เราคงต้องยอมรับนะครับว่า อานุภาพของ สสส.นั้นไม่ธรรมดา ผมจึงเริ่มเห็นสื่อมาดีเฟนด์แทน สสส.กันใหญ่
โดยเฉพาะที่ สสส.เอาเงินไปจัดงานสวดมนต์ข้ามปี 33 ล้าน ก็ออกมาเถียงแทนว่า สิ่งที่ สสส.ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครเถียง แต่ถามว่ามันเป็นหน้าที่ของ สสส.หรือเปล่า ก็อาจจะมีคนมาเถียงแทนอีกว่าหน้าที่ของใครก็ช่างถ้าทำสิ่งที่ดีก็ช่วยกันทำก็ดีแล้ว ถ้าพูดอย่างนี้ทุกองค์กรก็ไม่ต้องมีภารกิจกันหรอกครับ จะตั้งหน่วยงานของรัฐแยกแยะภารกิจกันทำไมล่ะ ไม่ต้องให้ตำรวจจับโจรอย่างเดียวให้ทุกหน่วยงานช่วยกันจับโจรได้ ฟังดูเหมือนดีนะครับ แต่คิดดูว่าจะยุ่งแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงต้องแยกภารกิจกันทำไงครับ
จะสวดมนต์ข้ามปีถ้าดีกระทรวงวัฒนธรรมกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ทำไปสิครับ โอเคว่างบที่ใช้ก็งบหลวงเหมือนกัน แต่ว่ามันใช้ให้ตรงกับหน่วยงานตรงกับภารกิจ ถ้ามั่วกันได้สมมติกรมป่าไม้ก็บอกว่า เอ้ยงบประมาณส่วนหนึ่งเอาไปเฝ้าระวังพ่อค้ายาเสพติดที่เดินผ่านป่า เราคิดง่ายๆ ก็ว่าดีนี่กรมป่าไม้ทำดี ทำไมต้องมาจับผิดกรมป่าไม้ว่าใช้งบไม่ถูกประเภท แล้วก็ตะโกนด่าคนจับผิดว่า รับเงินของพ่อค้ายาเสพติดมา แต่มันถูกต้องไหมล่ะครับ จะยุ่งไหมงบประมาณและภารกิจจะทับซ้อนกันไหม
เหมือนวาทกรรมตอนนี้ที่บอกว่าใครตรวจสอบ สสส.เพราะรับเงินบริษัทเหล้าบุหรี่มา ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว การมี สสส.ไม่ได้ส่งผลสะเทือนต่อบริษัทเหล้าและบุหรี่เลย ไปดูสถิติการบริโภคเหล้าบุหรี่ได้เลย และการมีหรือไม่มี สสส.บริษัทเหล้าและบุหรี่ก็ต้องเสียภาษีเข้ารัฐอยู่ดี รัฐจะกำหนดให้สูงเท่าไหร่ก็ได้
ย้ำนะครับว่า การมีองค์กรแบบ สสส.เพื่อรณรงค์ต่อต้านเหล้าและบุหรี่เป็นสิ่งที่ดี เห็นด้วยที่เก็บเงินบริษัทเหล้าบุหรี่เพิ่มจากภาษีร้อยละ 2 เอาเงินมาให้ สสส.ใช้เก็บเพิ่มไปเป็นร้อยละ 10 ผมก็ยกธงเชียร์
ไม่ต้องไปอ้างฝรั่งมาหรอกครับว่าเขาชมกันว่าพันธกิจของ สสส.ดี แต่ไม่ได้หมายความว่า เงินที่ได้มาแล้ว สสส.จะใช้เงินอย่างไรก็ได้แม้จะห่างไกลกับพันธกิจและพยายามอธิบายโยงอ้อมเป็นเขาวงกต เหมือนที่เอาไปให้สำนักข่าวอิศรา 100 ล้าน แล้วอิศราอ้างว่า เพราะตัวเองทำข่าวคุณภาพทำให้คนอ่านมีสุขภาพจิตดีจึงเข้ากับพันธกิจ สสส.ฟังแล้วมันตลกปนขมขื่นนะครับ
แล้วไปดูสิครับว่า สสส.ให้เงินใครไปบ้างวนเวียนอยู่แค่คนกี่กลุ่ม คนบางคนนั่งเป็นกรรมการไขว้อยู่ใน สสส.กลุ่มตระกูล ส. หรือออกไปตั้งมูลนิธิแล้วก็ทำโครงการมาขอเงิน สสส.พูดกันจริงๆ พฤติกรรมแบบนี้แม้มูลนิธิหรือองค์กรเหล่านั้นเอาเงินไปใช้ตรงกับพันธกิจของ สสส.ก็ยังถือว่าขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) นี่คือสิ่งที่เขาบอกว่ามันไม่ถูกต้องแต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกองค์กรที่รับเงิน สสส.แล้วไม่ดีหมด ไม่ใช่ภารกิจของ สสส.ที่ทำมาไม่ดีหมด
ตอนนี้ฝ่าย สสส.ก็ออกมาโวยว่า มีคนรับงานมาจะล้มล้าง สสส.ถ้าเลิก สสส.เมื่อไหร่บริษัทเหล้าและบุหรี่จะได้กำไรทันที 4,000 ล้าน คงหมายถึงว่า ถ้าไม่มี สสส.แล้วบริษัทเหล้าและบุหรี่จะไม่ต้องเสีย 2% นั่นแหละ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมยังไม่ได้ยินใครบอกว่า จะยุบหรือให้เลิก สสส.เลย เขาพูดกันเรื่องการใช้เงินผิดประเภททับซ้อนกันแห่งผลประโยชน์เท่านั้น เขาพูดกันเรื่องชงเองกินเองกันในหมู่คนที่เกี่ยวพันกันอยู่ใน สสส.ไม่มีใครพูดว่าให้หยุดเก็บ 2% บริษัทเหล้าบุหรี่เลย
ถามว่า ถ้านักการเมืองทำแบบ สสส.บ้าง เป็นรัฐมนตรีแล้วชงเงินไปให้มูลนิธิที่เกี่ยวข้องหรือแค่คนนามสกุลเดียวกันเป็นกรรมการอยู่มารับงานกระทรวงที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรีป่านนี้ถูกถล่มแหลกแล้ว แค่เอาคนนามสกุลตัวเองมาเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาก็ยังถือว่าผลประโยชน์ทับซ้อนด่ากันขรม สำนักข่าวอิศรานี่แหละขุดคุ้ยเอาตายแล้ว แค่เป็นบริษัทเอกชนมาประมูลงานรัฐก็ยังตามไปดูว่าบ้านกรรมการอยู่ไหนมีฐานะอย่างไร และกรณีของ สสส.มันอะไรเหรอเป็นคนดีวิเศษกว่าคนอื่นหรืออย่างไร
ลองไปดูรายชื่อที่ Thaipublica เอามาเปิดเผยว่า มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ สสส.และผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อกลั่นกรองทางวิชาการของ สสส.จัดตั้งมูลนิธิหลายแห่งและได้เงินอุดหนุนโครงการจากกองทุน สสส.โยงกันเป็นใยแมงมุม และเขาบอกด้วยว่า บางโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุนมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติโครงการ ผู้ประสานงานโครงการ และเจ้าหน้าที่กองทุน สสส.ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศกับผู้ได้รับทุนตามโครงการ
