7 วันอันตราย รวม 5 วัน ตาย 292 ราย ส่วนยอดยึดรถตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 3,046 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ 2,477 คัน และ รถยนต์ 569 คัน เผยนายกฯ ชื่นชมยึดรถเมาขับสุดเจ๋ง เล็งใช้ต่อเนื่องทุกเทศกาล
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน หรือ ศปถ. เผยสถิติ อุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่าง วันที่ 29 ธ.ค. 2558 - 2 ม.ค. 2559 รวม 5 วัน เกิดอุบัติเหตุสะสม 2,753 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 292 ราย และ มีผู้บาดเจ็บ 2,855 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ 108 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 12 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 108 คน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 23.08 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 15.89 โดยผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 49.25 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.41
ด้านการจัดวินัยจราจร พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เผยว่า ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2558 ถึง 2 ม.ค. 2559 รวม 9 วัน เจ้าหน้าที่ยึดรถฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับจำนวน 3,046 คัน แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ 2,477 คัน และ รถยนต์ 569 คัน พร้อมดำเนินคดีผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 21,690 คน รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคล 8,462 คน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันดำเนินงานมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ แม้จำนวนอุบัติเหตุจะยังมีปริมาณสูง แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ได้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่แล้ว และพบว่าปีนี้ปริมาณรถยนต์และจักรยานยนต์ ที่สัญจรไปมามีจำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว
"มาตรการดื่มไม่ขับ จับยึดรถ ได้รับเสียงชื่นชมจากองค์กรด้านสุขภาพ และประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างมาก ถือเป็นมาตรการใหม่ที่ไม่เคยมีการนำมาใช้มาก่อน ที่สำคัญการตรวจยึดรถของผู่ขับขี่ที่ดื่มสุราและมีพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ยังทำให้เจ้าหน้าที่สามารถสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่ซุกซ่อนอยู่ในรถ อาทิ อาวุธปืน ยาเสพติด และขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดและเครือข่ายได้ด้วย จึงถือเป็นมาตรการที่สนับสนุนการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง และดูแลความสงบเรียบร้อย รวมทั้งยับยั้งเหตุรุนแรงในหลายมิติไปพร้อมกัน"
พล.ต.สรรเสริญกล่าวและว่า รัฐบาลจะพิจารณานำมาตรการนี้มาใช้อย่างต่อเนื่องในทุกเทศกาลที่มีวันหยุดยาว อาทิ เทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ทุกคน ทุกฝ่ายในสังคม จะต้องร่วมมือกันและแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน..
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน หรือ ศปถ. เผยสถิติ อุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่าง วันที่ 29 ธ.ค. 2558 - 2 ม.ค. 2559 รวม 5 วัน เกิดอุบัติเหตุสะสม 2,753 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 292 ราย และ มีผู้บาดเจ็บ 2,855 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ 108 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 12 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 108 คน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 23.08 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 15.89 โดยผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 49.25 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.41
ด้านการจัดวินัยจราจร พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เผยว่า ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2558 ถึง 2 ม.ค. 2559 รวม 9 วัน เจ้าหน้าที่ยึดรถฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับจำนวน 3,046 คัน แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ 2,477 คัน และ รถยนต์ 569 คัน พร้อมดำเนินคดีผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 21,690 คน รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคล 8,462 คน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันดำเนินงานมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ แม้จำนวนอุบัติเหตุจะยังมีปริมาณสูง แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ได้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่แล้ว และพบว่าปีนี้ปริมาณรถยนต์และจักรยานยนต์ ที่สัญจรไปมามีจำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว
"มาตรการดื่มไม่ขับ จับยึดรถ ได้รับเสียงชื่นชมจากองค์กรด้านสุขภาพ และประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างมาก ถือเป็นมาตรการใหม่ที่ไม่เคยมีการนำมาใช้มาก่อน ที่สำคัญการตรวจยึดรถของผู่ขับขี่ที่ดื่มสุราและมีพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ยังทำให้เจ้าหน้าที่สามารถสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่ซุกซ่อนอยู่ในรถ อาทิ อาวุธปืน ยาเสพติด และขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดและเครือข่ายได้ด้วย จึงถือเป็นมาตรการที่สนับสนุนการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง และดูแลความสงบเรียบร้อย รวมทั้งยับยั้งเหตุรุนแรงในหลายมิติไปพร้อมกัน"
พล.ต.สรรเสริญกล่าวและว่า รัฐบาลจะพิจารณานำมาตรการนี้มาใช้อย่างต่อเนื่องในทุกเทศกาลที่มีวันหยุดยาว อาทิ เทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ทุกคน ทุกฝ่ายในสังคม จะต้องร่วมมือกันและแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน..
