ASTVผู้จัดการรายวัน - เอ.พี. ฮอนด้า เจ้าพ่อรถจักรยานยนต์เมืองไทย เผยตลาดรวม10 เดือน ทำได้ 1.42 ล้านคัน ตก3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คาดถึงสิ้นปีปิดยอด 1.65-1.66 ล้านคัน ขณะที่กลุ่มบิ๊กไบค์ยังบูม ยอดขายโต20% สุดมั่นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หวังเห็นผลบวกต้นปีหน้า
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้ง ภัยแล้ง เหตุระเบิด ที่มีผลกระทบกับการท่องเที่ยว บวกกับหนี้ภาคครัวเรือนสูง ดังนั้นยอดขาย 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2558) จึงทำได้ 1.42 ล้านคัน ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในจำนวนนี้เป็นของฮอนด้า 1.1 ล้านคัน
ทั้งนี้บริษัทเคยคาดการณ์ตั้งแต่ต้นปีว่าตลาดรวมปีนี้น่าจะปิดที่ 1.75 ล้านคัน แต่ล่าสุดได้ปรับลดเป้าลงมาเหลือ 1.65-1.66 ล้านคัน (ตลาดรวมปี 2557 ทำได้ 1.7 ล้านคัน) และในจำนวนนี้เป็นยอดขายของฮอนด้า 1.32 ล้านคัน
“ตลาดรวมตกแค่ 3-4% ถือว่าดีมากแล้ว เพราะตอนแรกเมื่อพิจารณาจากปัจจัยลบหลายอย่างคาดว่าน่าจะตกถึง 10% ที่สำคัญจากมาตรการของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล นำโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เริ่มคลอดออกมา คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ 5-10% โดยจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป”
ในส่วนของรถบิ๊กไบค์ ที่บริษัทนิยามว่าต้องเป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 400 ซีซีขึ้นไป ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะปิดตัวเลขไม่ต่ำกว่า 1.9 หมื่นคัน เติบโต 18-20% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ทำได้ 1.6 หมื่นคัน ในจำนวนนี้ฮอนด้านครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 35%
“ตลาดบิ๊กไบค์มีคู่แข่งเยอะมาก ทั้งจากญี่ปุ่นและฝั่งยุโรป ยิ่งช่วงหลังมีการผลิตในประเทศมากขึ้น ราคาก็สามารถซื้อหาได้ง่าย ลูกค้าจึงมีทางเลือกมากซึ่งถือเป็นเรื่องดี ขณะเดียวกันยังส่งผลให้สัดส่วนการขายของรถในกลุ่มสปอร์ตเติบโตหรือครองส่วนแบ่งในตลาดได้ถึง 14% จากเมื่อก่อนมีเพียง 2-3% เท่านั้น”
โดยหลักๆของรถจักรยานยนต์เมืองไทยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.รถครอบครัวที่ครองสัดส่วนในตลาดรวมประมาณ 50% และ 2.รถแบบเอ.ที. ประมาณ 36% ซึ่งในกลุ่มนี้มีสัดส่วนลดลง เพราะส่วนหนึ่งลูกค้าหันไปเล่นรถสปอร์ต และรถบิ๊กไบค์ ที่มีทางเลือกมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีหลัง จนเพิ่มสัดส่วนในตลาดได้ถึง 14%
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้ง ภัยแล้ง เหตุระเบิด ที่มีผลกระทบกับการท่องเที่ยว บวกกับหนี้ภาคครัวเรือนสูง ดังนั้นยอดขาย 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2558) จึงทำได้ 1.42 ล้านคัน ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในจำนวนนี้เป็นของฮอนด้า 1.1 ล้านคัน
ทั้งนี้บริษัทเคยคาดการณ์ตั้งแต่ต้นปีว่าตลาดรวมปีนี้น่าจะปิดที่ 1.75 ล้านคัน แต่ล่าสุดได้ปรับลดเป้าลงมาเหลือ 1.65-1.66 ล้านคัน (ตลาดรวมปี 2557 ทำได้ 1.7 ล้านคัน) และในจำนวนนี้เป็นยอดขายของฮอนด้า 1.32 ล้านคัน
“ตลาดรวมตกแค่ 3-4% ถือว่าดีมากแล้ว เพราะตอนแรกเมื่อพิจารณาจากปัจจัยลบหลายอย่างคาดว่าน่าจะตกถึง 10% ที่สำคัญจากมาตรการของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล นำโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เริ่มคลอดออกมา คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ 5-10% โดยจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป”
ในส่วนของรถบิ๊กไบค์ ที่บริษัทนิยามว่าต้องเป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 400 ซีซีขึ้นไป ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะปิดตัวเลขไม่ต่ำกว่า 1.9 หมื่นคัน เติบโต 18-20% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ทำได้ 1.6 หมื่นคัน ในจำนวนนี้ฮอนด้านครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 35%
“ตลาดบิ๊กไบค์มีคู่แข่งเยอะมาก ทั้งจากญี่ปุ่นและฝั่งยุโรป ยิ่งช่วงหลังมีการผลิตในประเทศมากขึ้น ราคาก็สามารถซื้อหาได้ง่าย ลูกค้าจึงมีทางเลือกมากซึ่งถือเป็นเรื่องดี ขณะเดียวกันยังส่งผลให้สัดส่วนการขายของรถในกลุ่มสปอร์ตเติบโตหรือครองส่วนแบ่งในตลาดได้ถึง 14% จากเมื่อก่อนมีเพียง 2-3% เท่านั้น”
โดยหลักๆของรถจักรยานยนต์เมืองไทยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.รถครอบครัวที่ครองสัดส่วนในตลาดรวมประมาณ 50% และ 2.รถแบบเอ.ที. ประมาณ 36% ซึ่งในกลุ่มนี้มีสัดส่วนลดลง เพราะส่วนหนึ่งลูกค้าหันไปเล่นรถสปอร์ต และรถบิ๊กไบค์ ที่มีทางเลือกมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีหลัง จนเพิ่มสัดส่วนในตลาดได้ถึง 14%
