xs
xsm
sm
md
lg

จบก่อนปีใหม่!! กห.เร่งสอบราชภักดิ์ โต้พื้นคอนกรีตไม่ร้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษก กห.ระบุมีความคืบหน้า เร่งสรุปผลสอบข้อเท็จจริงทุจริตจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ก่อนสิ้นปี ผบ.ร.ร.นายสิบทหารบกหัวหินโต้ "เต้น" พื้นคอนกรีตอุทยานไร้รอยร้าว ทุกขั้นตอนมีการตรวจสอบสภาพดินแม้ฝนตก "บิ๊กต๊อก" เผยไม่เร่งรัด สอบตามปกติ ขณะที่ ''จ่านิว'' ดอดพบ ตร.รับทราบข้อหาหลังถูกออกหมายเรียก

วานนี้ (20 ธ.ค.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง การก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นประธาน ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้เชิญคณะกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้ว ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้เชิญภาคเอกชนและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการหล่อและการจัดสร้าง ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ถัดไป คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ จะเร่งรัดตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการให้ข้อมูลและการรวบรวมเอกสาร เพื่อสรุปข้อเท็จจริงและความเชื่อมโยงในประเด็นต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับเปิดเผยต่อสาธารณะได้ก่อนสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ต่อการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ คู่ขนานกับการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหมที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่จะช่วยเสริมและขยายความกระจ่างชัดของข้อเท็จจริงในทุกประเด็นให้กับสังคมได้รับทราบ โดยเฉพาะรายละเอียดการใช้งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ซึ่งที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณทุกฝ่าย ที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อประเด็นต่าง ๆ ตามช่องทางที่รัฐบาลและกระทรวงกลาโหมกำหนด

***ผบ.รร.นายสิบทหารบกหัวหินโต้

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2558 พล.ต.สัญญา จันทร์สงวน ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สถานที่จัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เปิดเผยกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แจ้งว่ามีข้อมูลความผิดปกติในการจัดสร้างพื้นคอนกรีตบริเวณโดยรอบโครงการ มีรอยแตกร้าวในหลายจุดว่า การทำโครงสร้างพื้นฐานภายในอุทยานราชภักดิ์ พื้นที่ 222 ไร่มีการก่อสร้างโดยใช้เวลาเพียง 6 เดือน ยืนยันว่าไม่มีรอยแตกร้าว เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างอยู่ใกล้แนวภูเขาชั้นดินเป็นหินดินดาน ก่อนการเทคอนกรีตมีการบดอัด มีการตรวจสอบสภาพดิน และมีการนำตัวอย่างดินมาทำการทดสอบ ตนในฐานะผู้ดูแลพื้นที่เข้ามาดูการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด
“หากวันใดมีฝนตก เจ้าหน้าที่หน่วยทหารที่เกี่ยวข้องและบริษัทผู้รับเหมาก็จะหยุดดำเนินการ และในระหว่างการก่อสร้างมีคณะทำงานหลายฝ่ายดูแลความเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง ทุกหน่วยมีความตั้งใจในการจัดสร้างเพื่อให้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศ หลังจากการเปิดให้ประชาชนเข้าชมหลายเดือนก่อนจนถึงปัจจุบัน มีรถโดยสารขนาดใหญ่และเครื่องจักรกลหนักใช้เส้นทางในพื้นที่ก็ไม่พบมีร่องรอยความเสียหายแต่อย่างใด” พล.ต.สัญญากล่าว

***"บิ๊กต๊อก" เผยไม่เร่งรัดอะไรพิเศษ

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. จะนำข้อมูลเพิ่มเติมในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่มีความไม่โปร่งใสมามอบให้ เพราะไม่ต้องการให้การสอบสวนเจาะจงเฉพาะการเรียกค่าหัวคิวรูปหล่อเท่านั้นว่า นายณัฐวุฒิ อยากมาก็มา ตนไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องพิเศษ เพราะ ศอตช.ทำการตรวจสอบทุจริตเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยมีประชาชนมาส่งข้อมูลให้เกือบทุกวันเป็นปกติ ส่วนการตรวจสอบโครงการราชภักดิ์ก็สอบไปตามปกติ ตนไม่ได้สั่งว่าต้องทำอะไรเป็นพิเศษ และได้บอกเจ้าหน้าที่ไปว่า อย่านำประเด็นอะไรมาผูกพัน และไม่นำไปโยงกับการเมือง

