xs
xsm
sm
md
lg

"วัชรพล"นั่งปธ.ป.ป.ช. มติ7-2 "ประวิตร"ปัดคสช.อุ้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.10 น. วานนี้ (15ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ทั้ง 9 คน ประกอบด้วย กรรมการเก่า 4 คนได้แก่ นายปรีชา เลิศกมลมาศ , พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง,นายณรงค์ รัฐอมฤต,น.ส.สุภา ปิยะจิตติ และกรรมการใหม่ 5 คน ได้แก่ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์,นายวิทยา อาคมพิทักษ์,พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ,นางสุวณา สุวรรณจูฑะ และนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร เพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานป.ป.ช.คนใหม่ ตามคำสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 45/2558 โดยก่อนเริ่มต้นการประชุมได้มีการให้กรรมการเก่าและใหม่ได้พูดคุยทำความรู้จักกัน หลังจากนั้นจึงได้คัดเลือกผู้อาวุโสสูงสุดในที่ประชุมเพื่อทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว ได้แก่ นายปรีชา เพื่อดำเนินการคัดเลือกประธานป.ป.ช.
ในการเลือกประธานป.ป.ช.นั้น ได้มีผู้เสนอชื่อ 2 ราย คือ นายปรีชา และ พล.ต.อ.วัชรพล จากนั้นเป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธาน คือ พล.ต.อ.วัชรพล ด้วยคะแนน 7 ต่อ 2 ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.จะได้นำรายชื่อส่งไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ พร้อมกับรายชื่อกรรมการป.ป.ช.ใหม่ทั้ง 5 คน ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเสียงข้างมาก 7 คนที่เลือก พล.ต.อ.วัชรพล ประกอบด้วย ตัวพล.ต.อ.วัชรพล เอง พล.อ.บุณยวัจน์ นายวิทยา นางสุวณา นายสุรศักดิ์ โดยมีคะแนนเสียงจากกรรมการป.ป.ช.ชุดเดิมอีก 2 คนที่ลงคะแนนให้คือ นายณรงค์ และน.ส.สุภา ขณะที่เสียงข้างน้อยที่เลือกนายปรีชา คือ ตัวนายปรีชาเอง และ พล.ต.อ.สถาพร
พล.ต.อ.วัชรพล ว่าที่ประธานป.ป.ช.คนใหม่ กล่าวถึงแนวทางการทำงานของ ป.ป.ช.หลังจากนี้ว่า หลังผ่านกระบวนการโปรดเกล้าฯแล้วตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อวางยุทธศาสตร์การทำงาน ซึ่งจะต้องใช้มติคณะกรรมการป.ป.ช.ร่วมกัน เพื่อวางแนวทางการทำงาน โดยเฉพาะในระยะสั้น มีเรื่องท้าทายจำนวนมาก เช่น จำนวนคดีที่ค้างอยู่มาก จะทำให้ป.ป.ช.มีความโปร่งใส
ส่วนข้อครหาว่าตนมีที่มาจากคสช. นั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ แม้จะเคยถูกเรียกมาช่วยงานเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อตนเห็นโอกาสที่จะมาช่วยงานในมิติอื่น ในฐานะที่เคยผ่านงานมามากมาย จึงมาสมัครเป็นป.ป.ช. จึงไม่รู้สึกหนักใจที่ถูกตั้งข้อครหาเช่นนี้ เพราะคิดว่าคนเพียง 1 คนจะไปมีอิทธิพลเหนือคนอีก 8 คนได้อย่างไร มั่นใจว่า การทำงานของป.ป.ช. จะมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
ขณะที่นายปรีชา กล่าวว่า ยอมรับมติที่เป็นไปตามขั้นตอนและกติกา ยินดีที่ได้ร่วมงานกับกรรมการชุดใหม่ 5 คน ที่เป็นผู้มีความรู้ ประสบการณ์ จะได้มาช่วยสะสางงานในภาวะวิกฤตเช่นนี้ อยากให้บรรยากาศการทำงานมีแต่ความสามัคคี ทำงานร่วมกัน ช่วยกันปรับปรุงแก้ไของค์กร ทำงานเพื่อประเทศ เน้นคุณภาพ เป็นธรรม เป็นกลาง ไม่เลือกข้าง ดูแลองค์กรให้ยืนอยู่ในจุดที่เหมาะสม ถูกต้องเป็นธรรม ช่วยกันพัฒนาระบบงานโดยเฉพาะการเตรียมรับมือกฎหมายใหม่ ให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. มีความเข้มแข็ง นำพาองค์กรให้มีคุณภาพมากขึ้น
ส่วนข้อครหาว่า คสช.หนุน พล.ต.อ.วัชรพล เป็นประธาน ป.ป.ช.นั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองแต่ละคนในยุคสมัยนี้ แต่ถ้าจะดูก็ต้องย้อนไปถึงที่มาที่ไปตั้งแต่การสรรหา และทุกขั้นตอน ก็ต้องเร่งปรับปรุงคุณภาพการทำงาน เพราะกรรมการทุกคนมีความรู้ ประสบการณ์ ต้องทำงานด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ทำเพื่อทุกฝ่ายด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพราะฉะนั้นจะดูว่า เป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสังคม ขอให้รอดูผลงานที่จะปรากฏดีกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีประธานป.ป.ช.คนใหม่ ถูกมองว่าเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า ใกล้ชิดใคร ทำไม เกิดตามกันมาหรือไง ครอบครัวเดียวกับท่านรองนายกฯ หรือ ผม คนละนามสกุลอยู่แล้ว จะใกล้ชิดยังไง เขาเป็นข้าราชการ รู้จักทุกคน จะไปใกล้ชิดยังไง หรือผมใกล้ชิดกับ ไก่อู (พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) มากว่า โหน่ง (พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ก็ต้องรักทุกคน ทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ ทำให้เขาเป็นอย่างนั้น อย่าให้เขาทะเลาะกัน ใครจะเป็นก็ทั้งหมดก็รักกัน มาทำงานให้ประเทศ
"อย่าให้เกิดปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมขึ้นอีก และเรื่องความเป็นธรรมไม่เป็นธรรมอย่าไปฟังกระแสมากนัก เพราะบางคนด้วยความหวังดี ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยอารมณ์บริสุทธิ์ แต่บางคนไม่ใช่ พอตีกันไปตีกันมา กลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกแบบนั้น และมันก็แก้อะไรไม่ได้ แล้วก็ทะเลาะกันไปอยู่แบบนี้ไม่เลิก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ก็เขาเลือกกันเอง เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการล็อบบี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "จะยืนยันอะไร ไปล็อบบี้เขาก็ไม่ฟัง สื่อคิดกันไปเอง ผู้สื่อข่าวเป็นคนล็อบบี้กันเอง ยืนยันว่าไม่มีการล็อบบี้ คะแนนได้ตั้งแต่เยอะ 7 ต่อ 2 อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องทำประเด็นกันขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่น่ามีประเด็นอะไร ไปคิดเรื่องอื่นกันดีกว่า อย่างไรเสีย พล.ต.อ.วัชรพล ก็ได้เป็นแล้ว เขาอยู่ตรงนี้คงไม่ใหญ่ ไปอยู่ตรงนั้นอาจจะใหญ่กว่า ก็ดีแล้ว และผมไม่ขอฝากอะไรไปถึงพล.ต.อ.วัชรพล เพราะไม่ได้เจอกันเลย ตั้งแต่ลาออกไป" พล.อ.ประวิตร กล่าว
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พล.ต.อ.วัชรพล ซึ่งเป็นเงาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นประธานป.ป.ช. ก็เท่ากับว่าคสช.สามารถส่งนอมินีเข้าไปได้สำเร็จ ส่วนจะสง่างาม บริสุทธิ์ โปร่งใส เที่ยงธรรม หรือไม่ ประชาชนดูออก และเข้าใจว่า คนเมื่อมีอำนาจ ก็ใช้อำนาจเต็มที่ โดยไม่สนใจว่าภาพพจน์องค์กรจะตกต่ำลงหรือไม่ ประเทศนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า ตำรวจตกอยู่ใต้อิทธิพลของระบอบทักษิณมานานแค่ไหน แต่ก็ยังส่งไปนั่งอีก ความเชื่อว่าการดำรงตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. อีก 9 ปี จะสามารถช่วยเคลียร์เรื่องต่างๆให้คสช. ยามหมดอำนาจนั้น ก็ไม่แน่นอน เพราะความสุจริตต่างหาก ที่เป็นเสื้อเกราะคุ้มครองที่แท้จริง
"เมื่อพล.ต.อ.วัชรพล ได้เป็นประธานป.ป.ช. ก็เป็นการยากที่จะกำจัดตัวเวร ที่คอร์รัปชันประเทศให้หมดไปตามที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษได้กล่าวไว้ เพราะบางส่วนมีความไม่เชื่อมั่นในตัวท่านตั้งแต่ต้นแล้ว ความหวังที่จะเห็นป.ป.ช.เป็นองค์กรที่ทรงพลานุภาพ และตั้งมั่นในความซื่อสัตย์เหมือนยุค นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ อดีตประธานป.ป.ช. ได้ผ่านพ้นแล้ว การตัดสินคดีของป.ป.ช. นับจากนี้ ก็จะถูกสังคมจับตามองมากขึ้นเป็นลำดับ และจะเป็นยุคที่ป.ป.ช.จะถูกตั้งข้อสงสัยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ขององค์กรนี้" นายวัชระกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น