นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นด้วยที่ให้สามารถรณรงค์รับหรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ ได้ เพราะโดยหลักแล้วการทำประชามติก็เพื่อที่จะให้ประชาชนตัดสิน ก็ต้องได้รับข้อมูลจริงๆ ซึ่งไม่ต่างจากการเลือกตั้ง โดยต้องให้ข้อมูลว่าข้อดีข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญอยู่ตรงไหน หากมีการบิดเบือนถือว่าเป็นความผิด โดยกกต.ควรจัดพื้นที่ให้ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ประชาชนได้ฟังทั้ง 2 ฝ่ายก่อนตัดสินใจ แต่ไม่ควรรีบพูดถึงขั้นตอนนั้น โดยกรธ.ควรไตร่ตรองและทำร่างให้ดีที่สุดก่อน หากไม่อยากกลับมาสู่วิกฤติอีกครั้ง หากได้รับการยอมรับผ่านประชามติ บ้านเมืองก็จะราบรื่นแต่หากไม่ยอมรับก็น่าจะเกิดปัญหา หรือหากรับเพราะกลัว หรือไม่รู้ว่าทางเลือกคืออะไร ก็จะมีปัญหาในภายภาคหน้า ซึ่งทางเดียวที่ไม่ให้มีปัญหาคือ กรธ.ทำอย่างไรให้ประชาชนที่จะไปลงประชามติส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีและยอมรับได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าสำหรับตนยืนยันว่าหมวดสิทธิเสรีภาพยังต้องปรับอีกมาก โดยต้องเพิ่มการตรวจสอบถ่วงดุล ทั้งการให้อำนาจและบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้น การดูให้รัดกุมทั้งองค์กรอิสระ รัฐบาล สภา มีดุลอำนาจที่เหมาะสม ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)มากกว่าที่จะให้ผู้สมัครไปเลือกกันเอง และหากจะมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอกควรจะมีบทบัญญัติให้ชัดเจนว่ามาในเงื่อนไขไหน ซึ่งไม่ใช่เงื่อนไขปกติ
ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิพากษ์ร่างรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นร่างที่ทำให้ประเทศไทยถอยหลังเข้าคลองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าตนคิดว่าสิ่งที่นายทักษิณวิจารณ์บางเรื่องก็ไมต่างจากที่หลายฝ่ายพูด เช่น เรื่องสิทธิ เสรีภาพ เลือกที่มาส.ว. และที่มานายกรัฐมนตรี ก็มองได้ว่าถอยหลัง แต่คิดว่าทาง กรธ.ก็ต้องรับไปพิจารณา โดยต้องยอมรับในธรรมชาติของมนุษย์ และสังคม คือถ้าเขาเคยได้รับสิทธิ เสรีภาพ หรือได้มีโอกาสในการมีส่วนร่วมในเรื่องใดแล้ว การไปเอาคืนไม่ง่ายที่จะทำให้เกิดการยอมรับ ยกเว้นแต่มีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่ามีความจำเป็น
นายอภิสิทธิ์ ยังเชื่อว่า ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 เพราะยังไม่เห็นท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่แสดงออกว่าจะเปลี่ยนแปลงโร้ดแมปแต่อย่างใด ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรมด้วย
“เมื่อนายกฯยืนยันอยู่ตลอด ว่าเป็นไปตามโรดแมป แม้จะมีหน่วยงาน หรือองค์กรซึ่งอาจจะเป็น สนช. สปท. พูดยุว่าให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพียงแต่โรดแมปมันมีปัญหาอยู่คือไม่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ตรงนี้ที่ถ้าทำให้ชัดเจนคำถามเรื่องพวกนี้ก็จะลดลงไปเยอะ”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. กล่าวว่า วันนี้ (12ก.พ.) ที่ประชุมสนช.จะพิจารณาลงมติ ข้อเสนอแนะของสนช. ต่อร่างรธน. เพื่อส่งให้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)พิจารณาทบทวน ซึ่งมีประมาณ 20 ประเด็น อาทิ เสนอให้ปรับปรุงเนื้อหาเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเมือง เรื่องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชน ที่ยังขาดหายไปในร่าง รธน. จึงควรปรับปรุงเพื่อให้รธน.มีความเป็นสากลมากขึ้น
