ASTVผู้จัดการรายวัน - ปิดคดีสังหารโหดนักเรียนหญิงชั้นม.6 โรงเรียนดังเมืองระนองแล้ว หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวได้ 4 แรงงานพม่า ผู้ต้องหาอ้าง ถูกสาวด่า เลยโกรธเดินตามเส้นทางลัดไปดักหน้าก่อนลงมือฆ่าโหดเหี้ยม
จากกรณีมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธมีดแทง นางสาวอรวี สำเภาทอง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสตรีระนอง จำนวน 17 แผล เสียชีวิต ขณะกำลังเดินเข้าไปในซอยเพื่อไปบ้านเพื่อน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยวานนี้(27 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พิสิทธิ์ พิสุทธิศักดิ์ ผบช.น.ตร.พร้อม พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ. 8 พล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ.จว.ระนอง ร่วมกันแถลงข่าว หลังเจ้าหน้าที่ตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้สำเร็จท่ามกลางความพยายามอย่างเต็มที่
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องดำเนินการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนจนทราบ ว่า ก่อนเกิดเหตุพบผู้ตายเดินมาหน้าสำนักสงฆ์แต่พบกับกลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมาร์ทั้ง 4 คนนั่งมั่วสุมดมกาวกันอยู่บริเวณม้าหิน จากนั้นได้มีการพูดจาแซวกันจนมีการด่ากันด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นชาวพม่าทั้ง 4 คนได้เดินตามมาทางเส้นทางลัดออกประตูด้านข้างเพื่อมาดักหน้าและร่วมกันรุมทำร้ายน้องแอปเปิ้ลผู้ตายจนถึงแก่ชีวิตบริเวณที่เกิดเหตุ
โดยหลังก่อเหตุใช้ไม้ไผ่ตีและใช้มีดกระหน่ำแทงซ้ำหลายครั้งจนผู้ตายล้มลงเสียชีวิต ซึ่งแพทย์เวร โรงพยาบาลระนอง นับได้ 17 แผล หลังจากนั้นก็นำมีดไปทิ้งและแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุรัศมี 1 กิโลเมตร และติดตามหาข่าวจนสืบทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นใครและสามารถติดตามตัวผู้ต้องหา จำนวน 4 คน
ประกอบด้วย 1.นายโมซินอ้าว (สัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 19 ปี ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่รับสารภาพว่าเป็นคนแทงผู้ตายไปชี้จุดที่ทิ้งมีด 2.นายจอโซวิน(สัญชาติสัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 18 ปี และ 3.นายเม้าเซ้นหรือเชกะเดา (สัญชาติสัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 20 ปี ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคนชื่อ นาย ซอเล่ (สัญชาติสัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาเจตนาร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามหลังจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวมาสอบสวน และตรวจสอบร่างกาย พบที่บริเวณใบหน้าคนร้ายมีรอยข่วน จึงทำการซักประวัติและเก็บดีเอ็นเอ ผลปรากฏว่าผลตรวจดีเอ็นเอตรงกับดีเอ็นเอที่พบที่ปลายเล็บของน้องแอปเปิ้ล ผู้ตาย จากนั้นทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองระนอง ได้ไปหาอาวุธมีดที่นำไปทิ้งในลำคลองจนพบ และเข้าค้นบ้านพักพบพยานหลักฐานผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือด เสื้อผ้ากลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้งหมดรวม 26 รายการ ซึ่งทางหน่วยพิสูจน์หลักฐานจังหวัดระนองได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังกองพิสูจน์หลักฐานกลาง กองนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยขอทราบผลอย่างเร่งด่วน
ขณะที่ฝ่ายพนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองระนอง ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ อีกครั้ง และผู้ต้องหาทั้ง 4 คนให้การรับสารภาพ ว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นได้ชวนกันมานั่งดมกาวกันอยู่บริเวณด้านหน้าสำนักสงฆ์ เห็นผู้ตายเดินมาคนเดียว พวกตนจึงแซว แล้วถูกด่าสวนกลับด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงโกรธแค้น และเดินตามเส้นทางลัดไปดักหน้าก่อนลงมือทำร้ายชกต่อยใช้ไม้ไผ่ตีที่ขาจนล้มลงและกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต หลังจากก่อเหตุแล้ว ต่างแยกย้ายกันหลบหนีกบดาน ก่อนกลับไปทำงานบนเรือประมงกลางทะเลเมื่อวันที่ 30 ก.ย.จนกระทั่งถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้
อย่างไรก็ตามก่อนจะแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังจุดต่างๆ โดยแต่ละจุดมีประชาชนในพื้นที่มามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก
จากกรณีมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธมีดแทง นางสาวอรวี สำเภาทอง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสตรีระนอง จำนวน 17 แผล เสียชีวิต ขณะกำลังเดินเข้าไปในซอยเพื่อไปบ้านเพื่อน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยวานนี้(27 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พิสิทธิ์ พิสุทธิศักดิ์ ผบช.น.ตร.พร้อม พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ. 8 พล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ.จว.ระนอง ร่วมกันแถลงข่าว หลังเจ้าหน้าที่ตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้สำเร็จท่ามกลางความพยายามอย่างเต็มที่
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องดำเนินการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนจนทราบ ว่า ก่อนเกิดเหตุพบผู้ตายเดินมาหน้าสำนักสงฆ์แต่พบกับกลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมาร์ทั้ง 4 คนนั่งมั่วสุมดมกาวกันอยู่บริเวณม้าหิน จากนั้นได้มีการพูดจาแซวกันจนมีการด่ากันด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นชาวพม่าทั้ง 4 คนได้เดินตามมาทางเส้นทางลัดออกประตูด้านข้างเพื่อมาดักหน้าและร่วมกันรุมทำร้ายน้องแอปเปิ้ลผู้ตายจนถึงแก่ชีวิตบริเวณที่เกิดเหตุ
โดยหลังก่อเหตุใช้ไม้ไผ่ตีและใช้มีดกระหน่ำแทงซ้ำหลายครั้งจนผู้ตายล้มลงเสียชีวิต ซึ่งแพทย์เวร โรงพยาบาลระนอง นับได้ 17 แผล หลังจากนั้นก็นำมีดไปทิ้งและแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุรัศมี 1 กิโลเมตร และติดตามหาข่าวจนสืบทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นใครและสามารถติดตามตัวผู้ต้องหา จำนวน 4 คน
ประกอบด้วย 1.นายโมซินอ้าว (สัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 19 ปี ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่รับสารภาพว่าเป็นคนแทงผู้ตายไปชี้จุดที่ทิ้งมีด 2.นายจอโซวิน(สัญชาติสัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 18 ปี และ 3.นายเม้าเซ้นหรือเชกะเดา (สัญชาติสัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 20 ปี ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคนชื่อ นาย ซอเล่ (สัญชาติสัญชาติเมียนม่าร์)อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาเจตนาร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามหลังจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวมาสอบสวน และตรวจสอบร่างกาย พบที่บริเวณใบหน้าคนร้ายมีรอยข่วน จึงทำการซักประวัติและเก็บดีเอ็นเอ ผลปรากฏว่าผลตรวจดีเอ็นเอตรงกับดีเอ็นเอที่พบที่ปลายเล็บของน้องแอปเปิ้ล ผู้ตาย จากนั้นทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองระนอง ได้ไปหาอาวุธมีดที่นำไปทิ้งในลำคลองจนพบ และเข้าค้นบ้านพักพบพยานหลักฐานผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือด เสื้อผ้ากลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้งหมดรวม 26 รายการ ซึ่งทางหน่วยพิสูจน์หลักฐานจังหวัดระนองได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังกองพิสูจน์หลักฐานกลาง กองนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยขอทราบผลอย่างเร่งด่วน
ขณะที่ฝ่ายพนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองระนอง ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ อีกครั้ง และผู้ต้องหาทั้ง 4 คนให้การรับสารภาพ ว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นได้ชวนกันมานั่งดมกาวกันอยู่บริเวณด้านหน้าสำนักสงฆ์ เห็นผู้ตายเดินมาคนเดียว พวกตนจึงแซว แล้วถูกด่าสวนกลับด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงโกรธแค้น และเดินตามเส้นทางลัดไปดักหน้าก่อนลงมือทำร้ายชกต่อยใช้ไม้ไผ่ตีที่ขาจนล้มลงและกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต หลังจากก่อเหตุแล้ว ต่างแยกย้ายกันหลบหนีกบดาน ก่อนกลับไปทำงานบนเรือประมงกลางทะเลเมื่อวันที่ 30 ก.ย.จนกระทั่งถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้
อย่างไรก็ตามก่อนจะแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังจุดต่างๆ โดยแต่ละจุดมีประชาชนในพื้นที่มามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก