ลมหนาวโชยภูทับเบิกอีกระลอก อุณหภูมิลดดิ่งเหลือ 3 องศาฯ ทำนักท่องเที่ยวพอใจกันถ้วนหน้า แม้ต้องสวมเสื้อกันหนาว-คลุมผ้าห่มผิงไฟ ขณะที่ภาคใต้คลื่นลมยังแรง ถนนขาด ตั้งอพยพชาวบ้าน 40 ครัวเรือนพ้นพื้นที่ริมทะเล ส่วนที่สุราษฎร์ เรือเฟอรี่หยุดให้บริการในช่วงเวลาน้ำขึ้นสูงสุด จำนวน 2 เที่ยว เกรงไม่ปลอดภัยคลื่น สูงกว่า 3 เมตร
วานนี้ (8 ก.พ.) สภาพอากาศที่เพชรบูรณ์กลับมาหนาวเย็นอีกระลอก จากบริเวณความกดอากาศสูง กำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ที่ ภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปพักค้างแรมต่างพอใจกันสุดๆ เนื่องจากอุณหภูมิลดต่ำเหลือเพียงราว 3 องศาเซลเซียส จนต้องสวมเสื้อกันหนาว-คลุมผ้าห่มนั่งผิงไฟจากเตาอั้งโล่เพื่อสร้างความอบอุ่น
แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างก็แสดงความพึงพอใจ เนื่องจากคำพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาทำให้รู้ตัวก่อนล่วงหน้า และมีการเตรียมอุปกรณ์เครื่องกันหนาวมาเพียบพร้อม เนื่องจากตั้งใจมาท้าลมหนาวบนยอดภูทับเบิกเป็นการเฉพาะ
ด้านนายซัว เถารักตระกูล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภูทับเบิก กล่าวว่า ความหนาวเย็นที่มาเยือนภูทับเบิกในรอบนี้แม้จะพอๆ กับรอบแรกที่ผ่านมาก็ตาม แต่จากการที่นักท่องเที่ยวต่างรู้ตัวก่อน และเตรียมตัวมาค่อนข้างดี ทำให้ส่วนใหญ่ต่างเกิดความพึงพอใจเพราะตั้งใจมาท้าทายความหนาวเย็น ซึ่งก็ได้ความสะใจแบบสุดๆ กลับไปโดยถ้วนหน้า
ขณะที่ คลื่นลมทะเลในพื้นที่ภาคใต้ ยังมีกำลังแรง สูงกว่า 3 เมตร โดยได้พัดถล่มหมู่บ้านชาวประมง ที่ชุมชนบ้านเกาะแรต ม.3 ต.ดอนสัก อ.ดอนสักอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่งผลชาวประมงพื้นบ้านที่อาศัยอยู่จำนวน 85 หลังคาเรือนกว่า 300 คนได้รับความเดือดร้อนหนัก
นายฉัตรชัย พงศ์พิชิตชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 บ้านเกาะแรต ได้สรุปความเสียหาย มีสะพานรอบเกาะแรต ที่ใช้เป็นสะพานชมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญบนเกาะและชมวิถีชีวิตชุมชนหมู่บ้านประมง รวมชมโลมาสีชมพู ระยะทางยาว 275 เมตรถูกคลื่นซัดเสียหายยับใช้การไม่ได้ตลอดทั้งสาย คิดมูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท นอกจากนั้นบ้านเรือนประชาชนถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายทั้งหมดจำนวน 13 หลัง เสียหายหนักสุดจำนวน 5 หลัง นอกจากนั้น ชาวประมงพื้นบ้านที่นำอวนจับปูม้าไปวางจับปูม้าในทะเลอวนได้รับความเสียหายทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 100,000 บาท
ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี กระแสคลื่นลมแรงยังคงพัดกระหน่ำท่าเรือเฟอร์รี่อย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงเช้าผู้ประกอบการยังคงเดินเรือให้บริการนักท่องเที่ยวตามปกติ
สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ติดค้างอยู่ที่เกาะไผ่ จ.กระบี่ นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเรือของของอุทยานฯ เดินทางไปยังเกาะไม้ไผ่ เพื่อเข้ารับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 6 คน ผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 2 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศฝรั่งเศส 4 คน และอาร์เจนตินา 2 คน เดินทางกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรืออุทยานฯ แล้ว หลังจากเมื่อคืนวันที่ 7 ก.พ. ต้องพักค้างคืนที่เกาะไผ่เพื่อความปลอดภัยจากคลื่นสูง2-3 เมตร
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ.3 (เกาะไม้ไผ่) ได้ทำการปักธงแดงสูงกว่า 5 เมตร ที่ชายหาดในเกาะไม้ไผ่ หลังคลื่นลมยังมีกำลังแรงต่อเนื่อง และเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยวทั้งเรือล่ม จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บหลายคน
ส่วนที่ภูเก็ต นาย JU ZEKAI อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ซึ่งได้เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ของโรงแรมรายา รีสอร์ท ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมเพื่อนชาวต่างชาติอีกประมาณ 20 คน จมน้ำเสียชีวิต หลังลงไปเล่นน้ำ บริเวณชายหาด
ที่ชุมพร นายสมดี คชายั่งยืน ผวจ.ชุมพร พ.ต.ต.โยธิน สีหะทิพย์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำชุมพร น.ส.วัจนา วัจนคุปต์ หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.ชุมพร หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร ลงตรวจสอบพื้นที่เรือบรรทุกสินค้าชื่อ “สันทัดสมุทร1” ของบริษัท สันทัดและบุตร จำกัด ที่ได้ถูกลมมรสุมคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ซัดเข้าเกยตื้นขวางคลื่นลมอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 300 เมตร บริเวณหาดคอสน ตำบลท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร ตั้งแต่ช่วงเช้าวันอาทิตย์วันหยุดราชการ ยังไม่มีหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้องลงไปยังจุดเกิดเหตุ โดยวันนี้ได้มีเครื่องบินราชนาวีจากกองทัพเรือภาค 1 บินสนับสนุนสำรวจทางอากาศ เพื่อประเมินสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือท่ามกลางคลื่นลมที่แรง
สำหรับที่แหลมตะลุมพุกช้ำหนักทะเลกลืนบ้านต่อเนื่องจ่อกลายเป็นหมู่บ้านร้างรื้อ-พังอีกว่า 10 หลัง ขณะที่จังหวัดสรุปความเสียหายเบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูง 6 อำเภอ 19 ตำบล 88 หมู่บ้าน ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าให้การช่วยเหลือรื้อถอนบ้านที่อยู่ในสภาพเสียหาย เพื่อรักษาวัสดุไว้ใช้ใหม่ และทิ้งให้ส่วนที่ไม่สามารถรื้อถอนได้ถูกกัดเซาะลงไปในทะเล
ที่จ.สงขลา คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยบริเวณชายฝั่งสงขลา ที่มีกำลังแรงอีกครั้ง ได้หนุนสูง และซัดเข้าท่วมหมู่บ้านชาวประมง หมู่ที่ 1 บ้านท่าเข็น ต.คลองแดน อ.ระโนด จ.สงขลา ได้รับผลกระทบกว่า 40 ครัวเรือน และมีบ้าน 1 หลังที่ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหาย ชาวบ้านต้องเร่งอพยพขนย้ายสิ่งของออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย แต่ยังไม่มีรายงานของผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
วานนี้ (8 ก.พ.) สภาพอากาศที่เพชรบูรณ์กลับมาหนาวเย็นอีกระลอก จากบริเวณความกดอากาศสูง กำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ที่ ภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปพักค้างแรมต่างพอใจกันสุดๆ เนื่องจากอุณหภูมิลดต่ำเหลือเพียงราว 3 องศาเซลเซียส จนต้องสวมเสื้อกันหนาว-คลุมผ้าห่มนั่งผิงไฟจากเตาอั้งโล่เพื่อสร้างความอบอุ่น
แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างก็แสดงความพึงพอใจ เนื่องจากคำพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาทำให้รู้ตัวก่อนล่วงหน้า และมีการเตรียมอุปกรณ์เครื่องกันหนาวมาเพียบพร้อม เนื่องจากตั้งใจมาท้าลมหนาวบนยอดภูทับเบิกเป็นการเฉพาะ
ด้านนายซัว เถารักตระกูล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภูทับเบิก กล่าวว่า ความหนาวเย็นที่มาเยือนภูทับเบิกในรอบนี้แม้จะพอๆ กับรอบแรกที่ผ่านมาก็ตาม แต่จากการที่นักท่องเที่ยวต่างรู้ตัวก่อน และเตรียมตัวมาค่อนข้างดี ทำให้ส่วนใหญ่ต่างเกิดความพึงพอใจเพราะตั้งใจมาท้าทายความหนาวเย็น ซึ่งก็ได้ความสะใจแบบสุดๆ กลับไปโดยถ้วนหน้า
ขณะที่ คลื่นลมทะเลในพื้นที่ภาคใต้ ยังมีกำลังแรง สูงกว่า 3 เมตร โดยได้พัดถล่มหมู่บ้านชาวประมง ที่ชุมชนบ้านเกาะแรต ม.3 ต.ดอนสัก อ.ดอนสักอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่งผลชาวประมงพื้นบ้านที่อาศัยอยู่จำนวน 85 หลังคาเรือนกว่า 300 คนได้รับความเดือดร้อนหนัก
นายฉัตรชัย พงศ์พิชิตชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 บ้านเกาะแรต ได้สรุปความเสียหาย มีสะพานรอบเกาะแรต ที่ใช้เป็นสะพานชมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญบนเกาะและชมวิถีชีวิตชุมชนหมู่บ้านประมง รวมชมโลมาสีชมพู ระยะทางยาว 275 เมตรถูกคลื่นซัดเสียหายยับใช้การไม่ได้ตลอดทั้งสาย คิดมูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท นอกจากนั้นบ้านเรือนประชาชนถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายทั้งหมดจำนวน 13 หลัง เสียหายหนักสุดจำนวน 5 หลัง นอกจากนั้น ชาวประมงพื้นบ้านที่นำอวนจับปูม้าไปวางจับปูม้าในทะเลอวนได้รับความเสียหายทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 100,000 บาท
ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี กระแสคลื่นลมแรงยังคงพัดกระหน่ำท่าเรือเฟอร์รี่อย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงเช้าผู้ประกอบการยังคงเดินเรือให้บริการนักท่องเที่ยวตามปกติ
สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ติดค้างอยู่ที่เกาะไผ่ จ.กระบี่ นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเรือของของอุทยานฯ เดินทางไปยังเกาะไม้ไผ่ เพื่อเข้ารับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 6 คน ผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 2 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศฝรั่งเศส 4 คน และอาร์เจนตินา 2 คน เดินทางกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรืออุทยานฯ แล้ว หลังจากเมื่อคืนวันที่ 7 ก.พ. ต้องพักค้างคืนที่เกาะไผ่เพื่อความปลอดภัยจากคลื่นสูง2-3 เมตร
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ.3 (เกาะไม้ไผ่) ได้ทำการปักธงแดงสูงกว่า 5 เมตร ที่ชายหาดในเกาะไม้ไผ่ หลังคลื่นลมยังมีกำลังแรงต่อเนื่อง และเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยวทั้งเรือล่ม จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บหลายคน
ส่วนที่ภูเก็ต นาย JU ZEKAI อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ซึ่งได้เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ของโรงแรมรายา รีสอร์ท ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมเพื่อนชาวต่างชาติอีกประมาณ 20 คน จมน้ำเสียชีวิต หลังลงไปเล่นน้ำ บริเวณชายหาด
ที่ชุมพร นายสมดี คชายั่งยืน ผวจ.ชุมพร พ.ต.ต.โยธิน สีหะทิพย์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำชุมพร น.ส.วัจนา วัจนคุปต์ หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.ชุมพร หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร ลงตรวจสอบพื้นที่เรือบรรทุกสินค้าชื่อ “สันทัดสมุทร1” ของบริษัท สันทัดและบุตร จำกัด ที่ได้ถูกลมมรสุมคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ซัดเข้าเกยตื้นขวางคลื่นลมอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 300 เมตร บริเวณหาดคอสน ตำบลท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร ตั้งแต่ช่วงเช้าวันอาทิตย์วันหยุดราชการ ยังไม่มีหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้องลงไปยังจุดเกิดเหตุ โดยวันนี้ได้มีเครื่องบินราชนาวีจากกองทัพเรือภาค 1 บินสนับสนุนสำรวจทางอากาศ เพื่อประเมินสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือท่ามกลางคลื่นลมที่แรง
สำหรับที่แหลมตะลุมพุกช้ำหนักทะเลกลืนบ้านต่อเนื่องจ่อกลายเป็นหมู่บ้านร้างรื้อ-พังอีกว่า 10 หลัง ขณะที่จังหวัดสรุปความเสียหายเบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูง 6 อำเภอ 19 ตำบล 88 หมู่บ้าน ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าให้การช่วยเหลือรื้อถอนบ้านที่อยู่ในสภาพเสียหาย เพื่อรักษาวัสดุไว้ใช้ใหม่ และทิ้งให้ส่วนที่ไม่สามารถรื้อถอนได้ถูกกัดเซาะลงไปในทะเล
ที่จ.สงขลา คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยบริเวณชายฝั่งสงขลา ที่มีกำลังแรงอีกครั้ง ได้หนุนสูง และซัดเข้าท่วมหมู่บ้านชาวประมง หมู่ที่ 1 บ้านท่าเข็น ต.คลองแดน อ.ระโนด จ.สงขลา ได้รับผลกระทบกว่า 40 ครัวเรือน และมีบ้าน 1 หลังที่ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหาย ชาวบ้านต้องเร่งอพยพขนย้ายสิ่งของออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย แต่ยังไม่มีรายงานของผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด