การระดมคนโกนหัวห่มผ้าเหลืองที่เรียกตัวเองว่าพระ นัดชุมนุมกันที่พุทธมณฑล จนเกือบเปิดศึกดวลกำปั้นกับทหารที่มาดูแลความสงบเรียบร้อย ทำให้สังคมตื่นตระหนกตกใจกันไปทั่ว เพราะไม่คิดว่า บรรดาพระคุณเจ้าจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ไม่สมกับสมณะผู้ทรงศีลแม้แต่น้อย
พระที่ถูกเกณฑ์มาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลครั้งนี้ เป็นพระเสื้อแดง เป็นพระในเครือข่ายของระบอบทักษิณ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวัดธรรมกาย
ส่วนเบื้องหลังการยกพลออกมาแสดงพลัง น่าจะเกิดจาก 3 ประเด็นใหญ่คือ คดีการสอบสวนรถผิดกฎหมายของสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นของธัมมชโย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ใกล้สรุป และการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อยาวนาน โดยสมเด็จช่วงที่มหาเถรสมาคมมีมติเสนอชื่อ อาจชวดตำแหน่ง เพราะเจอคดีรถหนีภาษีเสียก่อน ส่วนธัมมชโยอาจไม่รอด จากคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
พระในเครือข่ายเสื้อแดง สงฆ์ในสายตรงของนายทักษิณ ชินวัตร นอกจากจะไม่ได้เป็นใหญ่แล้ว ยังอาจต้องปาราชิกและถูกดำเนินคดี โดยเฉพาะธัมมชโยที่มหาเถรสมาคมอุ้มมาตลอด จึงต้องระดมคนโกนหัวห่มเหลืองออกมาอาละวาด ซึ่งดู “ทรง” แล้ว บางคนไม่น่าจะเป็นพระ แต่ถูกจ้างให้โกนผมห่มผ้าเหลืองมาร่วมชุมนุม
ม็อบพระเสื้อแดง ไม่แตกต่างจากม็อบคนเสื้อแดง โดยเป็นม็อบที่นิยมความรุนแรง ไม่ต้องสำรวมอะไรทั้งสิ้น ถกจีวรล็อกคอทหาร รุมเขย่ารถทหาร และเตรียมจะทุบทำลายรถราชการเสียด้วย
พฤติกรรมระห่ำของพระกลุ่มนี้ จะเรียกว่าพระ “เหลือขอ” คงไม่ผิดนัก
ข้อเรียกร้องที่พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หรือพระเสื้อแดงระดับหัวโจกเป็นตัวแทนม็อบพระยื่นเสนอรัฐบาลมี 5ข้อคือห้ามหน่วยงานรัฐก้าวก่ายเรื่องสงฆ์ การดำเนินการใดในการปกครองสงฆ์ ต้องได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคมก่อน
การผลักดันให้เร่งแต่งตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราช การไม่ให้หน่วยงานรัฐใช้กฎหมายข่มขู่คุกคามคณะสงฆ์ และการบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ
ข้อเสนอทั้งหมด ไม่เพียงแต่ข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้นที่สังคมคงไม่อาจยอมรับได้ แต่ทั้ง 5 ข้อ ถ้าใครตอบสนอง ก็เท่ากับยอมรับในกฎหมู่
ยอมให้คนโกนหัวห่มผ้าเหลืองเป็นกลุ่มที่อยู่เหนือกฎหมาย ยอมให้พระเป็นพวกนอกกฎหมาย
การเคลื่อนไหวของพระสายเสื้อแดงครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เครือข่ายของระบอบทักษิณยังเหนียวแน่น และพร้อมจะลุกฮือทันทีที่มี “ใบสั่ง” ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสายพระเท่านั้น สายองค์กรปกครองท้องถิ่น สายข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักศึกษา นักวิชาการหรือแม้แต่สายพ่อค้า นักธุรกิจก็พร้อมจะออกมาแสดงพลัง เมื่อ “ทักษิณ”เคาะระฆัง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจมาใกล้จะสองปีแล้ว แต่ไม่ได้อะไรกับเครือข่ายขุมกำลังของ “ทักษิณ” สมุนขี้ข้า “ทักษิณ” จึงอยู่กันอย่างสงบสุข เพียงแต่รอฤกษ์ยามที่จะสร้างความปั่นป่วนใหม่เท่านั้น ซึ่งการที่พระเสื้อแดงคงกล้าแสดงความเหิมเกริมท้าทายอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็อาจส่งสัญญาณว่า
“ทักษิณ” ได้เวลารุกไล่ คสช.แล้ว
เครือข่ายของระบอบทักษิณกำลังเคลื่อนตัวแล้ว โดยนักศึกษาสายเสื้อแดงนำร่องไปก่อนหน้าแล้ว พระเสื้อแดงยกขบวนตาม และมีข่าวว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็เตรียมยกพลตีขนาบ ขณะที่นักการเมืองสายพรรคเพื่อไทยเริ่มลงพื้นที่ปลุกระดมมวลชน
พล.อ.ประยุทธ์จะปล่อยให้ปัญหาของพระ เป็นเรื่องของพระไม่ได้แล้ว เพราะวันนี้พระบางส่วนไม่อยู่ในส่วนของพระ แต่เป็นพระที่ฝักใฝ่การเมือง เป็นพระที่เลือกถือหางนักการเมืองขี้โกง และเป็นพระที่ทำให้พุทธศาสนาเสื่อม
แถมยังเหิมเกริมละเมิดคำสั่ง คสช.อีกด้วย
ถ้า คสช.ไม่จัดการกับม็อบพระ จะกลายเป็นแบบอย่างให้คนกลุ่มอื่นออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองตามรอยพระ ถึงเวลานั้นสถานการณ์การเมืองคงยุ่งวุ่นวาย
ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมแล้ว ม็อบพระอาละวาดที่พุทธมณฑล คุกคามล้อมกรอบทหาร ต้องเอาผิดตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าไม่เชือดไก่ให้ลิงดู ม็อบเครือข่ายระบอบทักษิณจะลุกฮือตามม็อบพระมาเป็นระลอก จนทหารรับมือไม่ไหว
อย่ามัวเกรงใจพระนอกกฎหมายเลย เพราะพระกลุ่มนี้ “รับงาน” ทำหน้าที่เป็นหัวหอกขย่มพล.อ.ประยุทธ์อยู่
พระที่ถูกเกณฑ์มาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลครั้งนี้ เป็นพระเสื้อแดง เป็นพระในเครือข่ายของระบอบทักษิณ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวัดธรรมกาย
ส่วนเบื้องหลังการยกพลออกมาแสดงพลัง น่าจะเกิดจาก 3 ประเด็นใหญ่คือ คดีการสอบสวนรถผิดกฎหมายของสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นของธัมมชโย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ใกล้สรุป และการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อยาวนาน โดยสมเด็จช่วงที่มหาเถรสมาคมมีมติเสนอชื่อ อาจชวดตำแหน่ง เพราะเจอคดีรถหนีภาษีเสียก่อน ส่วนธัมมชโยอาจไม่รอด จากคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
พระในเครือข่ายเสื้อแดง สงฆ์ในสายตรงของนายทักษิณ ชินวัตร นอกจากจะไม่ได้เป็นใหญ่แล้ว ยังอาจต้องปาราชิกและถูกดำเนินคดี โดยเฉพาะธัมมชโยที่มหาเถรสมาคมอุ้มมาตลอด จึงต้องระดมคนโกนหัวห่มเหลืองออกมาอาละวาด ซึ่งดู “ทรง” แล้ว บางคนไม่น่าจะเป็นพระ แต่ถูกจ้างให้โกนผมห่มผ้าเหลืองมาร่วมชุมนุม
ม็อบพระเสื้อแดง ไม่แตกต่างจากม็อบคนเสื้อแดง โดยเป็นม็อบที่นิยมความรุนแรง ไม่ต้องสำรวมอะไรทั้งสิ้น ถกจีวรล็อกคอทหาร รุมเขย่ารถทหาร และเตรียมจะทุบทำลายรถราชการเสียด้วย
