“ไอเอส” ส่งมือระเบิดฆ่าตัวตายบุกสังหารผู้ว่าเมืองเอเดนในเยเมน ดับคาขบวนรถ ส่วนที่อังกฤษมือมีดไล่แทงคนบาดเจ็บ 3 ในสถานีรถไฟใต้ดินลอนดอน อ้างต่อต้านการแทรกแซงซีเรีย ขณะที่สหรัฐฯ เร่งปรับยุทธศาสตร์สู้รบกับผู้ก่อการร้ายภายใน ปท. ส่วนที่ไทยสั่งล้อมคอกตรวจละเอียดการอยู่ต่อของนักท่องเที่ยว แม้ผลสอบซีเรีย 3 คน ไม่เกี่ยวข้องไอเอส
เมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) จาอาฟาร์ โมฮัมเหม็ด ซาอัด ผู้ว่าการเมืองเอเดนของเยเมน ถูกมือระเบิดฆ่าตัวตายขับรถเข้าไปในขบวนรถของผู้ว่ารายนี้ทำให้ผู้ว่าฯ เสียชีวิตในพื้นที่ทางตะวันตกของเมืองเอเดน ล่าสุดกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ พวกเขาระบุว่า ผู้ติดตามอย่างน้อย 6 คนก็เสียชีวิตในการโจมตีดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บด้วยอีกหลายคนจากการระเบิด
ซาอัด อดีตนายพลในกองทัพของอดีตเยเมนใต้ก่อนที่รัฐคอมมิวนิสต์แห่งนี้จะถูกรวมเข้ากับเยเมนเหนือในปี 1990 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าเมื่อเดือนตุลาคม กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์หลายกลุ่มกำลังปฏิบัติการอยู่ในเมืองนี้ 4 เดือนหลังจากที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดี อาเบดรับบู มันซูร์ ฮาดี และกลุ่มพันธมิตรชาติอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบียได้ขับไล่นักรบกบฏฮูตีที่อิหร่านหนุนหลังออกจากเมืองเอเดน เมืองใหญ่อันดับสองของเยเมน ฮาดีได้ย้ายจากซาอุดีอาระเบียกลับมายังเมืองเอเดนเมื่อเดือนที่แล้ว เกือบ 8 เดือนหลังจากที่เขาลี้ภัยเพื่อหลบหนีการรุกคืบของกลุ่มฮูตี เขากำลังพยายามรักษาความมั่นคงในเมืองนี้และควบคุมการสู้รบกับกลุ่มฮุตีในจังหวัดทาอิซ ตอนเหนือของเอเดน
***ไล่แทงในสถานีรถไฟใต้ดินอังกฤษ
ตำรวจเมืองผู้ดีจับชายคนหนึ่งที่ไล่แทงคนในสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอนและร้องตะโกนว่า เพื่อตอบโต้การแทรกแซงซีเรีย ขณะที่ทางการระบุว่า เหตุการณ์นี้เป็นการก่อการร้าย แนะประชาชนอย่าตื่นตกใจแต่ต้องระวังระไว เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของกองบัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอนกำลังสอบสวนเหตุไล่แทงในสถานีรถไฟใต้ดินเลย์ตันสโตนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5) ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นชายวัย 56 ปี แต่ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 คน วิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. (2.00 น. วันอาทิตย์ตามเวลาไทย) เผยให้เห็นภาพผู้โดยสารที่บางคนมากับลูก วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงขณะที่มีชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดขณะที่ตำรวจเข้าล็อคตัว ชายผู้นี้ได้ตะโกนถามว่า “คุณเป็นมุสลิมหรือเปล่า” เนื่องจากดูเหมือนว่ามีตำรวจคนหนึ่งเป็นชาวมุสลิม
ผู้เห็นเหตุการณ์ยังเล่าว่า ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องสงสัยเดินออกจากสถานีรถไฟ ชายคนดังกล่าวได้ตะโกนว่า การโจมตีครั้งนี้เพื่อตอบโต้การเข้าแทรกแซงซีเรีย ริชาร์ด วอลตัน ผู้บัญชาการตำรวจหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการก่อการร้าย และขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ แต่ต้องระวังให้มากขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดเหตุโจมตีของผู้ก่อการร้าย วอลตันยังเรียกร้องให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานีรถไฟใต้ดินเลย์ตันสโตนในช่วงที่เกิดเหตุและพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือผู้ที่ถ่ายภาพหรือคลิปเหตุการณ์การโจมตี ให้ติดต่อสายด่วนต่อต้านการก่อการร้าย
อนึ่ง นับจากเหตุโจมตีปารีสเมื่อสามสัปดาห์ก่อน มีความกังวลกันทั่วไปว่า ตำรวจอังกฤษที่ปกติแล้วไม่ติดอาวุธ จะใช้เวลานานเท่าใดในการเข้าถึงและจัดการกับผู้ก่อการร้าย เป็นที่คาดว่า นักสืบของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายกำลังแกะรอยและค้นหาที่อยู่ของผู้ต้องสงสัย โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เพื่อค้นหาว่า ผู้ต้องสงสัยติดต่อกับใครและเข้าดูเว็บไซต์ใด รวมถึงค้นหาสัญญาณว่า ผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการที่มีแนวคิดหัวรุนแรงและดำเนินการเพียงลำพังหรือไม่ โดยคลิปเหตุการณ์โจมตีเป็นหลักฐานสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่สอบสวน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน เคยเปิดเผยว่า อังกฤษสามารถทำลายแผนการโจมตีถึง 7 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว โดยหนึ่งในแผนการเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการใช้มีดไล่แทงผู้บริสุทธิ์ หากข้อสงสัยของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของสก็อตแลนยาร์ดเกี่ยวกับการโจมตีที่เลย์ตันสโตนได้รับการยืนยัน จะถือเป็นการโจมตีในที่สาธารณะในอังกฤษของนักรบญิฮัดครั้งแรกนับจากเดือนพฤษภาคม 2013 ที่ทหารอังกฤษ ลี ริกบี้ ถูกผู้ก่อการร้ายสองคนสังหารโดยใช้มีดฟันคอและแทงซ้ำหลายแผลบนถนนในลอนดอน
***สหรัฐฯเร่งปรับยุทธศาสตร์ผู้ก่อการร้าย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังขบคิดทบทวนยุทธศาสตร์ของพวกเขาในการสู้รบปรบมือกับการก่อการร้ายภายในประเทศ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อวันเสาร์ (5)
โดยสหรัฐฯควรที่จะเพิ่มการรักษาความปลอดภัยของสายการบิน ด้วยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ในการติดตามเฝ้าระวังสนามบินต่างๆ, ยกระดับมาตรฐานของโครงการยกเลิกวีซ่าเข้าสหรัฐฯ, และปรับปรุงการติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาคมชาวมุสลิม เพื่อช่วยเหลือกระตุ้นเตือนให้ทราบภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา นั้น ตามการแถลงของทำเนียบขาวในวันเสาร์ (5) มีกำหนดการที่จะกล่าวปราศรัยถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ในช่วงไพรม์ไทม์คืนวันอาทิตย์ (6) ซึ่งตรงกับตอนเช้าวันจันทร์ (7) ในเมืองไทย เกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดของการสืบสวนสอบสวนกรณียิงกราดที่ซานเบอร์นาร์ดิโน ในรายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ ระบุว่าพวกเจ้าหน้าที่คณะบริหารโอบามาหลายคนมีความเห็นว่า การสนับสนุนปากเสียงของชาวมุสลิมที่พูดจาขัดแย้งตอบโต้กับการเผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อของพวกสุดโต่ง ให้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันมากขึ้น ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องทำกัน
“เราสามารถทำงานกับภาคเอกชน เพื่อให้มีผู้ซึ่งส่งข้อความที่เป็นปากเสียงของทางเลือกทางอื่นๆ กันมากขึ้น” ลิซา โมนาโค ที่ปรึกษาด้านต่อต้านการก่อการร้ายของประธานาธิบดีโอบามา บอกกับนิวยอร์กไทมส์ ทั้งนี้เธอกล่าวว่า เราจำเป็นต้องทำงานให้ดีขึ้นกว่านี้ ในการใช้วิธีการเช่นนี้ ซึ่งได้มีผู้คิดถ้อยคำวลีเกี่ยวกับภารกิจนี้เอาไว้แล้ว นั่นคือ จะต้อง “ทำลายข้อความหรือ 'สาร' ที่มาจากแบรนด์ของพวกไอเอส”
***ไทยเข้มสั่งให้ตรวจนักท่องเที่ยวละเอียด
ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) และนายกีริล มิไฮโลวิช บรัสกี เอกอัครราชทูตแห่งรัสเซียประจำประเทศไทย เข้าร่วมสอบปากคำ 1.นายนาว์เฟล ฮัซซัน(Mr.Nawfal Hassoun) อายุ 34 ปิ ซึ่งเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทุ่งมหาเมฆเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังมีภาพปรากฏในสื่อ 2.นายอับดุล อาซิซ อรุค(Mr.Abdul Aziz Arouk) อายุ 44 ปี อาชีพ นักร้อง ซึ่งถูกตำรวจสน.ลุมพินีเชิญตัวมาให้ข้อมูล และ 3.นายมูอยาด เฮยาติ(Mr.Mouayad Hayati) อายุ 29 ปี ซึ่งเข้าพบตำรวจลุมพินีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลทั้ง3คนมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายไอเอสหรือไม่
หลังสอบปากคำเสร็จเรียบร้อย พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้เชื่อได้ว่าชาวต่างชาติทั้ง 3 ราย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบกับทางทูตรัสเซียก็ยืนยันว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตามจากการสอบปากคำพบว่านายอับดุล อาซิซ อรุค เข้ามาประเทศไทยเพื่อประกอบอาชีพร้องเพลง อยู่ในกรุงเทพ ซึ่งตรวจสอบพบว่าอยู่เกินเวลากำหนด (Over stay )เท่านั้น อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว ยืนยันว่ามาตรการที่ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงลงพื้นที่เอ็กซเรย์นั้นได้กระทำทุกตารางนิ้ว และกำชับให้ตำรวจทุกนายโดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาลงมาขับเคลื่อนด้วยตนเอง
พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. เปิดเผยว่า ได้สั่งการไปแล้วให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เน้นพิจารณาตรวจสอบเหตุผลและวัตถุประสงค์ของการอยู่ต่อของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะของประเทศกลุ่มเป้าหมาย โดยดูจากข้อเท็จจริงของนักท่องเที่ยวแต่ละคนว่าต้องการเข้ามาทำอะไรหากเหตุผล หรือวัตถุประสงค์ไม่ชัดเจนก็ต้องดำเนินการผลักดันกลับประเทศ.