วานนี้ (27ม.ค.) นายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกกต. แถลงว่านายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.ได้ลงนาม หนังสือส่งร่างประกาศหลักเกณฑ์ และวิธีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเสนอให้สนช. พิจารณา และมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ส่งข้อสังเกตที่เป็นอุปสรรคต่อการออกเสียงประชามติ อาทิ เกณฑ์จำนวนเสียงที่จะผ่านประชามติ ที่ยังมีความไม่ชัดเจนของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 รวมทั้งการกระทำผิดในการออกเสียงประชามติ ที่ไม่มีกฎหมายกำหนดบทลงโทษไว้ และในการประชุมกกต. ที่ประชุมก็ได้ให้ความเห็นแผนบริหารการออกเสียงประชามติ โดยจะเป็นการบูรณาการ การทำงานของทั้งสำนักงานกกต.ส่วนกลาง และกกต.จังหวัด ภายใต้ยุทธศาสตร์ดอกไม้ 65 ล้านบานสะพรั่ง ซึ่งจะมีการจัดตั้งศุนย์เตรียมการ และประสานงานการออกเสียงประชามติ ที่สำนักงานกกต. และจะมีการแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย
ระยะที่ 1 ระยะตื่นตัวเริ่มตั้งแต่มกราคมถึงวันที่กกต.รับร่างรัฐธรรมนูญจากครม. จะมีการรณรงค์ปูพื้นสร้างกระแสให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการออกเสียงประชามติ
ระยะที่ 2 ระยะติดตาม นับจากวันที่ กกต.รับร่างรัฐธรรมนูญถึงวันที่ กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติ จะมีการติดตามว่า ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีการเผยแพร่ ประชาชนมีความเข้าใจในเนื้อหาสาระมากน้อยแค่ไหน และระยะที่ 3 ระยะตัดสินใจ คือ นับจากวันที่กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียง จนถึงวันออกเสียงประชามติ กกต.จะมีการประชาสัมพันธ์กระบวนการ ขั้นตอน วันเวลา ออกเสียงประชามติ เผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ของฝ่ายที่เห้นด้วยและไม่เห็นด้วย เผยแพร่ข้อห้ามการออกเสียงประชามติ และรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ ซึ่งคิดว่าตามแผนการณ์ดังกล่าวจะทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร เพื่อใช้ในการตัดสินใจออกเสียงประชามติได้เป็นอย่างดี ทำให้การออกเสียงประชามติเป็นได้ความบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม กระบวนการและผลการออกเสียงเป็นที่ยอมรับของประชาชน
ทั้งนี้ยืนยันว่า กกต.มีความพร้อมค่อนข้างสมบูรณ์ หลังได้รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆได้เลย โดยตามแผนนี้คาดการณ์ว่าจะสามารถเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 75-80 ส่วนงบประมาณที่จะใช้ยังไม่สามารถประเมินได้ โดยอยู่ระหว่างการให้หน่วยงานสนับสนุน เสนอแผนการใช้งบประมาณมาใช้ชัดเจน เนื่องจากกกต.มีนโยบายว่าไม่ให้มีการตั้งงบประมาณที่ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างภารกิจและหน่วยงาน
ระยะที่ 1 ระยะตื่นตัวเริ่มตั้งแต่มกราคมถึงวันที่กกต.รับร่างรัฐธรรมนูญจากครม. จะมีการรณรงค์ปูพื้นสร้างกระแสให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการออกเสียงประชามติ
ระยะที่ 2 ระยะติดตาม นับจากวันที่ กกต.รับร่างรัฐธรรมนูญถึงวันที่ กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติ จะมีการติดตามว่า ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีการเผยแพร่ ประชาชนมีความเข้าใจในเนื้อหาสาระมากน้อยแค่ไหน และระยะที่ 3 ระยะตัดสินใจ คือ นับจากวันที่กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียง จนถึงวันออกเสียงประชามติ กกต.จะมีการประชาสัมพันธ์กระบวนการ ขั้นตอน วันเวลา ออกเสียงประชามติ เผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ของฝ่ายที่เห้นด้วยและไม่เห็นด้วย เผยแพร่ข้อห้ามการออกเสียงประชามติ และรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ ซึ่งคิดว่าตามแผนการณ์ดังกล่าวจะทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร เพื่อใช้ในการตัดสินใจออกเสียงประชามติได้เป็นอย่างดี ทำให้การออกเสียงประชามติเป็นได้ความบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม กระบวนการและผลการออกเสียงเป็นที่ยอมรับของประชาชน
ทั้งนี้ยืนยันว่า กกต.มีความพร้อมค่อนข้างสมบูรณ์ หลังได้รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆได้เลย โดยตามแผนนี้คาดการณ์ว่าจะสามารถเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 75-80 ส่วนงบประมาณที่จะใช้ยังไม่สามารถประเมินได้ โดยอยู่ระหว่างการให้หน่วยงานสนับสนุน เสนอแผนการใช้งบประมาณมาใช้ชัดเจน เนื่องจากกกต.มีนโยบายว่าไม่ให้มีการตั้งงบประมาณที่ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างภารกิจและหน่วยงาน
