วานนี้ (14 ต.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากที่มีผู้เสียหายทำเรื่องร้องเรียนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีบ้านของผู้เสียหายย่านพุทธมณฑล สาย 2 เขตบางแค ถูกโจรกรรมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท แต่กล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ติดตั้งในบริเวณดังกล่าว 26 ตัว ใช้การได้แค่ 5 ตัว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถได้ภาพใบหน้าของคนร้าย และเส้นทางที่จะนำไปสู่การจับกุมได้
ทั้งนี้ นายพรชัย เทพปัญญา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)ได้นำกรณีนี้ไปตั้งกระทู้ถามสดต่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในที่ประชุมสภากทม. เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการระบบกล้องวงจรปิดของกทม. โดยเฉพาะประสิทธิภาพของกล้องในพื้นที่บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 2 รวมทั้งมาตรการเยียวยาผู้เสียรายดังกล่าวด้วย
นายวัชระ กล่าวว่า ตนและผู้เสียหาย ได้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ในที่ประชุมสภากทม.ด้วย ซึ่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตอบกระทู้ดังกล่าวว่า กทม. มีกล้องในความดูแลมากกว่า 4 หมื่นตัว และมี 1.4 หมื่นตัว ที่เชื่อมสัญญาณไปยังสถานีตำรวจท้องที่ และผู้ว่าฯกทม. ยังกล่าวด้วยว่า อย่าไปคาดหวังกับกล้องวงจรปิดด้วย ขณะที่นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ที่รับผิดชอบมาตรการความปลอดภัยของกทม.กล่าวเสริมว่า กรณีนี้ได้ให้ภาพหลักฐานกับทางตำรวจไปแล้ว 4 ครั้ง โดยนายอมร อ้างว่ากล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ยังไม่ได้รับมอบจากบริษัทผู้รับเหมา แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องการเยียวยาผู้เสียหายแต่อย่างใด ทำให้ผู้เสียหายที่นั่งฟังอยู่ในห้องประชุม เสียความรู้สึกอย่างมากต่อคำตอบของผู้บริหาร กทม. โดยเฉพาะนายอมร ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงนั้น สมควรลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว เพราะไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
"ผมจะทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ทบทวนการดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. ของนายอมร ต่อไป ถ้ารองผู้ว่าฯ ทำงานแบบนี้ สมควรไล่ออกได้แล้ว สก.ยุคที่ คสช. แต่งตั้งยังทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชน แต่ตัวเองตอบแบบปัดสวะ รู้สึกเห็นใจม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่เหมือนกับอยู่คนเดียว ลูกน้องบางคนใช้ไม่ได้" นายวัชระระบุ
นายวัชระ กล่าวว่า ตนได้ทำเรื่องขอเอกสารสัญญาระหว่างบริษัทเอกชนกับ กทม. เกี่ยวกับการติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ทางกทม.ก็ยังไม่ยอมส่งให้ โดยโครงการนี้มีมูลค่าเต็มโครงการถึง 4 หมื่นล้านบาท ใช้กล้องถึง 100,000 ตัว จะครบโครงการในปี 2562 แต่เมื่อเห็นประสิทธิภาพห่วยแตกแล้ว กทม.ก็ต้องทบทวนเอากล้องที่มีคุณภาพมากกว่านี้ ไม่ใช่กล้องจีนราคายุโรป ซึ่งเรื่องนี้ ตนอาจจะต้องยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกรรทุจริต (ป.ป.ช.)ทีการตรวจสอบต่อไป ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้เสียหายนั้น หากบริษัทเอกชน และกทม.ไม่ยอมจ่าย ทางผู้เสียหายอาจจะ พิจารณาขฟ้องร้องขอความเป็นธรรมจากศาล ให้เป็นคดีตัวอย่างต่อไป
ทั้งนี้ นายพรชัย เทพปัญญา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)ได้นำกรณีนี้ไปตั้งกระทู้ถามสดต่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในที่ประชุมสภากทม. เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการระบบกล้องวงจรปิดของกทม. โดยเฉพาะประสิทธิภาพของกล้องในพื้นที่บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 2 รวมทั้งมาตรการเยียวยาผู้เสียรายดังกล่าวด้วย
นายวัชระ กล่าวว่า ตนและผู้เสียหาย ได้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ในที่ประชุมสภากทม.ด้วย ซึ่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตอบกระทู้ดังกล่าวว่า กทม. มีกล้องในความดูแลมากกว่า 4 หมื่นตัว และมี 1.4 หมื่นตัว ที่เชื่อมสัญญาณไปยังสถานีตำรวจท้องที่ และผู้ว่าฯกทม. ยังกล่าวด้วยว่า อย่าไปคาดหวังกับกล้องวงจรปิดด้วย ขณะที่นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ที่รับผิดชอบมาตรการความปลอดภัยของกทม.กล่าวเสริมว่า กรณีนี้ได้ให้ภาพหลักฐานกับทางตำรวจไปแล้ว 4 ครั้ง โดยนายอมร อ้างว่ากล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ยังไม่ได้รับมอบจากบริษัทผู้รับเหมา แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องการเยียวยาผู้เสียหายแต่อย่างใด ทำให้ผู้เสียหายที่นั่งฟังอยู่ในห้องประชุม เสียความรู้สึกอย่างมากต่อคำตอบของผู้บริหาร กทม. โดยเฉพาะนายอมร ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงนั้น สมควรลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว เพราะไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
"ผมจะทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ทบทวนการดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. ของนายอมร ต่อไป ถ้ารองผู้ว่าฯ ทำงานแบบนี้ สมควรไล่ออกได้แล้ว สก.ยุคที่ คสช. แต่งตั้งยังทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชน แต่ตัวเองตอบแบบปัดสวะ รู้สึกเห็นใจม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่เหมือนกับอยู่คนเดียว ลูกน้องบางคนใช้ไม่ได้" นายวัชระระบุ
นายวัชระ กล่าวว่า ตนได้ทำเรื่องขอเอกสารสัญญาระหว่างบริษัทเอกชนกับ กทม. เกี่ยวกับการติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ทางกทม.ก็ยังไม่ยอมส่งให้ โดยโครงการนี้มีมูลค่าเต็มโครงการถึง 4 หมื่นล้านบาท ใช้กล้องถึง 100,000 ตัว จะครบโครงการในปี 2562 แต่เมื่อเห็นประสิทธิภาพห่วยแตกแล้ว กทม.ก็ต้องทบทวนเอากล้องที่มีคุณภาพมากกว่านี้ ไม่ใช่กล้องจีนราคายุโรป ซึ่งเรื่องนี้ ตนอาจจะต้องยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกรรทุจริต (ป.ป.ช.)ทีการตรวจสอบต่อไป ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้เสียหายนั้น หากบริษัทเอกชน และกทม.ไม่ยอมจ่าย ทางผู้เสียหายอาจจะ พิจารณาขฟ้องร้องขอความเป็นธรรมจากศาล ให้เป็นคดีตัวอย่างต่อไป