ผู้จัดการรายวัน 360 – บิ๊ก สคร.ตีปี๊บจีดีพี ชี้ปีหน้าโต 4% แนะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจด้วยการลดพึ่งพาส่งออก เน้นลงทุนในประเทศ เผย PPP Fast Track จะสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปี 59 จะขยายตัว 4% ขณะที่ภาคการส่งออกขยายตัวได้ประมาณ 3-4%
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการปรับโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาการส่งออกลง และหันมาเตรียมพร้อมการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยการลงทุนของภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน
“แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของภาครัฐจะอยู่ที่ 5% ของระบบเศรษฐกิจ แต่หากทำได้อย่างเต็มที่ ก็เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ของระบบเศรษฐกิจ และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่น การลงทุนจึงเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ และยังมีผลในการช่วยเสริมศักยภาพการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว” ผอ.สคร.ระบุ
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เห็นชอบโครงการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ให้เป็น PPP Fast Track จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้กระบวนการลงทุนที่เป็นโครงการขนาดใหญ่รวดเร็วขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ในแผน 5 โครงการ วงเงินกว่า 350,000 กว่าล้านบาท คาดว่าภายในเดือนมีนาคม 2559 จะสามารถสรุปขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อเสนอให้คณะกรรมการ PPP อนุมัติ ก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)
จากนั้นเริ่มร่างสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2559 และคาดว่าภายในปลายปี 2559 จะเริ่มมีเม็ดเงินจากการลงทุนในโครงการดังกล่าวเข้าสู่ระบบ ซึ่งช่วงแรกคาดว่าจะมีเม็ดเงินไม่มากนัก แต่จะมีผลในแง่ของความเชื่อมั่น.
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปี 59 จะขยายตัว 4% ขณะที่ภาคการส่งออกขยายตัวได้ประมาณ 3-4%
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการปรับโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาการส่งออกลง และหันมาเตรียมพร้อมการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยการลงทุนของภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน
“แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของภาครัฐจะอยู่ที่ 5% ของระบบเศรษฐกิจ แต่หากทำได้อย่างเต็มที่ ก็เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ของระบบเศรษฐกิจ และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่น การลงทุนจึงเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ และยังมีผลในการช่วยเสริมศักยภาพการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว” ผอ.สคร.ระบุ
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เห็นชอบโครงการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ให้เป็น PPP Fast Track จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้กระบวนการลงทุนที่เป็นโครงการขนาดใหญ่รวดเร็วขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ในแผน 5 โครงการ วงเงินกว่า 350,000 กว่าล้านบาท คาดว่าภายในเดือนมีนาคม 2559 จะสามารถสรุปขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อเสนอให้คณะกรรมการ PPP อนุมัติ ก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)
จากนั้นเริ่มร่างสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2559 และคาดว่าภายในปลายปี 2559 จะเริ่มมีเม็ดเงินจากการลงทุนในโครงการดังกล่าวเข้าสู่ระบบ ซึ่งช่วงแรกคาดว่าจะมีเม็ดเงินไม่มากนัก แต่จะมีผลในแง่ของความเชื่อมั่น.