ส่วนแกนนำนักศึกษาที่มีข่าวว่าจะมายื่นหลักฐานกับตนนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มา ถ้าจะมาส่งก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา เพราะทางเจ้าหน้าที่จะส่งต่อมาให้ตนอ่านทุกคดี หากเป็นประเด็นตนจะส่งกลับไปให้เจ้าหน้าที่สอบต่อไป จากนี้ตนจะไม่ชี้แจงอะไรอีก แต่ได้สั่งให้หน่วยงานต่างๆ ชี้แจงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหม จะส่งผลสรุปให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในสัปดาห์หน้า และจะมีการแถลงข่าวให้ทราบนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบในส่วนของกระทรวงกลาโหม เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่เป็นอิสระ ใครชี้แจงอะไรต้องมีเหตุผลว่าทำไมชี้แจงอย่างนั้น ซึ่งทุกหน่วยงานมีเหตุผลของตัวเอง ตนจะไปพูดแทนเขาไม่ได้ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไร

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สตง.และ ป.ป.ท. ยังไม่ทราบว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ ถ้าเร็วได้ก็จะดีต่อทุกฝ่าย แต่ไม่ได้ไปเร่งรัด เพราะบางเรื่องอาจใช้เวลาในการสอบสวนด้วยความรอบคอบ

****จ่านิวดอดพบ ตร.เอาหมายเรียกแล้ว

นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ "จ่านิว" แกนนำกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยศึกษา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจรถไฟธนบุรี เพื่อขอรับทราบข้อหาแล้วหลังถูกออกหมายเรียกพร้อมพวก รวม 11 คน ในข้อหามั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ สถานที่ใด ๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หลังร่วมกันจัดกิจกรรมเตรียมนั่งรถไฟไปตรวจสอบโครงการทุจริตอุทยานราชภักดิ์ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ส่วนในวันที่ 22 ธันวาคม ที่เป็นวันกำหนดให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง อาจจะไม่สะดวกเนื่องจากะมีสอบที่มหาวิทยาลัย ดังนั้น จึงต้องปรึกษาคนอื่น ๆ ก่อนว่าจะสามารถเลื่อนพบได้หรือไม่ อย่างไร

**นายกฯ ยันจัดการกับประมงผิด กม.

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีชาวประมง จ.ปัตตานี รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมเนื่องจากจับสัตว์น้ำโดยใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด พร้อมยืนยันว่า จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับผู้กระทำความผิดทุกระดับ
"นายกฯทราบดีว่า พี่น้องชาวประมงบางส่วนยังเดือดร้อน เพราะไม่สามารถทำมาหากินจากการจับสัตว์น้ำได้ แต่ขอให้เข้าใจว่า การกระทำผิดกฎหมายของคนเพียงกลุ่มเดียวอาจส่งผลเสียหายใหญ่หลวงต่อคนทั้งประเทศ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาชาวประมงนั้น นายกฯได้สั่งการให้ทางจังหวัดเร่งรัดขั้นตอนให้รวดเร็วขึ้น ทั้งการจ่ายเงินชดเชยและหาอาชีพอื่นทดแทน จนกว่าจะดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

ทั้งนี้ การใช้ครื่องมือประมงอวนลากเพื่อจับสัตว์น้ำเป็นเครื่องมือที่ผิดกฎหมายตามคำสั่ง คสช. ที่ 24/2558 จึงขอวิงวอนให้พี่น้องชาวประมงเข้าใจโดยปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเปิดใจรับฟังเจ้าหน้าที่ด้วยการพูดคุยปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่ควรละเมิดกฎหมายหรือใช้ความรุนแรง ซึ่งจะทำให้ผู้กระทำผิดถูกจับกุมและอาจส่งผลให้ไทยไม่สามารถส่งออกอาหารทะเลไปยังอียูได้หากยังมีการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยสูญเสียรายได้ปีละกว่า 30,000 ล้านบาท และกระทบต่อชาวประมงคนอื่นๆ ด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น