พฤติกรรมระห่ำของพระกลุ่มนี้ จะเรียกว่าพระ “เหลือขอ” คงไม่ผิดนัก
ข้อเรียกร้องที่พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หรือพระเสื้อแดงระดับหัวโจกเป็นตัวแทนม็อบพระยื่นเสนอรัฐบาลมี 5ข้อคือห้ามหน่วยงานรัฐก้าวก่ายเรื่องสงฆ์ การดำเนินการใดในการปกครองสงฆ์ ต้องได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคมก่อน
การผลักดันให้เร่งแต่งตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราช การไม่ให้หน่วยงานรัฐใช้กฎหมายข่มขู่คุกคามคณะสงฆ์ และการบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ
ข้อเสนอทั้งหมด ไม่เพียงแต่ข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้นที่สังคมคงไม่อาจยอมรับได้ แต่ทั้ง 5 ข้อ ถ้าใครตอบสนอง ก็เท่ากับยอมรับในกฎหมู่
ยอมให้คนโกนหัวห่มผ้าเหลืองเป็นกลุ่มที่อยู่เหนือกฎหมาย ยอมให้พระเป็นพวกนอกกฎหมาย
การเคลื่อนไหวของพระสายเสื้อแดงครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เครือข่ายของระบอบทักษิณยังเหนียวแน่น และพร้อมจะลุกฮือทันทีที่มี “ใบสั่ง” ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสายพระเท่านั้น สายองค์กรปกครองท้องถิ่น สายข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักศึกษา นักวิชาการหรือแม้แต่สายพ่อค้า นักธุรกิจก็พร้อมจะออกมาแสดงพลัง เมื่อ “ทักษิณ”เคาะระฆัง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจมาใกล้จะสองปีแล้ว แต่ไม่ได้อะไรกับเครือข่ายขุมกำลังของ “ทักษิณ” สมุนขี้ข้า “ทักษิณ” จึงอยู่กันอย่างสงบสุข เพียงแต่รอฤกษ์ยามที่จะสร้างความปั่นป่วนใหม่เท่านั้น ซึ่งการที่พระเสื้อแดงคงกล้าแสดงความเหิมเกริมท้าทายอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็อาจส่งสัญญาณว่า
“ทักษิณ” ได้เวลารุกไล่ คสช.แล้ว
เครือข่ายของระบอบทักษิณกำลังเคลื่อนตัวแล้ว โดยนักศึกษาสายเสื้อแดงนำร่องไปก่อนหน้าแล้ว พระเสื้อแดงยกขบวนตาม และมีข่าวว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็เตรียมยกพลตีขนาบ ขณะที่นักการเมืองสายพรรคเพื่อไทยเริ่มลงพื้นที่ปลุกระดมมวลชน
พล.อ.ประยุทธ์จะปล่อยให้ปัญหาของพระ เป็นเรื่องของพระไม่ได้แล้ว เพราะวันนี้พระบางส่วนไม่อยู่ในส่วนของพระ แต่เป็นพระที่ฝักใฝ่การเมือง เป็นพระที่เลือกถือหางนักการเมืองขี้โกง และเป็นพระที่ทำให้พุทธศาสนาเสื่อม
แถมยังเหิมเกริมละเมิดคำสั่ง คสช.อีกด้วย
ถ้า คสช.ไม่จัดการกับม็อบพระ จะกลายเป็นแบบอย่างให้คนกลุ่มอื่นออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองตามรอยพระ ถึงเวลานั้นสถานการณ์การเมืองคงยุ่งวุ่นวาย
ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมแล้ว ม็อบพระอาละวาดที่พุทธมณฑล คุกคามล้อมกรอบทหาร ต้องเอาผิดตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าไม่เชือดไก่ให้ลิงดู ม็อบเครือข่ายระบอบทักษิณจะลุกฮือตามม็อบพระมาเป็นระลอก จนทหารรับมือไม่ไหว
อย่ามัวเกรงใจพระนอกกฎหมายเลย เพราะพระกลุ่มนี้ “รับงาน” ทำหน้าที่เป็นหัวหอกขย่มพล.อ.ประยุทธ์อยู่