xs
xsm
sm
md
lg

แม่ค้าหน้าเฟซฯหนาว พณ.จ้องดึง6หมื่นรายขึ้นทะเบียน

เผยแพร่:

ผู้จัดการรายวัน360-“พาณิชย์”ดึงพ่อค้าแม่ค้าเฟซบุ๊ก ไอจี จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการค้าขายออนไลน์ และป้องกันผู้บริโภคถูกหลอกลวง พร้อมนัดสมาคมการค้า ตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ถก 23 ก.พ.นี้ หวังดึงสมาชิกมาจดทะเบียนเพิ่ม ตั้งเป้าปีนี้ 6 หมื่นราย
น.ส.รัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ มีนโยบายที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการที่ทำการค้าขายผ่านออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล มาจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Registered)เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่มาจดทะเบียนว่าเป็นผู้ที่มีตัวตนและเป็นผู้ที่ทำธุรกิจจริง ผู้บริโภคที่จะติดต่อซื้อสินค้าและบริการ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกหลอกลวง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้การค้าขายออนไลน์ของไทยมีการขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น
“ปัจจุบัน มีพ่อค้า แม่ค้า ที่ใช้ช่องทางเฟซบุ๊ก ไอจี ในการค้าขายเพิ่มมากขึ้น เพราะเปิดร้านได้ง่าย กรมฯ จึงต้องเข้าไปดูแล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับการค้าขายออนไลน์ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้า ที่มาจดทะเบียน ก็ถือเป็นการยืนยันตัวตน และเอาไปใช้โฆษณาได้ว่าตัวเองทำธุรกิจจริง ผู้บริโภคมั่นใจได้ในการซื้อสินค้า
และหากมีปัญหาหลอกลวง ก็จะทำให้ติดตามตัวได้ง่าย เป็นการพัฒนาระบบการค้าขายออนไลน์ทั้งในส่วนของผู้ซื้อ ผู้บริโภค และการกำกับดูแลของรัฐ”น.ส.รัตนากล่าว
น.ส.รัตนากล่าวว่า กรมฯ ยังได้เชิญสมาคมการค้า ซึ่งตอบรับแล้วประมาณ 32 สมาคม และตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace) ประมาณ 13 ตลาด มาหารือร่วมกันในวันที่ 23 ก.พ.2559 นี้ เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยผลักดันให้สมาชิกที่ค้าขายออนไลน์มาจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมฯ ซึ่งหากสมาคมการค้าและตลาดกลางฯ ทำได้สำเร็จตามเป้า กรมฯก็จะประกาศเกียรติคุณเพื่อเป็นแรงจูงใจต่อไป เพราะเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการค้าขายออนไลน์ให้ขยายตัว
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล ร้านค้าออนไลน์ เว็บไซต์ที่ค้าขายออนไลน์ จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในปีนี้ให้ได้ 6 หมื่นราย เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกว่า 3 เท่าตัว โดยจะพยายามทำให้ได้ตามเป้า เพราะแนวโน้มการค้าขายออนไลน์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
น.ส.รัตนากล่าวว่า สำหรับการผลักดันให้ธุรกิจไทยใช้ช่องทางอี-คอมเมิร์ซในการขยายตลาด กรมฯ ได้ร่วมมือกับ Alibaba ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้าส่งออนไลน์รายใหญ่ของโลกจากจีน จัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยฝึกอบรมให้กับผู้ประกอบการของไทย ซึ่งจะอบรมตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นไปจนถึงการค้าขายจริง โดยใช้ Alibaba เป็นตัวเชื่อม มีกำหนดจัดฝึกอบรมในเดือนมี.ค.2559
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาและเชื่อมต่อระบบชำระเงินบนอินเทอร์เน็ต ภายใต้ชื่อ Krungsri e-Payment เพื่อช่วยให้นักช็อปออนไลน์ ที่ซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.thaicommercestore.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ตลาดกลางผลิตภัณฑ์ชุมชนที่กรมฯ ให้การสนับสนุน สามารถซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวและจ่ายเงินค่าสินค้าผ่านการตัดบัญชีของธนาคารได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น