ส่วนกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากร่าง รธน.ไม่ผ่านการทำประชามติ โดยมีผลต่างประมาณ 1 ล้านเสียง สามารถนำ ร่าง รธน. ฉบับของนายมีชัย มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อประกาศใช้เป็นรธน.ได้นั้น ถือเป็นความเห็นส่วนตัวของนายวิษณุ ที่ช่วยกันเสนอแนะทางออก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปหรือมีอะไรมารองรับว่า หากร่าง รธน. ไม่ผ่านการทำประชามติ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่หากจะทำตามเงื่อนไขที่ นายวิษณุ ระบุ อาจจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอะไรบางอย่าง ถ้ามีความจำเป็น อาจจะต้องแก้ไขรธน.ชั่วคราวปี 2557 อีกรอบ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าสำหรับตนยืนยันว่าหมวดสิทธิเสรีภาพยังต้องปรับอีกมาก โดยต้องเพิ่มการตรวจสอบถ่วงดุล ทั้งการให้อำนาจและบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้น การดูให้รัดกุมทั้งองค์กรอิสระ รัฐบาล สภา มีดุลอำนาจที่เหมาะสม ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)มากกว่าที่จะให้ผู้สมัครไปเลือกกันเอง และหากจะมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอกควรจะมีบทบัญญัติให้ชัดเจนว่ามาในเงื่อนไขไหน ซึ่งไม่ใช่เงื่อนไขปกติ
ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิพากษ์ร่างรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นร่างที่ทำให้ประเทศไทยถอยหลังเข้าคลองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าตนคิดว่าสิ่งที่นายทักษิณวิจารณ์บางเรื่องก็ไมต่างจากที่หลายฝ่ายพูด เช่น เรื่องสิทธิ เสรีภาพ เลือกที่มาส.ว. และที่มานายกรัฐมนตรี ก็มองได้ว่าถอยหลัง แต่คิดว่าทาง กรธ.ก็ต้องรับไปพิจารณา โดยต้องยอมรับในธรรมชาติของมนุษย์ และสังคม คือถ้าเขาเคยได้รับสิทธิ เสรีภาพ หรือได้มีโอกาสในการมีส่วนร่วมในเรื่องใดแล้ว การไปเอาคืนไม่ง่ายที่จะทำให้เกิดการยอมรับ ยกเว้นแต่มีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่ามีความจำเป็น
นายอภิสิทธิ์ ยังเชื่อว่า ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 เพราะยังไม่เห็นท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่แสดงออกว่าจะเปลี่ยนแปลงโร้ดแมปแต่อย่างใด ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรมด้วย
“เมื่อนายกฯยืนยันอยู่ตลอด ว่าเป็นไปตามโรดแมป แม้จะมีหน่วยงาน หรือองค์กรซึ่งอาจจะเป็น สนช. สปท. พูดยุว่าให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพียงแต่โรดแมปมันมีปัญหาอยู่คือไม่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ตรงนี้ที่ถ้าทำให้ชัดเจนคำถามเรื่องพวกนี้ก็จะลดลงไปเยอะ”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. กล่าวว่า วันนี้ (12ก.พ.) ที่ประชุมสนช.จะพิจารณาลงมติ ข้อเสนอแนะของสนช. ต่อร่างรธน. เพื่อส่งให้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)พิจารณาทบทวน ซึ่งมีประมาณ 20 ประเด็น อาทิ เสนอให้ปรับปรุงเนื้อหาเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเมือง เรื่องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชน ที่ยังขาดหายไปในร่าง รธน. จึงควรปรับปรุงเพื่อให้รธน.มีความเป็นสากลมากขึ้น
ส่วนกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากร่าง รธน.ไม่ผ่านการทำประชามติ โดยมีผลต่างประมาณ 1 ล้านเสียง สามารถนำ ร่าง รธน. ฉบับของนายมีชัย มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อประกาศใช้เป็นรธน.ได้นั้น ถือเป็นความเห็นส่วนตัวของนายวิษณุ ที่ช่วยกันเสนอแนะทางออก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปหรือมีอะไรมารองรับว่า หากร่าง รธน. ไม่ผ่านการทำประชามติ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่หากจะทำตามเงื่อนไขที่ นายวิษณุ ระบุ อาจจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอะไรบางอย่าง ถ้ามีความจำเป็น อาจจะต้องแก้ไขรธน.ชั่วคราวปี 2557 อีกรอบ
