คณะแต่งรัฐธรรมนูญนำโดยซือแป๋กฎหมายมีชัยไทยแลนด์เริ่มดูเหมือนมีราคา ได้รับความสนใจจากชาวบ้าน เมื่อได้เปรยถึงข้อเสนอที่จะกำจัดพวกหน้าขี้โกง กังฉินกินเมืองหลังลายทั้งหลายให้พ้นจากการเมือง โดยกำหนดกฎเข้มเพื่อปูทางให้บ้านเมืองได้รอดพ้นจากพวกนักงาบคำโตหน้าด้านๆ
ถ้าทำได้สำเร็จท่านมีชัยไทยแลนด์สามารถอ้างได้เต็มปากว่าได้ทดแทนคุณแผ่นดินแล้ว
ยิ่งได้ยินคำชี้แนะจากท่านองคมนตรี ธานินทร์ กรัยวิเชียร ว่าต้องปิดทางไม่ให้พวกหน้าขี้โกงเข้าสู่การเมือง โดยเฉพาะพวกมีมลทิน ข้อครหา คดีอาญาติดตัวว่าเป็นคนชั่วถูกศาลตัดสินให้มีโทษจำคุก แม้จะรอลงอาญาก็ตาม ก็ถือว่ามีแผล อย่าอ้างหน้าด้านๆ ว่าไม่ติดคุกก็เหมือนไม่มีโทษจริง
โดยปกติ ในสังคมพัฒนาแล้ว คนมีมลทินเพียงเล็กน้อยย่อมรู้สึกอาย ไม่เสนอหน้าด้านๆ เข้ามาสู่วงการเมือง หรือวงการไหนทั้งนั้นที่เป็นเป้าสายตาของสาธารณะ หรือรับงานภาครัฐ
แต่ถ้าจะโกงกินทรัพย์สินของบริษัทครอบครัวจนเจ๊ง ฉิบหายวายวอดอย่างไรก็ทำได้
ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลคุณท่านผู้นำต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นเครื่องมือ กฎหมายแม่บทเพื่อกำจัดการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง วางรากฐานสังคมการเมืองของประเทศเสียใหม่
อย่าให้เมืองไทยคงฉายาว่าเป็นดินแดนของการคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะโดยเชิงนโยบาย งาบแบบมีเชิง หรือหักคอแบบกินดิบสูงถึงระดับ 30-40 เปอร์เซ็นต์เหมือนในยุคขบวนการเหลี่ยมกินเมือง
คุณท่านผู้นำก็ยกประเด็นการปราบปรามการทุจริตเพื่อซื้อใจประชาชนให้อยู่ต่อได้ มิใช่เรอะ
ก่อนหน้านี้พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงชี้แนะว่าอย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง ท่านประธานองคมนตรี ป๋าเปรม ได้พูดย้ำหลายครั้งในประเด็นนี้ ให้ประชาชนป้องกันไม่ให้คนชั่วเข้ากุมอำนาจ
เมื่อเจตนารมณ์ตรงกัน คุณท่านผู้นำประกาศพันธกิจในเรื่องนี้ ซือแป๋มีชัยไทยแลนด์ก็พร้อมสนองความต้องการของทุกฝ่าย จูนคลื่นความคิดได้ตรงกัน ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
จากนี้ไปต้องรอการปฏิบัติอย่างจริงจังให้เป็นมรรคผลล้วนๆ และต้องให้ผ่านประชามติด้วย! นี่แหละที่น่าห่วง เพราะบรรดาขี้ข้าทาสน้ำเงินสมุนขบวนการเหลี่ยมร้ายได้ออกอาการรุนแรง
โดยเฉพาะการตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ถ้าพ้นระยะเวลาแล้วพวกสมุนเหลี่ยมอ้างว่าต้องเปิดโอกาสให้กลับมาสร้างความระยำตำบอนได้อีก หาโอกาสโกงอีกรอบ แก้ตัวใหม่ กินหนักกว่าเดิม
ท่านองคมนตรีบอกว่าบ้านเมืองจึงไม่ควรให้พวกกังฉินได้สร้างความชั่วร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก
สังคมไทยเป็นแหล่งบ่มเพาะสมบูรณ์ให้ขบวนการคนชั่วได้อยู่ดีกินดีไม่มีโทษมานาน มีเครือข่ายอาชญากรทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย มีอิทธิพล อำนาจการเมืองคุ้มครองให้รอดจากการตรวจสอบ
ธรรมเนียมปฏิบัติแนวการเมืองสามานย์น้ำเน่าแบบไทยๆ คือกลุ่มนายทุน พ่อค้า อาชญากร พวกนอกกฎหมาย นักกฎหมาย เจ้าพ่อพากันลงขันตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าชิงเก้าอี้ในสภาฯ พรรคใดได้ที่นั่งมากกว่า แต่ไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล มีพวกเดียวกันเป็นพรรคร่วมกิน
นี่เป็นรูปแบบขององค์กรอาชญากรรม มีหน้าฉากเป็นพรรคการเมือง วัตถุประสงค์หลักคือการแสวงหาผลประโยชน์ โดยอ้างว่าเข้ามาเพื่อบริหารบ้านเมือง เป็นผู้แทนของประชาชน
การรณรงค์หาเสียงมีการทุ่มเงินซื้อผู้สมัคร ส.ส.เข้าพรรค แล้วไปซื้อคะแนนเสียงจากชาวบ้าน จนมีคำกล่าวว่า “คืนหมาหอน” คือค่ำคืนสำหรับซื้อเสียงก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง
ชาวบ้านคนขายเสียงมีคำเตือนให้นักซื้อเสียงว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น” จึงมีการซื้อเป็นรายหัว ซื้อเหมายกครัว หรือให้ผู้นำชุมชนเป็นหัวคะแนนซื้อยกหมู่บ้าน แลกกับการได้กินเงินหัวคิว
จำนวนเงินซื้อเสียงอาจมีหลายรอบ ถ้าเจอ “เจ้าบุญทุ่ม” เป็นคู่แข่งหลายราย ผู้สมัครบางรายอาจทุ่มหลายสิบล้านบาทโดยซื้อทั้งคะแนนเสียง ซื้อเจ้าหน้าที่คุมหน่วยเลือกตั้ง และกรรมการการเลือกตั้งในระดับจังหวัด ได้ไฟเขียว ไม่ต้องมีการสอบสวน ยกเว้นแต่จะมีคนร้องเรียนส่วนกลาง
การทุ่มเงินซื้อเสียงจึงต้องมีการถอนทุน บวกกำไรหลายเท่าตัว ยิ่งถ้าได้เป็นเสนาบดีก็ต้องซื้อเก้าอี้รัฐมนตรี หาเงินเข้าพรรค เข้ากระเป๋าตัวเอง เป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไม่สิ้นสุด
การคอร์รัปชันจึงเป็นส่วนสำคัญของการเมืองสามานย์แบบไทยๆ มาตั้งแต่ปี 2475
การเมืองน้ำเน่าจึงเป็นอาชญากรรมทางการเมือง มีคอร์รัปชันเป็นน้ำเลี้ยง เป็นเป้าล่อเพื่อรางวัลอันเป็นผลประโยชน์มหาศาล ล้างผลาญงบประมาณแผ่นดินจนแทบสิ้นชาติ ซื้อคนให้เป็นทาสเงิน
ในยุคนักลงทุนการเมือง “รวยแล้วไม่โกงกินคำเล็กๆ” ทำให้การชิงอำนาจรัฐโดยกลุ่มอาชญากรในคราบพรรคการเมืองต่อสู้ด้วยการตั้งมวลชน “สู้แล้วรวยตามนายทาส” ปฏิบัติการป่วนเมือง มีกองกำลังติดอาวุธสงครามไว้ลอบสังหารฝ่ายตรงข้ามและประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ ตุลาการ
