**น่าฟังทีเดียว“ฮีโร่เปรยซอร์”วีระ สมความคิด เเกนนำเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน โพสต์เฟซสะกิด “ไทยเฉย”ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ “โครงการรถไฟความเร็วสูง”ที่สมัยรัฐบาล“น้องปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยผุดเมกะโปรเจกต์ “ไทยแลนด์ 2020”มูลค่า 2.2 ล้านบาท ที่มีไฮสปีดเทรนทางคู่ 4 สาย แถมด้วยรถไฟชานเมืองอีก 9 สาย แต่ก็ถูกต่อต้านหนัก บอกกันว่า“แพงเกิ๊น!!”ก่อหนี้ก่อสินให้ลูกหลานอีก 50 ปี จนต้องล้มหงายไปพร้อมรัฐบาล
** มาถึงสมัย “พี่ตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัดฝุ่นเนรมิตเป็นโครงการใหม่ ทุ่มงบ 3 ล้านล้านบาท แต่สเปกโครงการเทียบรัฐบาลก่อนไม่ติด จาก“ความเร็วสูง”ก็เหลือแค่ “เร็วปานกลาง”เส้นทางที่วางไว้ ก็ไม่ได้เท่าเดิม ข่าวล่าสุดยังบอกด้วยว่า“รถไฟไทย-จีน”เส้นทางกรุงเทพฯ–แก่งคอย-หนองคาย หนึ่งในโปรเจกต์ 3 ล้านล้าน มีการปรับแบบจาก“ทางคู่”เหลือ “ทางเดี่ยว”ที่ต้องจอดรอสับรางระหว่างทางเหมือน“รถไฟไทย”ทุกวันนี้ “พี่วีระ”ก็เลยฝากถาม ไม่เห็นมีใครออกมาต่อต้านบ้าง หรือกลัวถูกทหารอุ้มก็ไม่รู้..เหมือนกระแส“รถหวีดติดคอ” ที่แซวกันให้ลึ่มในโซเชี่ยลตอนนี้
** ก่อนหน้านี้ สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ชื่อเป็น“กูรูรถไฟ”ก็ได้ออกมาชำแหละประเด็นนี้ ถึงขนาดบอกว่า ถ้าได้แค่นี้ก็ไม่ควรหยุดโครงการ“รถไฟไทย-จีน”แล้วลุยสร้าง “รถไฟทางคู่”ขนาดราง 1 เมตร ให้ครอบคลุมทั่วประเทศจะดีกว่า
** ส่วนสาเหตุที่ทำให้“รถไฟไทย-จีน”ทำท่าจะล่ม “สามารถ”บอกว่าเพราะการเจรจาในช่วงแรกไปเสียท่า“พี่จีน”ที่บอกว่าจีนจะลงทุน 60% ไทย 40% จริงๆ แล้ว ตัวเลขกลับตาลปัตร เพราะเอ็มโอยู ที่เซ็นๆ กันไประบุว่า ให้ไทยลงทุนก่อสร้างงานโยธาทั้งหมดเพียงฝ่ายเดียว ส่วนจีนจะมาร่วมลงทุนระบบงานอื่นๆ นิดหน่อยเป็นพิธีเท่านั้น พูดง่ายๆ ทางจีนกะจะมารับจ้างทำงานเท่านั้น ส่วนไทย“เสียเปรียบทุกประตู”ดีดลูกคิดแล้ว “สามารถ”สรุปว่า สัดส่วนการลงทุนเดิมของจีนอยู่ที่ 12% ไทย 88% ต่างหาก.. โอ้โห!! ต่างกันฟ้ากับเหว
** ตามข้อมูลของ “สามารถ”บอกว่า ที่ทาง“พี่จีน”อิดออด ก็เพราะ“น้องไทย”ไปอ้อนให้ปรับสัดส่วนลงทุนเป็น 70 : 30 คือให้ทางจีนลงทุน 70% จากเดิม 12% และส่วนไทยของเดิม 88% ขอลงทุนแค่ 30% จู่ๆ มาขอกันแบบนี้ ใครจะยอม เลยเป็นเหตุให้มีการ“ลดสเปก” กันยกใหญ่ เป็นที่มาของ “รถไฟเร็วปานกลาง-ทางเดี่ยว”อย่างที่เห็น
**ครบรอบ 61 ปีบริบูรณ์ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองคนดัง เปิดบ้านเลขที่ 333 ย่านราชวิถี ให้คนทุกวงการเข้าอวยพรแฮปปี้เบิร์ธเดย์ เหมือนเช่นเคยทุกปี แห่แหนกันมาคับคั่ง โดยเฉพาะนักการเมืองบิ๊กเบิ้มทั่วฟ้าเมืองไทย ทั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ แห่งเพื่อไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งประชาธิปัตย์ รวมไปถึง กปปส.ที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ มาเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว
** เจอะเจอหน้ากันช่วงนี้ก็อดไม่ได้ที่สื่อต้องขอคอมเม้นต์เรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญ”กับเจ้าของวันเกิด ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไว้ลาย“เซียนการเมือง”ซิกแซก หลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่ลงลึกในรายละเอียด ตามสูตร“มัชฌิมา - เดินสายกลาง”พร้อมทั้งขอให้ทุกคนรอดู“ร่างสุดท้าย”ก่อนตัดสินใจสนับสนุนหรือไม่ ท่อนหนึ่งสะดุดหูมาก ก็ “เสี่ยสุวัจน์”เปรียบรัฐธรรมนูญเป็นกติกา แล้วเปรียบตัวเองเป็นนักกีฬา กติกาเป็นยังไง ก็พร้อมจะเล่นตามกติกา...ฟังแล้วสะอึก นึกถึงเรื่องวุ่นๆ ตอนเลือกตั้ง “นายกฯเทนนิส”ฮา..
