วานนี้ (12 พ.ย.) มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ตามข้อกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ จากกรณีสร้างบ้านมูลค่า 16 ล้านบาท ที่ จ.อ่างทอง โดยเป็นขั้นตอนการแถลงปิดคดีด้วยวาจาของนายสมศักดิ์ ผู้ถูกกล่าวหา ขณะที่ตัวแทนป.ป.ช.ในฐานะผู้กล่าวหา ได้ขอแถลงปิดสำนวนด้วยเอกสาร
นายสมศักดิ์ แถลงว่า ญัตติที่ ป.ป.ช.ได้เสนอต่อ สนช.เพื่อพิจารณาถอดถอนตนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เป็นข้อกล่าวหาว่า ร่ำรวยผิดปกติ และการที่ป.ป.ช.ได้แถลงพร้อมเอกสารเป็นสำนวนสรุปคดีชี้มูล หรือ ข้อกล่าวหาว่า ตนร่ำรวยผิดปกติ โดยข้อเท็จจริงที่ป.ป.ช.ได้แสดงมาว่า ตนได้ใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ ให้ได้ทรัพย์สิน คือบ้านที่ 5/5 ซึ่งใน 164 หน้า ไม่มีแม้แต่คำเดียวที่พูดถึงการใช้ตำแหน่งหน้าของตนให้ได้ทรัพย์สินดังกล่าวมา เพราะในสำนวนต้องมีรายละเอียดว่า ตนได้ใช้อำนาจหน้าที่อย่างไร ถึงจะสามารถยื่นถอดถอนตนได้
ทั้งนี้ ตนได้ยอมรับไปแล้วในคดีปกปิดบัญชีทรัพย์สินไปแล้วว่า เป็นการสำคัญผิด ซึ่งศาลฎีกาฯได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นกระบวนการ และตนได้รับโทษไปทั้งหมดแล้ว แต่ป.ป.ช.ได้นำผลของคดีดังกล่าวมาชี้มูลถอดถอนตนในกรณีร่ำรวยผิดปกติอีก และยังพูดจากำกวมให้ สังคม และสนช.เข้าใจผิดว่า ญัตติถอดถอนดังกล่าว เป็นกระบวนการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความหมายของคำว่า ร่ำรวยผิดปกติ หมายถึง ผู้ใดมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อราชการ ให้วุฒิสภาถอดถอนผู้นั้น แต่ ป.ป.ช.กลับได้วินิจฉัยว่า เมื่อครั้งที่ตนเป็น รมว.ศึกษาฯ ได้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่ ทั้งๆ ที่บ้านหลังดังกล่าว มีการก่อสร้างเสร็จก่อนที่ตนจะดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษา ตนก็นำใบเสร็จ 18 งวด ยอดเงิน 1.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าวัตถุต่อเติมเรือนรับรองเพื่อรับชาวบ้านในพื้นที่ แต่ ป.ป.ช.กลับนำหลักฐานดังกล่าวไปเหมารวมว่าเป็นเงินสร้างบ้าน และตีมูลค่าว่า ตนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท
"ในเอกสารชี้มูลของ ป.ป.ช.ไม่มีแม้แต่คำเดียวว่า ผมทุจริตในขณะที่เป็น รมว.ศึกษาฯ ดังนั้น ผมจึงมั่นใจว่า สนช. จะให้ความเป็นธรรมและใช้วิจารณญาณในการลงมติในครั้งนี้" นายสมศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมสนช. จะมีการลงมติถอดถอน หรือไม่ถอดถอน นายสมศักดิ์ ในวันนี้ ( 13 พ.ย.) เวลา 10.00 น.
นายสมศักดิ์ แถลงว่า ญัตติที่ ป.ป.ช.ได้เสนอต่อ สนช.เพื่อพิจารณาถอดถอนตนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เป็นข้อกล่าวหาว่า ร่ำรวยผิดปกติ และการที่ป.ป.ช.ได้แถลงพร้อมเอกสารเป็นสำนวนสรุปคดีชี้มูล หรือ ข้อกล่าวหาว่า ตนร่ำรวยผิดปกติ โดยข้อเท็จจริงที่ป.ป.ช.ได้แสดงมาว่า ตนได้ใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ ให้ได้ทรัพย์สิน คือบ้านที่ 5/5 ซึ่งใน 164 หน้า ไม่มีแม้แต่คำเดียวที่พูดถึงการใช้ตำแหน่งหน้าของตนให้ได้ทรัพย์สินดังกล่าวมา เพราะในสำนวนต้องมีรายละเอียดว่า ตนได้ใช้อำนาจหน้าที่อย่างไร ถึงจะสามารถยื่นถอดถอนตนได้
ทั้งนี้ ตนได้ยอมรับไปแล้วในคดีปกปิดบัญชีทรัพย์สินไปแล้วว่า เป็นการสำคัญผิด ซึ่งศาลฎีกาฯได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นกระบวนการ และตนได้รับโทษไปทั้งหมดแล้ว แต่ป.ป.ช.ได้นำผลของคดีดังกล่าวมาชี้มูลถอดถอนตนในกรณีร่ำรวยผิดปกติอีก และยังพูดจากำกวมให้ สังคม และสนช.เข้าใจผิดว่า ญัตติถอดถอนดังกล่าว เป็นกระบวนการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความหมายของคำว่า ร่ำรวยผิดปกติ หมายถึง ผู้ใดมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อราชการ ให้วุฒิสภาถอดถอนผู้นั้น แต่ ป.ป.ช.กลับได้วินิจฉัยว่า เมื่อครั้งที่ตนเป็น รมว.ศึกษาฯ ได้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่ ทั้งๆ ที่บ้านหลังดังกล่าว มีการก่อสร้างเสร็จก่อนที่ตนจะดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษา ตนก็นำใบเสร็จ 18 งวด ยอดเงิน 1.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าวัตถุต่อเติมเรือนรับรองเพื่อรับชาวบ้านในพื้นที่ แต่ ป.ป.ช.กลับนำหลักฐานดังกล่าวไปเหมารวมว่าเป็นเงินสร้างบ้าน และตีมูลค่าว่า ตนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท
"ในเอกสารชี้มูลของ ป.ป.ช.ไม่มีแม้แต่คำเดียวว่า ผมทุจริตในขณะที่เป็น รมว.ศึกษาฯ ดังนั้น ผมจึงมั่นใจว่า สนช. จะให้ความเป็นธรรมและใช้วิจารณญาณในการลงมติในครั้งนี้" นายสมศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมสนช. จะมีการลงมติถอดถอน หรือไม่ถอดถอน นายสมศักดิ์ ในวันนี้ ( 13 พ.ย.) เวลา 10.00 น.