กล้าปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุม หวังให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ปล้นห้าง เผาเมือง และพวกอาชญากรมือรับจ้างการเมือง มีคดีก่อการร้ายติดตัวนี่แหละที่ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้
แถมยังหน้าด้านเถียงฉอดๆ ว่ายังมีสิทธิเข้ามาโกงกินรอบใหม่ ถ้าพ้นโทษยุบพรรคแล้ว ไม่สำนึกตัวว่าได้สร้างความหายนะให้บ้านเมือง เป็นอาชญากรต้องรอวันถูกลงโทษให้สาสมกับความผิด
แต่ยังยกระดับความหน้าด้าน เถียงว่าพฤติกรรมชั่วที่พวกตนได้กระทำมาไม่ถือว่าเป็นความผิด น่าประหลาดที่หน้าด้านหนักข้อกว่าเดิม คือการเรียกร้องให้ตัวเองได้รับนิรโทษกรรม
ขู่สำทับอีกด้วยว่า ถ้าจะให้เดินหน้าปรองดอง ต้องนิรโทษกรรม เริ่มต้นใหม่ เป็นพฤติกรรมเหมือนกันทั้งเจ้านายและขี้ข้า หลงนึกว่าพวกตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย ทำผิดอะไรต้องไม่มีโทษ
ในสังคมที่พัฒนาแล้ว กากเดนคนแบบนี้ไม่มีที่ยืนอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่อยู่ในคุกตะรางก็ต้องหลีกเร้นหนีหน้าจากสังคมคนดี ไม่มีโอกาสได้เผยอหน้าทำท่าผยอง ข่มขู่คุกคามคนดีและสถาบันศาล
ถึงเวลาแล้วที่คุณท่านผู้นำต้องจัดการบังคับใช้กฎหมาย อย่าให้คนชั่วอาชญากรการเมืองสร้างวิบากกรรมให้แผ่นดิน เป็นต้นแบบของการโกงทั้งโคตร ชั่วทั้งโคตร หน้าด้านทั้งโคตร
ถ้าซือแป๋มีชัยไทยแลนด์เขียนกฎเหล็กแบบสังคมที่เจริญแล้ว ปิดกั้นล้อมคอกอาชญากรมือรับใช้นายทุนการเมืองได้สำเร็จ จะทำให้แผ่นดินไทยมีโอกาสสร้างสังคมใหม่เพื่อประโยชน์สุขของคนดี
ถ้าทำได้สำเร็จท่านมีชัยไทยแลนด์สามารถอ้างได้เต็มปากว่าได้ทดแทนคุณแผ่นดินแล้ว
ยิ่งได้ยินคำชี้แนะจากท่านองคมนตรี ธานินทร์ กรัยวิเชียร ว่าต้องปิดทางไม่ให้พวกหน้าขี้โกงเข้าสู่การเมือง โดยเฉพาะพวกมีมลทิน ข้อครหา คดีอาญาติดตัวว่าเป็นคนชั่วถูกศาลตัดสินให้มีโทษจำคุก แม้จะรอลงอาญาก็ตาม ก็ถือว่ามีแผล อย่าอ้างหน้าด้านๆ ว่าไม่ติดคุกก็เหมือนไม่มีโทษจริง
โดยปกติ ในสังคมพัฒนาแล้ว คนมีมลทินเพียงเล็กน้อยย่อมรู้สึกอาย ไม่เสนอหน้าด้านๆ เข้ามาสู่วงการเมือง หรือวงการไหนทั้งนั้นที่เป็นเป้าสายตาของสาธารณะ หรือรับงานภาครัฐ
แต่ถ้าจะโกงกินทรัพย์สินของบริษัทครอบครัวจนเจ๊ง ฉิบหายวายวอดอย่างไรก็ทำได้
ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลคุณท่านผู้นำต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นเครื่องมือ กฎหมายแม่บทเพื่อกำจัดการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง วางรากฐานสังคมการเมืองของประเทศเสียใหม่
อย่าให้เมืองไทยคงฉายาว่าเป็นดินแดนของการคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะโดยเชิงนโยบาย งาบแบบมีเชิง หรือหักคอแบบกินดิบสูงถึงระดับ 30-40 เปอร์เซ็นต์เหมือนในยุคขบวนการเหลี่ยมกินเมือง