** มาถึงสมัย “พี่ตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัดฝุ่นเนรมิตเป็นโครงการใหม่ ทุ่มงบ 3 ล้านล้านบาท แต่สเปกโครงการเทียบรัฐบาลก่อนไม่ติด จาก“ความเร็วสูง”ก็เหลือแค่ “เร็วปานกลาง”เส้นทางที่วางไว้ ก็ไม่ได้เท่าเดิม ข่าวล่าสุดยังบอกด้วยว่า“รถไฟไทย-จีน”เส้นทางกรุงเทพฯ–แก่งคอย-หนองคาย หนึ่งในโปรเจกต์ 3 ล้านล้าน มีการปรับแบบจาก“ทางคู่”เหลือ “ทางเดี่ยว”ที่ต้องจอดรอสับรางระหว่างทางเหมือน“รถไฟไทย”ทุกวันนี้ “พี่วีระ”ก็เลยฝากถาม ไม่เห็นมีใครออกมาต่อต้านบ้าง หรือกลัวถูกทหารอุ้มก็ไม่รู้..เหมือนกระแส“รถหวีดติดคอ” ที่แซวกันให้ลึ่มในโซเชี่ยลตอนนี้
** ก่อนหน้านี้ สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ชื่อเป็น“กูรูรถไฟ”ก็ได้ออกมาชำแหละประเด็นนี้ ถึงขนาดบอกว่า ถ้าได้แค่นี้ก็ไม่ควรหยุดโครงการ“รถไฟไทย-จีน”แล้วลุยสร้าง “รถไฟทางคู่”ขนาดราง 1 เมตร ให้ครอบคลุมทั่วประเทศจะดีกว่า
** ส่วนสาเหตุที่ทำให้“รถไฟไทย-จีน”ทำท่าจะล่ม “สามารถ”บอกว่าเพราะการเจรจาในช่วงแรกไปเสียท่า“พี่จีน”ที่บอกว่าจีนจะลงทุน 60% ไทย 40% จริงๆ แล้ว ตัวเลขกลับตาลปัตร เพราะเอ็มโอยู ที่เซ็นๆ กันไประบุว่า ให้ไทยลงทุนก่อสร้างงานโยธาทั้งหมดเพียงฝ่ายเดียว ส่วนจีนจะมาร่วมลงทุนระบบงานอื่นๆ นิดหน่อยเป็นพิธีเท่านั้น พูดง่ายๆ ทางจีนกะจะมารับจ้างทำงานเท่านั้น ส่วนไทย“เสียเปรียบทุกประตู”ดีดลูกคิดแล้ว “สามารถ”สรุปว่า สัดส่วนการลงทุนเดิมของจีนอยู่ที่ 12% ไทย 88% ต่างหาก.. โอ้โห!! ต่างกันฟ้ากับเหว
** ตามข้อมูลของ “สามารถ”บอกว่า ที่ทาง“พี่จีน”อิดออด ก็เพราะ“น้องไทย”ไปอ้อนให้ปรับสัดส่วนลงทุนเป็น 70 : 30 คือให้ทางจีนลงทุน 70% จากเดิม 12% และส่วนไทยของเดิม 88% ขอลงทุนแค่ 30% จู่ๆ มาขอกันแบบนี้ ใครจะยอม เลยเป็นเหตุให้มีการ“ลดสเปก” กันยกใหญ่ เป็นที่มาของ “รถไฟเร็วปานกลาง-ทางเดี่ยว”อย่างที่เห็น
**ครบรอบ 61 ปีบริบูรณ์ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองคนดัง เปิดบ้านเลขที่ 333 ย่านราชวิถี ให้คนทุกวงการเข้าอวยพรแฮปปี้เบิร์ธเดย์ เหมือนเช่นเคยทุกปี แห่แหนกันมาคับคั่ง โดยเฉพาะนักการเมืองบิ๊กเบิ้มทั่วฟ้าเมืองไทย ทั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ แห่งเพื่อไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งประชาธิปัตย์ รวมไปถึง กปปส.ที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ มาเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว
** เจอะเจอหน้ากันช่วงนี้ก็อดไม่ได้ที่สื่อต้องขอคอมเม้นต์เรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญ”กับเจ้าของวันเกิด ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไว้ลาย“เซียนการเมือง”ซิกแซก หลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่ลงลึกในรายละเอียด ตามสูตร“มัชฌิมา - เดินสายกลาง”พร้อมทั้งขอให้ทุกคนรอดู“ร่างสุดท้าย”ก่อนตัดสินใจสนับสนุนหรือไม่ ท่อนหนึ่งสะดุดหูมาก ก็ “เสี่ยสุวัจน์”เปรียบรัฐธรรมนูญเป็นกติกา แล้วเปรียบตัวเองเป็นนักกีฬา กติกาเป็นยังไง ก็พร้อมจะเล่นตามกติกา...ฟังแล้วสะอึก นึกถึงเรื่องวุ่นๆ ตอนเลือกตั้ง “นายกฯเทนนิส”ฮา..