เกิดเหตุสลดอีกแล้วรอง สวป.วังทอง หนึ่งในนายตำรวจน้ำดีเมืองสองแคว นั่งกินข้าวกับลูกเมียอยู่ได้ยินวิทยุสื่อสารแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งอาละวาด ผละจากวงข้าวแต่งกายครึ่งท่อนไประงับเหตุทั้งที่ออกเวรแล้ว สุดท้ายกลับถูกฟันยับทั้งร่าง ข้อมือหวิดขาดดับสยอง เมีย ลูก และชาวบ้านรู้ข่าวแทบช็อก ขณะที่ตำรวจตามจับตัวชายคลุ้มคลั่งได้แล้วแต่จำเป็นต้องยิงขา หลังคนร้ายพยายามวิ่งหนีเข้าป่ามันฯ แถมใช้ปืนผู้ตายยิงใส่ ด้านผบ.ตร.ปูนบำเน็จรองสวป. เป็น"พลตำรวจตรี"
เมื่อคืนวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.กิตติณัฏฐ์ บุญแท้ ร้อยเวร สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณปากซอยตรงข้ามโรงเรียนวัดกกไม้แดง หมู่ 7 บ้านแหลมม่วง ริมถนนเส้นวังทอง-สากเหล็ก ต.ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชค ผกก.สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า สีดำ จอดแน่นิ่งอยู่ บริเวณข้างรถพบกองเลือดสาดกระเซ็นเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพาได้ให้การช่วยเหลือนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลวังทองไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ ร.ต.ท.ก้องหล้า แสงฤทธิ์ อายุ 59 ปี รอง สวป. สภ.วังทอง ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนตำบลดินทอง สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ต่อมานางจำเนียร แสงฤทธิ์ อายุ 56 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยครอบครัว เดินทางมาที่โรงพยาบาลวังทอง พอทราบว่า ร.ต.ท.ก้องหล้าเสียชีวิตถึงกับร่ำไห้
โดยนางจำเนียรเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า สามีกำลังรับประทานข้าวอยู่ที่บ้านพักพร้อมกับตนเองและบุตรสาว ขณะนั้นได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่ามีเหตุชายคลุ้มคลั่งถือมีดจะทำร้ายชาวบ้าน ที่หมู่ 7 บ้านแหลมม่วง จึงผละจากวงข้าวแต่งกายชุดตำรวจสีกากีครึ่งท่อนทันทีเพื่อจะไปปฏิบัติหน้าที่ แม้ภรรยากับบุตรสาวจะทักท้วงห้ามปรามว่าหมดเวลาทำงานแล้วก็ตาม แต่ด้วยปกติวิสัยแล้ว ร.ต.ท.ก้องหล้าจะออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งเมื่อได้รับแจ้งเหตุทางวิทยุสื่อสารแม้จะหมดเวลาทำงานแล้วก็ตาม จึงขับรถยนต์เก๋งส่วนตัวออกจากบ้านไปยังที่เกิดเหตุ กระทั่งมาทราบข่าวอีกทีว่าถูกคนร้ายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล ตนกับบุตรสาวและญาติจึงรีบติดตามกันมาดู แต่ก็ไม่ได้ทันดูใจสามี
ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เบื้องต้นทราบชื่อคือนายธีรยุทธ รอดเลิศ หรือทา อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 88 หมู่ 7 ต.ดินทอง อ.วังทอง เป็นคนสติไม่สมประกอบ หลังเกิดเหตุปืนพกประจำตัวของ ร.ต.ท.ก้องหล้า หายไปด้วย นอกจากนี้ คนร้ายยังทำมีดขอเปื้อนเลือดตกไว้ในที่เกิดเหตุ ก่อนวิ่งหลบหนีไปกับความมืดพร้อมกับอาวุธมีดพก
ด้าน พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.อก.ภ.6 หลังทราบข่าวจึงได้เดินทางมาดูศพผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตนรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เคยร่วมงานที่เสี่ยงภัยด้วยกันมาหลายครั้งในขณะที่จับกุมคนร้ายคดีร้ายแรงต่างๆ ตนไม่คิดว่าผู้ใต้บังคับบัญชาน้ำดีจะมาเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้
ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (12 ต.ค.) พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายธีรยุทธ รอดเลิศ อายุ 42 ปี ได้แล้ว หลังจากปิดล้อมในที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อคืน จนกระทั่งเช้า นายธีรยุทธ กำลังวิ่งหลบหนีเข้าไปป่ามันสำปะหลัง ตำรวจเห็นก่อนจึงวิ่งติดตาม แต่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนของ ร.ต.ท.ก้องหล้า แสงฤทธิ์ ผู้เสียชีวิตยิงใส่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงใส่ขาจน นายธีรยุทธ ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ต.พิสิฐ กล่าวอีกว่า ร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นผู้ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งกำชับดูแลคดีนี้อย่างดี โดยเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก จะได้เสนอให้ปูนบำเหน็จ 7 ขั้น 5 ชั้นยศ เลื่อนเป็น "พลตำรวจตรี" และบุตรได้รับสิทธิของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง ส่วนงานศพนั้นทางตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก จะดูแลตลอดทั้งงาน อย่างไรก็ตาม ขอเตือนข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติงานขอให้ดูแลความปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก
ปูนบำเน็จ รองสวป.เลื่อนชั้นยศ พล.ต.ต.
