รายงานข่าวจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในหมู่สมาชิก สปท. ว่า จะมีการปรับขบวนการทำงาน เนื่องจากใกล้จะครบ 2 เดือน นับตั้งแต่ประกาศชื่อ สปท. เมื่อวันที่ 5 ต.ค.58 โดยในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ คณะกรรมาธิการ 12 คณะ จะนำเสนอแผนการปฏิรูปในด้านที่รับผิดชอบต่อสภาขับเคลื่อนฯ ในการปรับขบวนเรื่องบุคลากร โดยจะให้อดีตประธาน หรือ รองประธาน หรือเลขานุการคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ สมัยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น สปท. ได้เข้ามามีตำแหน่ง เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ 12 คณะๆ ละ1 คน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงต่อยอดการทำงานระหว่างสปท.กับ สปช. เนื่องจากสปช.เก่า กลับเข้ามาเป็นสปท.น้อยมาก และส่วนใหญ่เมื่อตอนเป็นสปช.ก็ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่น ทำให้เกิดปัญหาการขับเคลื่อนการปฏิรูปจนกระทั่งถูกวิจารณ์ว่าจะครบ 2 เดือนแล้วยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน
นอกจากนี้ จะดึงอดีตสปช. อีก 36 คน มาเป็นคณะทำงานให้กับสปท. เพื่อรับผิดชอบในกิจกรรมพบประชาชนตามจังหวัดต่างๆ ร่วมกับแม่น้ำ 4 สาย โดยจะแบ่งเป็น 18 กลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มจะดึง สปช. ที่มีบทบาทในภูมิภาคนั้น 2 คน มาร่วมงาน นอกจากนี้ สปท. จะให้ สปช. เก่าเข้ามาช่วยงานสปท.ในคณะอนุกรรมาธิการประมาณ 36 คณะ รวมทั้งการตั้งอดีต สปช. มาร่วมเป็นกรรมการพิเศษ 4 คณะ ๆ ละ 4 คน โดยผู้ที่ผลักดันเรื่องนี้ คือ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาสปท. คนที่ 1 อดีตเลขานุการวิป สปช.
แหล่งข่าวระบุว่า นายอลงกรณ์ ได้แจ้งข่าวให้อดีต สปช. ทราบว่า จะมีอดีต สปช. เดิมมาช่วยงานสปท.นับร้อยคน พร้อมอ้างว่าร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. ได้เห็นชอบด้วย
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และประธานยกร่างข้อบังคับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2558 กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องนี้ แต่ขอชี้แจงว่า อำนาจการแต่งตั้งที่ปรึกษาประจำกมธ.สามัญ นั้น ตามข้อบังคับสภาขับเคลื่อนฯ ข้อที่ 72 วรรคท้าย ระบุว่า ให้เป็นอำนาจของกมธ.นั้นๆ เพราะเป็นผู้รู้ดีว่าจะแต่งตั้งใครมาทำหน้าที่ต่างๆ ภายในขอบเขตงานของตัวเอง ขณะที่อำนาจของประธาน สปท. อยู่ในข้อบังคับที่ 10 (5) ที่ให้สามารถแต่งตั้งตั้งกรรมการเพื่อดําเนินกิจการใดๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสภาได้
"ดังนั้น หากกระแสข่าวที่ อ้างนายอลงกรณ์ ไปดำเนินการมาจริง โดยประธาน สปท.เห็นชอบแล้ว ก็ถือว่าขัดต่อข้อบังคับการประชุม สปท.อย่างแน่อน แต่หากเป็นการแต่งตั้งในอำนาจของประธาน ผมก็ไม่ขอไปก้าวล่วง" นายเสรี กล่าว
ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวว่า การแต่งตั้งโดยนำอดีตประธาน รองประธาน หรือ เลขานุการสปช. มาเป็นที่ปรึกษา กมธ.สามัญจำนวน 11 ชุด และกมธ.วิสามัญ 1 ชุด รวม 12 ชุดนั้น เป็นความจริง และประธาน สปท. ก็อนุมัติแล้ว รวมทั้งยังมีการแต่งตั้งอดีต สปช. มาช่วยงานทางด้านอื่นๆ อีก ส่วนจะถึงร้อยคนหรือไม่ ยังไม่ทราบ โดยขณะนี้ แต่ละกมธ.ต่างๆ ก็กำลังไปดำเนินการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมา ซึ่งตนยืนยันว่า เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับทุกประการ
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงต่อยอดการทำงานระหว่างสปท.กับ สปช. เนื่องจากสปช.เก่า กลับเข้ามาเป็นสปท.น้อยมาก และส่วนใหญ่เมื่อตอนเป็นสปช.ก็ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่น ทำให้เกิดปัญหาการขับเคลื่อนการปฏิรูปจนกระทั่งถูกวิจารณ์ว่าจะครบ 2 เดือนแล้วยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน
นอกจากนี้ จะดึงอดีตสปช. อีก 36 คน มาเป็นคณะทำงานให้กับสปท. เพื่อรับผิดชอบในกิจกรรมพบประชาชนตามจังหวัดต่างๆ ร่วมกับแม่น้ำ 4 สาย โดยจะแบ่งเป็น 18 กลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มจะดึง สปช. ที่มีบทบาทในภูมิภาคนั้น 2 คน มาร่วมงาน นอกจากนี้ สปท. จะให้ สปช. เก่าเข้ามาช่วยงานสปท.ในคณะอนุกรรมาธิการประมาณ 36 คณะ รวมทั้งการตั้งอดีต สปช. มาร่วมเป็นกรรมการพิเศษ 4 คณะ ๆ ละ 4 คน โดยผู้ที่ผลักดันเรื่องนี้ คือ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาสปท. คนที่ 1 อดีตเลขานุการวิป สปช.
แหล่งข่าวระบุว่า นายอลงกรณ์ ได้แจ้งข่าวให้อดีต สปช. ทราบว่า จะมีอดีต สปช. เดิมมาช่วยงานสปท.นับร้อยคน พร้อมอ้างว่าร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. ได้เห็นชอบด้วย
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และประธานยกร่างข้อบังคับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2558 กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องนี้ แต่ขอชี้แจงว่า อำนาจการแต่งตั้งที่ปรึกษาประจำกมธ.สามัญ นั้น ตามข้อบังคับสภาขับเคลื่อนฯ ข้อที่ 72 วรรคท้าย ระบุว่า ให้เป็นอำนาจของกมธ.นั้นๆ เพราะเป็นผู้รู้ดีว่าจะแต่งตั้งใครมาทำหน้าที่ต่างๆ ภายในขอบเขตงานของตัวเอง ขณะที่อำนาจของประธาน สปท. อยู่ในข้อบังคับที่ 10 (5) ที่ให้สามารถแต่งตั้งตั้งกรรมการเพื่อดําเนินกิจการใดๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสภาได้
"ดังนั้น หากกระแสข่าวที่ อ้างนายอลงกรณ์ ไปดำเนินการมาจริง โดยประธาน สปท.เห็นชอบแล้ว ก็ถือว่าขัดต่อข้อบังคับการประชุม สปท.อย่างแน่อน แต่หากเป็นการแต่งตั้งในอำนาจของประธาน ผมก็ไม่ขอไปก้าวล่วง" นายเสรี กล่าว
ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวว่า การแต่งตั้งโดยนำอดีตประธาน รองประธาน หรือ เลขานุการสปช. มาเป็นที่ปรึกษา กมธ.สามัญจำนวน 11 ชุด และกมธ.วิสามัญ 1 ชุด รวม 12 ชุดนั้น เป็นความจริง และประธาน สปท. ก็อนุมัติแล้ว รวมทั้งยังมีการแต่งตั้งอดีต สปช. มาช่วยงานทางด้านอื่นๆ อีก ส่วนจะถึงร้อยคนหรือไม่ ยังไม่ทราบ โดยขณะนี้ แต่ละกมธ.ต่างๆ ก็กำลังไปดำเนินการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมา ซึ่งตนยืนยันว่า เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับทุกประการ