ตั้งแต่มีเรื่องคดีความ ความผิดต่อมาตรา 112 ที่มีเรื่องฉาวช็อกคนไทยทั้งประเทศ ที่มีข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ตกเป็นผู้ต้องหา ถูกจับกุมดำเนินคดี ดังที่เป็นข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนนำเสนอแบบต้องรัดกุมระมัดระวังไม่อาจตีแผ่ เจาะลึกละเอียดทุกแง่มุมได้เหมือนข่าวอื่นๆ
หลังจากนั้น ก็มีข่าวเกี่ยวกับคดีความผิดต่อมาตรา 112 แผ่ขยายแตกแขนงไปเป็นระยะในหลายมิติหลายกรณี มีการจับกุมผู้กระทำผิดเป็นระลอกๆ ต่อเนื่องกัน ซึ่งมีทั้งอดีตร่างทรงคนดังอย่างหมอหยอง (นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์) ซึ่งก็ด่วนติดเชื้อในกระแสโลหิตหนีไปรับกรรมในขุมนรกแล้ว และผู้ที่ถูกจับกุมดำเนินคดี ก็ต่างทยอยกันดับดิ้นสิ้นชีวา ทั้งผูกคอตายและตายด้วยโรคปัจจุบันทันด่วนขณะอยู่ในที่คุมขัง ซึ่งก็คงทยอยกันไปรับกรรมในขุมนรกทดแทนเช่นเดียวกัน
ที่ผมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเขียน ก็เพราะอยากชี้ให้เห็นถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ กรณีตำรวจผมอาจจะไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรนัก เพราะพฤติกรรมของคนสีกากีที่ไม่ซื่อไม่ตรงปรากฏให้เห็นแทบจะเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว แต่ที่ผมรู้สึกประหลาดใจก็คือพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยดหนึ่งในผู้ต้องหาที่ผูกคอตายในที่คุมขังนั้น เป็นนายตำรวจที่เคยถูกไล่ออกจากราชการแล้วสามารถกลับเข้ารับราชการในยุค คสช.ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและที่ผมรู้สึกช็อกก็คือมีนายทหารระดับพันเอกและพลตรีที่มาพัวพันเกี่ยวข้องกับการบังอาจแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตนอย่างไม่น่าเชื่อ
สื่อมวลชนไม่อาจวิเคราะห์เจาะลึกในเรื่องที่เกิดขึ้น เราเองก็ไม่คิดจะฟื้นฝอยหาตะเข็บให้มากความ เพียงแต่รู้สึกฉงนสนเท่ห์ว่า ความโลภระดับใดหนอ ที่ทำให้นายทหารที่ผ่านการให้คำสัตย์ปฏิญาณ ทั้งต่อองค์พระพุทธเจ้าหลวง พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานะนักเรียนนายร้อย จปร. และทั้งต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะจอมทัพไทย กล้าบังอาจกระทำการลบหลู่หมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างที่มีหลักฐานจนศาลออกหมายจับดำเนินคดีอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งยังมีโยงใยพัวพันทั้งตำรวจและทหารอีกมากมาย
นี่ใช่หรือไม่ว่า คือปัญหาของบ้านเมืองที่ต้องเร่งเยียวยาแก้ไขโดยฉับพลัน ด้วยการปฏิรูประบบราชการทั้งระบบโดยเฉพาะตำรวจ ทหารที่เป็นองค์กรถือกฎหมายบังคับใช้ต่อคนทั่วไป และถืออาวุธโดยอำนาจหน้าที่ ซึ่งหากใช้ไม่ถูกต้องไม่ซื่อตรงก็ย่อมจะเป็นอันตรายทั้งต่อบุคคลทั่วไปและสังคมไทยโดยรวม ใช่หรือไม่ว่าที่ คสช.จำเป็นต้องใช้อำนาจพิเศษเด็ดขาดในการปฏิรูปโดยมิพักต้องรอคณะกรรมการหรือกระบวนการปกติใดๆ ให้ยืดยาด และเหมือนเป็นการหมักหมมสะสมปัญหาให้ทับถมแบบที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำๆ กันเรื่อยมา
ผมไม่เคยตำหนิติเตียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ คสช.เพราะเชื่อว่าท่านและคณะไม่ได้เป็นต้นตอหรือผู้ก่อปัญหาตามที่ท่านชอบพูดจา อ้างอิงด้วยอารมณ์บ่จอยตลอดมา
ผมเพียงแต่อยากเห็นท่านและคณะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาใหญ่ที่เห็นตำตาอยู่โทนโท่ ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดและฉับพลันด้วยอำนาจพิเศษที่ท่านมีและเสียสละอาสาเข้ามาแก้ไขประเทศชาติอย่างที่ท่านอ้างอิงมาตลอดเช่นเดียวกัน และผมไม่อยากเห็นระบบอุปถัมภ์ผิดๆ แบบกรณีการกลับเข้ารับราชการของข้าราชการที่ถูกไล่ออกในยุคที่ คสช.มีหน้าที่ปฏิรูประบบราชการ
บ้านเมืองเรามีปัญหาไม่น้อยที่เห็นแล้วหัวร่อมิได้ร้องไห้ไม่ออก ตัวอย่างเช่น ลอตเตอรี่ที่รัฐเป็นผู้ผลิตเป็นผู้ขายให้ประชาชน แล้วปล่อยให้มีการขายเกินราคาในทุกยุคทุกสมัย โดยไม่เคยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งคณะไหนกล้าแตะต้องแก้ไข ปล่อยให้มันคาราคาซังมา จนคณะ คสช.ต้องเข้ามาจัดการ ซึ่งคนไทยทุกคนก็ชื่นชมท่านและคณะเป็นอย่างยิ่ง มีอีกหลายปัญหา ที่น่าจะแก้ไขได้รวดเร็วโดยไม่ยาก ถ้าเพียงแต่เราจะมองปัญหากันอย่างซื่อตรง ตรงไปตรงมา ยกตัวอย่างเช่น การแก้ไขปัญหาพลังงานที่ภาคประชาชนออกมาตรวจสอบให้ข้อมูลที่จับต้องได้เป็นหลักเป็นฐานมากมาย คนไทยทุกคนก็ต่างจดจ่อ อยากเห็นท่านและคณะแก้ปัญหาแก๊ส น้ำมันราคาแพงผิดปกติแบบเดียวกับที่ท่านและคณะแก้ไขปัญหาการขายลอตเตอรี่เกินราคา
ผมเชื่อว่า ความล้มเหลวของการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้คนไทยทุกคนหันมาฝากความหวังไว้กับท่านและคณะอย่างเป็นที่สุดในขณะนี้
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่หวังอยากเห็นการแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่มีการแอบอิงกับผลประโยชน์ใดๆ ที่มิใช่ผลประโยชน์เพื่อสังคมไทยส่วนรวม
ผมพูดและเขียนมาโดยตลอดว่า ผมอยากเห็นผู้ถือครองอำนาจรัฐทุกคณะมีปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการที่ทรงประกาศในวันขึ้นครองราชย์ว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ปณิธานสั้นๆ ง่ายๆ ที่พระองค์ท่านทรงยึดถือและปฏิบัติมาตลอดที่ทรงครองราชย์ โดยมิเคยผิดเพี้ยนเลย
ผมอยากเห็นผู้ถือครองอำนาจรัฐทุกคนทุกคณะตามรอยพระบาทเยี่ยงนี้ครับ วันนี้ขอปิดท้ายด้วยบทกวี ที่เขียนจากการฟังข่าวทางทีวีในช่วงนี้ทุกวันครับ
“โทษหมิ่นสถาบัน”
ฟังข่าวคดีหมิ่นสถาบัน
ข่าวล่ารายวันกระชั้นถี่
ที่ทำผิดคิดชั่วพัวพันคดี
ล้วนเป็นคนมีสี มีชั้นยศ
แอบอ้างเบื้องสูงแสวงประโยชน์
บาปบุญคุณโทษลืมทิ้งหมด
ใช้ตำแหน่งสมคบกันคิดคด
ปลอมแปลงโป้ปดปั้นโองการ
หลวงบำรุงชุบเลี้ยงไม่เพียงพอ
เนรคุณฉลฉ้ออย่างดิบด้าน
นับวันยิ่งขุดค้นเหลือทนทาน
เห็นตำรวจเห็นทหารถูกหิ้วมา
หมดรูปหมดสภาพหมดศักดิ์ศรี
หมดตำแหน่งหน้าที่และหมดท่า
ทยอยกันดับดิ้นสิ้นชีวา
โทษประหารก่อนอาญาจะลงทัณฑ์
อุทธาหรณ์สอนสั่ง ให้สังวรณ์
ยศศักดิ์จักสั่นคลอนทุกยศชั้น
ข้าราชการ ที่คิดคดสถาบัน
ย่อมมีอันเป็นไป...ไม่พ้นกรรม
ว.แหวนลงยา