทุน ระหว่างกันให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น หลังการเยือนไทยของนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เมื่อเดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นการเตรียมการก่อนการเดินทางของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-รัสเซีย ในเดือนพฤษภาคมนี้ ณ เมืองโซชิ ซึ่งเป็นโอกาสของการสถาปนาความสัมพันธ์รัสเซีย-อาเซียน ครบ 20 ปี ตามคำเชิญของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
ในโอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าเยี่ยมคำนับและหารือกับนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และนายเดนิส แมนทูรอฟ รมว.อุตสาหกรรมและการค้ารัสเซีย เพื่อหารือขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและการค้าการลงทุนระหว่างกัน จากนั้น พล.อ.ประวิตรและคณะ มีกำหนดการเข้าพบหารือกับ พล.อ.เซอร์เกย์ โชย์กู รมว.กลาโหมรัสเซีย, นายนิโคไล ปาตูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (ลมช.) รัสเซีย และนายดมิทรี โรโกซิน รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เพื่อหารือความร่วมมือด้านความมั่นคง การทหาร และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างกัน
ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตรพร้อมคณะมีกำหนดการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเบลารุส อย่างเป็นทางการตามคำเชิญของเบลารุส โดยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคำนับ นายอเลกซานเดอร์ ลุกาเซนโก ประธานาธิบดีเบลารุส พร้อมกับเข้าพบและหารือความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารกับ พล.ท.อังเดร ราฟคอฟ รมว. กลาโหมเบลารุส และ พล.ท.เซอร์เกย์ กูรรูเรฟ ประธานคณะกรรมการว่าด้วยอุตสาหกรรมทางทหารเบลารุส
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางเยือนรัสเซียและเบลารุส 23-27 ก.พ.นี้ 5 วัน 4 คืน กระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทางทหาร รวมทั้งด้านการค้า การลงทุการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐเบรารุส อย่างเป็นทางการ ของรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทย จะได้กระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทางทหาร รวมทั้งขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับทั้งสองประเทศ ในลักษณะพึ่งพา ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ซึ่งมีความจำเป็นต้องพึ่งพากันมากขึ้นในปัจจุบัน” พล.ต.คงชีพกล่าว