ส่วนองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะหรือการรณรงค์ต่อต้านเหล้าและบุหรี่เลย แต่เอาเงินจาก สสส.ไปใช้ อย่างเช่น สำนักข่าวอิศราที่อ้างว่า ตัวเองทำข่าวดีทำให้คนอ่านมีสุขภาพจิตดีนั้น ก็ไม่ต่างกับศรีธนญชัยตรงไหน ล่าสุดมีการอ้างว่า นำเงินไปอบรมนักข่าวทำให้มีการพัฒนาคุณภาพนักข่าวนั้น ฟังเหมือนดีครับเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก็ควรจะไปเอาเงินที่อื่นไม่ใช่มาเอาเงินจาก สสส.ที่รัฐตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านเหล้าและบุหรี่และด้านสุขภาวะ
เงินนั้นจ่ายกันง่ายๆ เว็บไทยพับลิก้ายังบอกด้วยว่าไม่มีการรายงาน และติดตามผลการดำเนินงานโครงการที่อุดหนุน ทำให้มีโครงการที่ครบกำหนดตามระยะเวลาการดำเนินงานแล้ว ตั้งแต่ปี 2550 -2557 แต่ยังไม่สามารถปิดโครงการได้ 1,194 โครงการ
อีกสิ่งที่อ้างกัน สสส.ทำดีอย่างโน้นอย่างนี้ ฝ่ายที่รับเงิน สสส.ไปมีกิจกรรมที่ดีเพื่อสังคมอย่างโน้นอย่างนี้ เหมือนกับว่า ถ้าเราทำสิ่งที่ดีแล้ว สามารถลบล้างสิ่งที่ทำไม่ดีได้ หรือถ้าเราทำดีแล้วก็ไม่ควรเอาสิ่งที่ไม่ดีมาพูดถึงให้ลบล้างกันไป คล้ายกับว่า พอมีใครมาจับได้ว่าเงินที่ได้มานั้นไม่ถูกต้อง ก็อ้างว่า ทำไมคุณไม่ดูว่าฉันเอาเงินไปซื้ออาหารตักบาตรถวายพระทุกเช้า ให้อาหารสุนัขจรจัดทุกวัน
ผมเห็นด้วยนะครับว่าต้องนิยามการใช้เงินของ สสส.ใหม่ให้ชัด ความจริงมันก็ชัดอยู่แล้วนั่นแหละแต่ถูกตะแบง ดังนั้นเอาเถอะนิยามใหม่จะได้ไม่ต้องตีความแบบศรีธนญชัยกันอีก เพราะไม่นั้นเอาเงินไปทำอะไรก็วกเข้ามาเรื่องสุขภาพได้หมดแหละครับ
ยกตัวอย่างเช่น เอาเงินไปให้ขสมก.เพื่อแจกคนขับรถ แล้วบอกว่า เมื่อคนขับรถมีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะมีสุขภาพจิตดีช่วยลดอุบัติเหตุ การขับรถดีก็ช่วยให้ผู้โดยสารปลอดภัย มีอายุยืนไม่ตายก่อนวัย ฟังดูแล้วมันก็เข้ากับพันธกิจของ สสส.นะ แต่จริงๆ แล้วมันใช่เหรอครับ ยกตัวอย่างมาอีกสิเดี๋ยวก็วกไปผูกกับเรื่องสุขภาพได้หมดแหละ ถึงบอกว่า มันเป็นพวกศรีธนญชัยไงครับ
ถ้าเชื่อมั่นว่าตัวเป็นคนดีเป็นพวกคนดีจริงต้องยอมรับการตรวจสอบครับ คนดีต้องหยุดป้ายสีด้วยว่า คนที่ตรวจสอบเขารับงานมา ยกเว้นว่ามีหลักฐานก็เอาออกมา คนดีก็ควรจะสำรวจตัวตนได้ว่า เงินที่ได้แบบลอยมาแล้วเอามาใช้แบบง่ายๆ เกี่ยวพันกับคนให้และคนรับนั้นมันถูกต้องไหม คนดีควรสำนึกว่า เงินภาษีบาปจากบริษัทเหล้าและบุหรี่ก็จริง แต่มันก็คือเงินของแผ่นดิน
ไม่มีใครเขาเรียกร้องให้เลิก สสส.หรือล้มล้าง สสส.แต่เขาเรียกร้องให้ สสส.มีความโปร่งใสในการใช้เงินของแผ่นดินตรงนี้ต่างหากครับ
โดยเฉพาะที่ สสส.เอาเงินไปจัดงานสวดมนต์ข้ามปี 33 ล้าน ก็ออกมาเถียงแทนว่า สิ่งที่ สสส.ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครเถียง แต่ถามว่ามันเป็นหน้าที่ของ สสส.หรือเปล่า ก็อาจจะมีคนมาเถียงแทนอีกว่าหน้าที่ของใครก็ช่างถ้าทำสิ่งที่ดีก็ช่วยกันทำก็ดีแล้ว ถ้าพูดอย่างนี้ทุกองค์กรก็ไม่ต้องมีภารกิจกันหรอกครับ จะตั้งหน่วยงานของรัฐแยกแยะภารกิจกันทำไมล่ะ ไม่ต้องให้ตำรวจจับโจรอย่างเดียวให้ทุกหน่วยงานช่วยกันจับโจรได้ ฟังดูเหมือนดีนะครับ แต่คิดดูว่าจะยุ่งแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงต้องแยกภารกิจกันทำไงครับ
จะสวดมนต์ข้ามปีถ้าดีกระทรวงวัฒนธรรมกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ทำไปสิครับ โอเคว่างบที่ใช้ก็งบหลวงเหมือนกัน แต่ว่ามันใช้ให้ตรงกับหน่วยงานตรงกับภารกิจ ถ้ามั่วกันได้สมมติกรมป่าไม้ก็บอกว่า เอ้ยงบประมาณส่วนหนึ่งเอาไปเฝ้าระวังพ่อค้ายาเสพติดที่เดินผ่านป่า เราคิดง่ายๆ ก็ว่าดีนี่กรมป่าไม้ทำดี ทำไมต้องมาจับผิดกรมป่าไม้ว่าใช้งบไม่ถูกประเภท แล้วก็ตะโกนด่าคนจับผิดว่า รับเงินของพ่อค้ายาเสพติดมา แต่มันถูกต้องไหมล่ะครับ จะยุ่งไหมงบประมาณและภารกิจจะทับซ้อนกันไหม
เหมือนวาทกรรมตอนนี้ที่บอกว่าใครตรวจสอบ สสส.เพราะรับเงินบริษัทเหล้าบุหรี่มา ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว การมี สสส.ไม่ได้ส่งผลสะเทือนต่อบริษัทเหล้าและบุหรี่เลย ไปดูสถิติการบริโภคเหล้าบุหรี่ได้เลย และการมีหรือไม่มี สสส.บริษัทเหล้าและบุหรี่ก็ต้องเสียภาษีเข้ารัฐอยู่ดี รัฐจะกำหนดให้สูงเท่าไหร่ก็ได้
ย้ำนะครับว่า การมีองค์กรแบบ สสส.เพื่อรณรงค์ต่อต้านเหล้าและบุหรี่เป็นสิ่งที่ดี เห็นด้วยที่เก็บเงินบริษัทเหล้าบุหรี่เพิ่มจากภาษีร้อยละ 2 เอาเงินมาให้ สสส.ใช้เก็บเพิ่มไปเป็นร้อยละ 10 ผมก็ยกธงเชียร์
ไม่ต้องไปอ้างฝรั่งมาหรอกครับว่าเขาชมกันว่าพันธกิจของ สสส.ดี แต่ไม่ได้หมายความว่า เงินที่ได้มาแล้ว สสส.จะใช้เงินอย่างไรก็ได้แม้จะห่างไกลกับพันธกิจและพยายามอธิบายโยงอ้อมเป็นเขาวงกต เหมือนที่เอาไปให้สำนักข่าวอิศรา 100 ล้าน แล้วอิศราอ้างว่า เพราะตัวเองทำข่าวคุณภาพทำให้คนอ่านมีสุขภาพจิตดีจึงเข้ากับพันธกิจ สสส.ฟังแล้วมันตลกปนขมขื่นนะครับ
แล้วไปดูสิครับว่า สสส.ให้เงินใครไปบ้างวนเวียนอยู่แค่คนกี่กลุ่ม คนบางคนนั่งเป็นกรรมการไขว้อยู่ใน สสส.กลุ่มตระกูล ส. หรือออกไปตั้งมูลนิธิแล้วก็ทำโครงการมาขอเงิน สสส.พูดกันจริงๆ พฤติกรรมแบบนี้แม้มูลนิธิหรือองค์กรเหล่านั้นเอาเงินไปใช้ตรงกับพันธกิจของ สสส.ก็ยังถือว่าขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) นี่คือสิ่งที่เขาบอกว่ามันไม่ถูกต้องแต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกองค์กรที่รับเงิน สสส.แล้วไม่ดีหมด ไม่ใช่ภารกิจของ สสส.ที่ทำมาไม่ดีหมด
ตอนนี้ฝ่าย สสส.ก็ออกมาโวยว่า มีคนรับงานมาจะล้มล้าง สสส.ถ้าเลิก สสส.เมื่อไหร่บริษัทเหล้าและบุหรี่จะได้กำไรทันที 4,000 ล้าน คงหมายถึงว่า ถ้าไม่มี สสส.แล้วบริษัทเหล้าและบุหรี่จะไม่ต้องเสีย 2% นั่นแหละ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมยังไม่ได้ยินใครบอกว่า จะยุบหรือให้เลิก สสส.เลย เขาพูดกันเรื่องการใช้เงินผิดประเภททับซ้อนกันแห่งผลประโยชน์เท่านั้น เขาพูดกันเรื่องชงเองกินเองกันในหมู่คนที่เกี่ยวพันกันอยู่ใน สสส.ไม่มีใครพูดว่าให้หยุดเก็บ 2% บริษัทเหล้าบุหรี่เลย
ถามว่า ถ้านักการเมืองทำแบบ สสส.บ้าง เป็นรัฐมนตรีแล้วชงเงินไปให้มูลนิธิที่เกี่ยวข้องหรือแค่คนนามสกุลเดียวกันเป็นกรรมการอยู่มารับงานกระทรวงที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรีป่านนี้ถูกถล่มแหลกแล้ว แค่เอาคนนามสกุลตัวเองมาเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาก็ยังถือว่าผลประโยชน์ทับซ้อนด่ากันขรม สำนักข่าวอิศรานี่แหละขุดคุ้ยเอาตายแล้ว แค่เป็นบริษัทเอกชนมาประมูลงานรัฐก็ยังตามไปดูว่าบ้านกรรมการอยู่ไหนมีฐานะอย่างไร และกรณีของ สสส.มันอะไรเหรอเป็นคนดีวิเศษกว่าคนอื่นหรืออย่างไร
ลองไปดูรายชื่อที่ Thaipublica เอามาเปิดเผยว่า มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ สสส.และผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อกลั่นกรองทางวิชาการของ สสส.จัดตั้งมูลนิธิหลายแห่งและได้เงินอุดหนุนโครงการจากกองทุน สสส.โยงกันเป็นใยแมงมุม และเขาบอกด้วยว่า บางโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุนมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติโครงการ ผู้ประสานงานโครงการ และเจ้าหน้าที่กองทุน สสส.ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศกับผู้ได้รับทุนตามโครงการ
ส่วนองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะหรือการรณรงค์ต่อต้านเหล้าและบุหรี่เลย แต่เอาเงินจาก สสส.ไปใช้ อย่างเช่น สำนักข่าวอิศราที่อ้างว่า ตัวเองทำข่าวดีทำให้คนอ่านมีสุขภาพจิตดีนั้น ก็ไม่ต่างกับศรีธนญชัยตรงไหน ล่าสุดมีการอ้างว่า นำเงินไปอบรมนักข่าวทำให้มีการพัฒนาคุณภาพนักข่าวนั้น ฟังเหมือนดีครับเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก็ควรจะไปเอาเงินที่อื่นไม่ใช่มาเอาเงินจาก สสส.ที่รัฐตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านเหล้าและบุหรี่และด้านสุขภาวะ
เงินนั้นจ่ายกันง่ายๆ เว็บไทยพับลิก้ายังบอกด้วยว่าไม่มีการรายงาน และติดตามผลการดำเนินงานโครงการที่อุดหนุน ทำให้มีโครงการที่ครบกำหนดตามระยะเวลาการดำเนินงานแล้ว ตั้งแต่ปี 2550 -2557 แต่ยังไม่สามารถปิดโครงการได้ 1,194 โครงการ
อีกสิ่งที่อ้างกัน สสส.ทำดีอย่างโน้นอย่างนี้ ฝ่ายที่รับเงิน สสส.ไปมีกิจกรรมที่ดีเพื่อสังคมอย่างโน้นอย่างนี้ เหมือนกับว่า ถ้าเราทำสิ่งที่ดีแล้ว สามารถลบล้างสิ่งที่ทำไม่ดีได้ หรือถ้าเราทำดีแล้วก็ไม่ควรเอาสิ่งที่ไม่ดีมาพูดถึงให้ลบล้างกันไป คล้ายกับว่า พอมีใครมาจับได้ว่าเงินที่ได้มานั้นไม่ถูกต้อง ก็อ้างว่า ทำไมคุณไม่ดูว่าฉันเอาเงินไปซื้ออาหารตักบาตรถวายพระทุกเช้า ให้อาหารสุนัขจรจัดทุกวัน
ผมเห็นด้วยนะครับว่าต้องนิยามการใช้เงินของ สสส.ใหม่ให้ชัด ความจริงมันก็ชัดอยู่แล้วนั่นแหละแต่ถูกตะแบง ดังนั้นเอาเถอะนิยามใหม่จะได้ไม่ต้องตีความแบบศรีธนญชัยกันอีก เพราะไม่นั้นเอาเงินไปทำอะไรก็วกเข้ามาเรื่องสุขภาพได้หมดแหละครับ
ยกตัวอย่างเช่น เอาเงินไปให้ขสมก.เพื่อแจกคนขับรถ แล้วบอกว่า เมื่อคนขับรถมีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะมีสุขภาพจิตดีช่วยลดอุบัติเหตุ การขับรถดีก็ช่วยให้ผู้โดยสารปลอดภัย มีอายุยืนไม่ตายก่อนวัย ฟังดูแล้วมันก็เข้ากับพันธกิจของ สสส.นะ แต่จริงๆ แล้วมันใช่เหรอครับ ยกตัวอย่างมาอีกสิเดี๋ยวก็วกไปผูกกับเรื่องสุขภาพได้หมดแหละ ถึงบอกว่า มันเป็นพวกศรีธนญชัยไงครับ
ถ้าเชื่อมั่นว่าตัวเป็นคนดีเป็นพวกคนดีจริงต้องยอมรับการตรวจสอบครับ คนดีต้องหยุดป้ายสีด้วยว่า คนที่ตรวจสอบเขารับงานมา ยกเว้นว่ามีหลักฐานก็เอาออกมา คนดีก็ควรจะสำรวจตัวตนได้ว่า เงินที่ได้แบบลอยมาแล้วเอามาใช้แบบง่ายๆ เกี่ยวพันกับคนให้และคนรับนั้นมันถูกต้องไหม คนดีควรสำนึกว่า เงินภาษีบาปจากบริษัทเหล้าและบุหรี่ก็จริง แต่มันก็คือเงินของแผ่นดิน
ไม่มีใครเขาเรียกร้องให้เลิก สสส.หรือล้มล้าง สสส.แต่เขาเรียกร้องให้ สสส.มีความโปร่งใสในการใช้เงินของแผ่นดินตรงนี้ต่างหากครับ