คุณท่านผู้นำก็ยกประเด็นการปราบปรามการทุจริตเพื่อซื้อใจประชาชนให้อยู่ต่อได้ มิใช่เรอะ
ก่อนหน้านี้พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงชี้แนะว่าอย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง ท่านประธานองคมนตรี ป๋าเปรม ได้พูดย้ำหลายครั้งในประเด็นนี้ ให้ประชาชนป้องกันไม่ให้คนชั่วเข้ากุมอำนาจ
เมื่อเจตนารมณ์ตรงกัน คุณท่านผู้นำประกาศพันธกิจในเรื่องนี้ ซือแป๋มีชัยไทยแลนด์ก็พร้อมสนองความต้องการของทุกฝ่าย จูนคลื่นความคิดได้ตรงกัน ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
จากนี้ไปต้องรอการปฏิบัติอย่างจริงจังให้เป็นมรรคผลล้วนๆ และต้องให้ผ่านประชามติด้วย! นี่แหละที่น่าห่วง เพราะบรรดาขี้ข้าทาสน้ำเงินสมุนขบวนการเหลี่ยมร้ายได้ออกอาการรุนแรง
โดยเฉพาะการตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ถ้าพ้นระยะเวลาแล้วพวกสมุนเหลี่ยมอ้างว่าต้องเปิดโอกาสให้กลับมาสร้างความระยำตำบอนได้อีก หาโอกาสโกงอีกรอบ แก้ตัวใหม่ กินหนักกว่าเดิม
ท่านองคมนตรีบอกว่าบ้านเมืองจึงไม่ควรให้พวกกังฉินได้สร้างความชั่วร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก
สังคมไทยเป็นแหล่งบ่มเพาะสมบูรณ์ให้ขบวนการคนชั่วได้อยู่ดีกินดีไม่มีโทษมานาน มีเครือข่ายอาชญากรทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย มีอิทธิพล อำนาจการเมืองคุ้มครองให้รอดจากการตรวจสอบ
ธรรมเนียมปฏิบัติแนวการเมืองสามานย์น้ำเน่าแบบไทยๆ คือกลุ่มนายทุน พ่อค้า อาชญากร พวกนอกกฎหมาย นักกฎหมาย เจ้าพ่อพากันลงขันตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าชิงเก้าอี้ในสภาฯ พรรคใดได้ที่นั่งมากกว่า แต่ไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล มีพวกเดียวกันเป็นพรรคร่วมกิน
นี่เป็นรูปแบบขององค์กรอาชญากรรม มีหน้าฉากเป็นพรรคการเมือง วัตถุประสงค์หลักคือการแสวงหาผลประโยชน์ โดยอ้างว่าเข้ามาเพื่อบริหารบ้านเมือง เป็นผู้แทนของประชาชน
การรณรงค์หาเสียงมีการทุ่มเงินซื้อผู้สมัคร ส.ส.เข้าพรรค แล้วไปซื้อคะแนนเสียงจากชาวบ้าน จนมีคำกล่าวว่า “คืนหมาหอน” คือค่ำคืนสำหรับซื้อเสียงก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง
ชาวบ้านคนขายเสียงมีคำเตือนให้นักซื้อเสียงว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น” จึงมีการซื้อเป็นรายหัว ซื้อเหมายกครัว หรือให้ผู้นำชุมชนเป็นหัวคะแนนซื้อยกหมู่บ้าน แลกกับการได้กินเงินหัวคิว