วานนี้( 12 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบ.ตร. ด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ไปดูแล้วตั้งแต่คืนวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยได้รับรายงานจากพล.ต.อ.วินัย ว่าได้มีการควบคุมคนร้าย เรียบร้อยแล้ว ส่วนการปูนบำเหน็จช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นไปตามระเบียบหลักการอยู่แล้ว คือการปูนบำเหน็จให้ 7 ขั้น 5 ชั้นยศและจะได้รับยศพลตำรวจตรี
สำหรับเงินช่วยเหลือเยียวยาประมาณ 1.5 ล้านบาท ซึ่งร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นตำรวจที่เสียสละเพราะขาข้างซ้ายขาดตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 แต่มีจิตวิญญาณของตำรวจและยังคงไปปฎิบัติหน้าที่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความประทับใจ
เมื่อคืนวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.กิตติณัฏฐ์ บุญแท้ ร้อยเวร สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณปากซอยตรงข้ามโรงเรียนวัดกกไม้แดง หมู่ 7 บ้านแหลมม่วง ริมถนนเส้นวังทอง-สากเหล็ก ต.ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชค ผกก.สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า สีดำ จอดแน่นิ่งอยู่ บริเวณข้างรถพบกองเลือดสาดกระเซ็นเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพาได้ให้การช่วยเหลือนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลวังทองไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ ร.ต.ท.ก้องหล้า แสงฤทธิ์ อายุ 59 ปี รอง สวป. สภ.วังทอง ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนตำบลดินทอง สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ต่อมานางจำเนียร แสงฤทธิ์ อายุ 56 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยครอบครัว เดินทางมาที่โรงพยาบาลวังทอง พอทราบว่า ร.ต.ท.ก้องหล้าเสียชีวิตถึงกับร่ำไห้
โดยนางจำเนียรเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า สามีกำลังรับประทานข้าวอยู่ที่บ้านพักพร้อมกับตนเองและบุตรสาว ขณะนั้นได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่ามีเหตุชายคลุ้มคลั่งถือมีดจะทำร้ายชาวบ้าน ที่หมู่ 7 บ้านแหลมม่วง จึงผละจากวงข้าวแต่งกายชุดตำรวจสีกากีครึ่งท่อนทันทีเพื่อจะไปปฏิบัติหน้าที่ แม้ภรรยากับบุตรสาวจะทักท้วงห้ามปรามว่าหมดเวลาทำงานแล้วก็ตาม แต่ด้วยปกติวิสัยแล้ว ร.ต.ท.ก้องหล้าจะออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งเมื่อได้รับแจ้งเหตุทางวิทยุสื่อสารแม้จะหมดเวลาทำงานแล้วก็ตาม จึงขับรถยนต์เก๋งส่วนตัวออกจากบ้านไปยังที่เกิดเหตุ กระทั่งมาทราบข่าวอีกทีว่าถูกคนร้ายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล ตนกับบุตรสาวและญาติจึงรีบติดตามกันมาดู แต่ก็ไม่ได้ทันดูใจสามี
ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เบื้องต้นทราบชื่อคือนายธีรยุทธ รอดเลิศ หรือทา อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 88 หมู่ 7 ต.ดินทอง อ.วังทอง เป็นคนสติไม่สมประกอบ หลังเกิดเหตุปืนพกประจำตัวของ ร.ต.ท.ก้องหล้า หายไปด้วย นอกจากนี้ คนร้ายยังทำมีดขอเปื้อนเลือดตกไว้ในที่เกิดเหตุ ก่อนวิ่งหลบหนีไปกับความมืดพร้อมกับอาวุธมีดพก
ด้าน พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.อก.ภ.6 หลังทราบข่าวจึงได้เดินทางมาดูศพผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตนรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เคยร่วมงานที่เสี่ยงภัยด้วยกันมาหลายครั้งในขณะที่จับกุมคนร้ายคดีร้ายแรงต่างๆ ตนไม่คิดว่าผู้ใต้บังคับบัญชาน้ำดีจะมาเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้
ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (12 ต.ค.) พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายธีรยุทธ รอดเลิศ อายุ 42 ปี ได้แล้ว หลังจากปิดล้อมในที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อคืน จนกระทั่งเช้า นายธีรยุทธ กำลังวิ่งหลบหนีเข้าไปป่ามันสำปะหลัง ตำรวจเห็นก่อนจึงวิ่งติดตาม แต่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนของ ร.ต.ท.ก้องหล้า แสงฤทธิ์ ผู้เสียชีวิตยิงใส่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงใส่ขาจน นายธีรยุทธ ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ต.พิสิฐ กล่าวอีกว่า ร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นผู้ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งกำชับดูแลคดีนี้อย่างดี โดยเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก จะได้เสนอให้ปูนบำเหน็จ 7 ขั้น 5 ชั้นยศ เลื่อนเป็น "พลตำรวจตรี" และบุตรได้รับสิทธิของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง ส่วนงานศพนั้นทางตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก จะดูแลตลอดทั้งงาน อย่างไรก็ตาม ขอเตือนข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติงานขอให้ดูแลความปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก
ปูนบำเน็จ รองสวป.เลื่อนชั้นยศ พล.ต.ต.
วานนี้( 12 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบ.ตร. ด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ไปดูแล้วตั้งแต่คืนวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยได้รับรายงานจากพล.ต.อ.วินัย ว่าได้มีการควบคุมคนร้าย เรียบร้อยแล้ว ส่วนการปูนบำเหน็จช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นไปตามระเบียบหลักการอยู่แล้ว คือการปูนบำเหน็จให้ 7 ขั้น 5 ชั้นยศและจะได้รับยศพลตำรวจตรี
สำหรับเงินช่วยเหลือเยียวยาประมาณ 1.5 ล้านบาท ซึ่งร.ต.ท.ก้องหล้า เป็นตำรวจที่เสียสละเพราะขาข้างซ้ายขาดตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 แต่มีจิตวิญญาณของตำรวจและยังคงไปปฎิบัติหน้าที่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความประทับใจ