นครศรีธรรมราช - ชาวเมืองพระเดือดร้อนหนัก! เรือประมงแตกเสียหายนับสิบลำหลังคลื่นทะเลถล่มอย่างรุนแรง วอนร้องขอทางการทบทวนการแจ้งเตือนภัยให้ชาวบ้านรับรู้ ส่วนอีกหลายอำเภอเลียบชายฝั่งยังอ่วมหนัก
วันนี้ (26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพชุมชนชาวประมงพื้นบ้านในบริเวณจุดจอดเรือบ้านในถุ้ง ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลังจากที่สภาพคลื่น และการหนุนของทะเลลดความรุนแรงลง แต่สิ่งที่เหลือไว้คือ ซากปรักหักพังของแนวกันคลื่นที่ใช้ไม้ไผ่ตง ถูกกระแสคลื่นซัดกลับเข้ามาบนฝั่งจนหมด ขณะที่เรือประมงของชาวประมงพื้นบ้านได้ถูกชาวบ้านช่วยกันกู้ และลากกลับขึ้นมาบนฝั่งแล้วในสภาพท้องเรือแตกเสียหาย หลายลำไม่สามารถออกทะเลได้อีก เครื่องยนต์เสียหาย อุปกรณ์ประมงถูกทรายทับถม บางส่วนถูกคลื่นซัดหายไปในทะเล
นายเจริญ โต๊ะอีแต ว่าที่นายกสมาคมเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลา ระบุว่า เรือที่เสียหายไปขณะนี้มีมากกว่า 20 ลำ ซึ่งมีทั้งแบบเสียหายอย่างหนัก และเสียหายบางส่วน เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว และรุนแรงมาก ชาวบ้านต้องพยายามกู้เรือกลับมาบนฝั่งหลังจากถูกคลื่นซัดจนจมหลายลำ
ส่วนเครื่องมือประมงเสียหายไปจำนวนมาก อยากร้องขอให้ทางการแจ้งเตือนถึงภัยธรรมชาติลักษณะเช่นนี้ที่เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงนั้นมีการแจ้งเตือนน้อยมาก เช่นเดียวกับความเสียหายของเรือประมงพื้นบ้านของชาวบ้าน ขอให้ทางการหาช่องทางในการฟื้นฟูช่วยเหลือแก้ไขร่วมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
ส่วนที่ อ.ปากพนัง คลื่นขนาดใหญ่ความสูง 2-4 เมตร ยังคงถาโถมซัดเข้าฝั่งตลอด 2 วัน ทำให้ชาวบ้านประสบต่อความเดือดร้อนหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะถนนเลียบริมทะเลสายปากพนัง-หัวไทร ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของ 2 อำเภอ ถูกคลื่นซัดจนพังเสียหายบางจุดโดยที่ริมทะเล ม.10 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีบ้านเรือนของชาวบ้านถูกคลื่นซัดจนพังเสียหาย 2 หลัง ต้นสนโดนคลื่นซัดล้มระเนระนาด
นางอุมาพร ศรีเพชร ชาวบ้าน ม.10 ต.ท่าพญา โดยถูกคลื่นซัดบ้านพังทั้งหลัง ซึ่งเหลือแค่สุนัข 2 ตัว ระบุว่า คลื่นลมครั้งนี้ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซัดเข้าฝั่งไกลกว่าด้วย ครั้งก่อนคลื่นซัดไม่ถึงตัวบ้าน แต่ครั้งนี้ถึงตัวบ้านจนพังเสียหายพังลงไปในทะเล ต้องขนข้าวของเครื่องใช้ สัตว์เลี้ยง วัว ควาย มาอาศัยอยู่ริมถนน และต้องอาศัยเพื่อนบ้านเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ บ้านของญาติอีกหลังก็พังทั้งหลังเช่นกัน ถ้าเขามีที่อยู่ให้ตน และญาติคงไม่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้อีกต่อไป เพราะคลื่นยังมีมากกว่านี้ ใหญ่กว่านี้อีก
ขณะที่ชาวบ้านคือ นายไชยชาญ ดำรัก อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 ม.8 ต.บางศาลา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของเรือเกศวิชัย ได้นำเรืออวนปูขึ้นฝั่ง พร้อมกับลูกเรือ 4 คน ตั้งแต่ช่วงกลางวันของวันที่ 24 ม.ค. หลังได้รับแจ้งว่ามีคลื่นลมแรงก็ได้นำเรือแล่นเข้าฝั่งในช่วงเวลา 22.00 น. ของวันที่ 25 ม.ค. แต่ไม่ทันถึงฝั่งก็ถูกคลื่นสูงซัดอับปาง ลูกเรือรวม 5 คนพยายามหาสิ่งของเกาะยึด โดยได้ฝาลังพลาสติกที่ใช้ใส่ปูมาเกาะเพื่อเอาชีวิตรอด ต่อมาก็ได้พยายามตะกายเข้าฝั่งจนสามารถเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยที่บ้านท่าสูงบน ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันนี้
ขณะที่ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่บริเวณทางเข้าโรงเรียนบ้านเกาะทัง ม.7 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา มอบเสื้อกันหนาวและถุงยังชีพ โดยภายในบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ชาวบ้าน 200 ครัวเรือน ที่ประสบภัยคลื่นทะเลขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง
ด้าน พ.อ.อธิวัฒน์ เฟื่องสังข์ ผอ.กองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 41 นำกำลังทหารช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของ และช่วยรื้อบ้านที่อยู่ริมทะเลถูกน้ำกัดเซาะ อาศัยอยู่ต่อไปไม่ได้ออกจากพื้นที่ไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 ออกเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีหลายจังหวัด
ส่วน นายธัญญพัฒน์ พัฑฒิคงพันธ์ นายอำเภอปากพนัง ออกตรวจพื้นที่ร่วมมอบสิ่งของแก่ผู้ประสบภัยด้วย โดยกล่าวว่า ได้ประชุมหน่วยงาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ภัยธรรมชาติคลื่นลมแรง ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือน และพร้อมขนย้ายผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่ตามแนวชายฝั่งทะเล