จำนวนเงินซื้อเสียงอาจมีหลายรอบ ถ้าเจอ “เจ้าบุญทุ่ม” เป็นคู่แข่งหลายราย ผู้สมัครบางรายอาจทุ่มหลายสิบล้านบาทโดยซื้อทั้งคะแนนเสียง ซื้อเจ้าหน้าที่คุมหน่วยเลือกตั้ง และกรรมการการเลือกตั้งในระดับจังหวัด ได้ไฟเขียว ไม่ต้องมีการสอบสวน ยกเว้นแต่จะมีคนร้องเรียนส่วนกลาง
การทุ่มเงินซื้อเสียงจึงต้องมีการถอนทุน บวกกำไรหลายเท่าตัว ยิ่งถ้าได้เป็นเสนาบดีก็ต้องซื้อเก้าอี้รัฐมนตรี หาเงินเข้าพรรค เข้ากระเป๋าตัวเอง เป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไม่สิ้นสุด
การคอร์รัปชันจึงเป็นส่วนสำคัญของการเมืองสามานย์แบบไทยๆ มาตั้งแต่ปี 2475
การเมืองน้ำเน่าจึงเป็นอาชญากรรมทางการเมือง มีคอร์รัปชันเป็นน้ำเลี้ยง เป็นเป้าล่อเพื่อรางวัลอันเป็นผลประโยชน์มหาศาล ล้างผลาญงบประมาณแผ่นดินจนแทบสิ้นชาติ ซื้อคนให้เป็นทาสเงิน
ในยุคนักลงทุนการเมือง “รวยแล้วไม่โกงกินคำเล็กๆ” ทำให้การชิงอำนาจรัฐโดยกลุ่มอาชญากรในคราบพรรคการเมืองต่อสู้ด้วยการตั้งมวลชน “สู้แล้วรวยตามนายทาส” ปฏิบัติการป่วนเมือง มีกองกำลังติดอาวุธสงครามไว้ลอบสังหารฝ่ายตรงข้ามและประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ ตุลาการ
กล้าปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุม หวังให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ปล้นห้าง เผาเมือง และพวกอาชญากรมือรับจ้างการเมือง มีคดีก่อการร้ายติดตัวนี่แหละที่ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้
แถมยังหน้าด้านเถียงฉอดๆ ว่ายังมีสิทธิเข้ามาโกงกินรอบใหม่ ถ้าพ้นโทษยุบพรรคแล้ว ไม่สำนึกตัวว่าได้สร้างความหายนะให้บ้านเมือง เป็นอาชญากรต้องรอวันถูกลงโทษให้สาสมกับความผิด
แต่ยังยกระดับความหน้าด้าน เถียงว่าพฤติกรรมชั่วที่พวกตนได้กระทำมาไม่ถือว่าเป็นความผิด น่าประหลาดที่หน้าด้านหนักข้อกว่าเดิม คือการเรียกร้องให้ตัวเองได้รับนิรโทษกรรม
ขู่สำทับอีกด้วยว่า ถ้าจะให้เดินหน้าปรองดอง ต้องนิรโทษกรรม เริ่มต้นใหม่ เป็นพฤติกรรมเหมือนกันทั้งเจ้านายและขี้ข้า หลงนึกว่าพวกตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย ทำผิดอะไรต้องไม่มีโทษ
ในสังคมที่พัฒนาแล้ว กากเดนคนแบบนี้ไม่มีที่ยืนอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่อยู่ในคุกตะรางก็ต้องหลีกเร้นหนีหน้าจากสังคมคนดี ไม่มีโอกาสได้เผยอหน้าทำท่าผยอง ข่มขู่คุกคามคนดีและสถาบันศาล
ถึงเวลาแล้วที่คุณท่านผู้นำต้องจัดการบังคับใช้กฎหมาย อย่าให้คนชั่วอาชญากรการเมืองสร้างวิบากกรรมให้แผ่นดิน เป็นต้นแบบของการโกงทั้งโคตร ชั่วทั้งโคตร หน้าด้านทั้งโคตร
ถ้าซือแป๋มีชัยไทยแลนด์เขียนกฎเหล็กแบบสังคมที่เจริญแล้ว ปิดกั้นล้อมคอกอาชญากรมือรับใช้นายทุนการเมืองได้สำเร็จ จะทำให้แผ่นดินไทยมีโอกาสสร้างสังคมใหม่เพื่อประโยชน์สุขของคนดี