xs
xsm
sm
md
lg

ชอปช่วยชาติดันจีดีพีโต3% สศค.ชี้สะพัด2.25หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สศค.ลุ้น GDP ปี 58 โต 3% จากมาตรการชอปช่วยชาติ ที่จะมีเม็ดเงินใหม่ที่เข้าสู่ระบบราว 2.25 หมื่นล้าน นายกฯระบุ ชอปช่วยชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เงินหมุนเวียนในประเทศ ขอกลุ่มคนมีเงิน ช่วยใช้จ่ายอย่ารอเพียงลดราคา

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินว่า จากมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี 2558 (มาตรการช้อปช่วยชาติ) จะมีส่วนสนับสนุนให้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยในปีนี้เติบโตได้เพิ่มขึ้นเป็น 3% จากก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ 2.8% โดยน่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้เพิ่มขึ้นอีก 0.4% พร้อมคาดว่าจากช่วงเวลา 7 วัน (25 ธ.ค.-31 ธ.ค.58) ภายใต้กำหนดเวลาของมาตรการดังกล่าวจะมียอดการใช้จ่ายราว 2.25 หมื่นล้านบาท และมีประชาชนมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 50% ของจำนวนผู้เสียภาษีที่มีสิทธิ 3 ล้านคน

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. ยังคงเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ไว้ที่ 2.8% แต่ยอมรับว่ายังมีปัจจัยเสริมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมาก่อนหน้านี้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย 1.5 หมื่นบาท สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรม ที่จะช่วยทำให้การขยายตัวของ GDP เติบโตได้ใกล้ 3%

ขณะที่ภาคการส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากระทบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจทำให้การขยายตัวของตัวเลขส่งออกไทยในปีนี้ชะลอตัวลงจากปัจจุบันคาดว่าจะติดลบ 5.4% โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา ภาคการส่งออกของไทย ติดลบไปแล้ว 5.5%

"สศค.ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วง 7 วันสุดท้ายของปี 2558 (25-31 ธ.ค.) จะช่วยให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1% โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2.25 หมื่นล้านบาท จากจำนวนผู้มีสิทธิขอลดหย่อนภาษีทั้งสิ้น 3 ล้านคน โดยในจำนวนนี้คาดว่า 50% จะมียอดใช้จ่ายและขอใช้สิทธิเพิ่มขึ้น รวมทั้งมองว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยผลักดันให้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 0.4%" นางสาวกุลยา กล่าว

สำหรับในปี 59 สศค.ยังคงคาดว่า GDP จะเติบโตได้ 3.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีนี้, การเร่งลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่, มอเตอร์เวย์, โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ, โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และโครงการท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวก็จะเข้ามาเป็นปัจจัยหนุนสำคัญด้วย โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังขยายตัวได้ดีในเลข 2 หลัก และการค้าชายแดนจะเข้ามามีส่วนในการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังพม่า ลาว กัมพูชา เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศดังกล่าวยังขยายตัวได้ดีที่ระดับ 7-8%

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาในปีหน้า ได้แก่ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน ไปจนถึงญี่ปุ่นที่เริ่มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ตัวเลขการส่งออกในปี 59 ปรับตัวลดลงจากคาดการณ์ปัจจุบันที่ 2.5% แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะยังขยายตัวเป็นบวกได้แน่นอน

นอกจากนี้ ยังต้องจับตาความผันผวนในตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายในทิศทางต่างๆ ของประเทศมหาอำนาจที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้เกิดผลกระทบด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนมากขึ้น ไปจนถึงความผันผวนในราคาสินค้าเกษตรและน้ำมันที่ยังอยู่ในช่วงขาลง

นายกฯบอกให้ชอป อย่ารอแต่ลดราคาสินค้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชอปช่วยชาติ ระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค. 58 ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ที่ประชาชนให้ความสนใจจำนวนมากว่า นี่คือสิ่งที่รัฐบาลทำจริง โดยรัฐบาลต้องแบกรับภาระในเรื่องของภาษีที่ได้ลดลง ถึงแม้จะมีผลกระทบบ้างแต่สิ่งที่ต้องการ คือให้ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอย ได้สินค้าราคาถูก มีการหมุนเวียนการใช้จ่ายเงินในพื้นที่ โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าขาย และทำให้เกิดวงจรการผลิต ทำให้เกิดการลงทุน

"ประเด็นสำคัญคือทำให้เกิดวงจรการผลิต ไม่ใช่มองอย่างเดียวว่า ซื้อของถูก ถ้าเดิมของราคามันแพงอยู่ ซื้อไม่ได้มันก็ผลิตไม่ได้ ก็ทำให้โรงงานต่างๆ รายได้ลดลง การลงทุนก็ไม่เกิด มันต้องดูอย่างนี้ อย่าไปดูกระพี้ ดูแต่ใครได้อย่างเดียว ถ้าได้มากๆ แล้วดี แล้วมันทำให้อย่างอื่นเสียหายไหม คิดให้ทันครบถ้วนบ้าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนที่ประชาชนเรียกร้องให้มีการจัดมาตราการในลักษณะดังกล่าวช่วงเทศกาลอื่นๆ ด้วยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เอาช่วงนี้ให้รอดก่อน ใครมีเงินก็ขอช่วยไปใช้จ่าย ไม่ใช่รอแต่การลดราคาสินค้า ให้ช่วยประเทศบ้าง เพราะถ้าทำอย่างนั้น ประเทศชาติจะไปไม่ได้ ใครจะสามารถทำให้ได้ ถ้าไม่ช่วยกัน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็พยายามหาทางช่วยเหลือ
กำลังโหลดความคิดเห็น