ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว บริเวณหลักเขตแดนไทย - กัมพูชา หลักเขตที่ 46 - 48 แสนสุดช้ำระกำใจ เมื่อแผ่นดินริม ชายแดนที่เคยทำกินมานมนานเกิดมีปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศ และกระทบกระทั่งกันจนต้องหยุดเข้าไปทำนา ขณะที่การตกปากรับคำของภาครัฐจะจัดหาที่ทำกินให้ชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจนถึงวันนี้ยังเป็นเพียงคำสัญญาที่ว่างเปล่า แถมเจ้าหน้าที่รัฐบางคนยังแกล้งโง่กล่อมแบ่งที่ให้เขมรอีกด้วย
หากยังจำกันได้ กรณีที่ดินริมแนวชายแดนบริเวณดังกล่าวเคยเป็นข่าวคราวครึกโครมมาแล้ว จากการลงพื้นที่บุกพิสูจน์ข้อเท็จจริงของนายวีระ สมความคิด และกลุ่มเครือข่าย กระทั่งทำให้นายวีระ และนางราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ถูกทางการกัมพูชาจับกุมคุมขังในข้อหารุกล้ำดินแดนของกัมพูชา ก่อนที่ ทั้งสองจะถูกปล่อยตัวออกจากคุกเขมรในเวลาต่อมา
แม้ว่านายสมคิด จะได้รับอิสรภาพแล้ว แต่เขายังเชื่อว่าผืนแผ่นดินที่ประชาชนคนไทยเข้าไปอาศัยทำกินดังกล่าว เป็นของประเทศไทย ดังนั้น จนบัดนี้นายวีระยังติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งการเจรจาของฝ่ายไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ายังไม่มีความชัดเจนหรือความคืบหน้าใดๆ ปรากฏออกมาให้เห็น รวมทั้งเรื่องการช่วยเหลือประชาชนที่เคยทำมาหากินในพื้นที่บริเวณดังกล่าวตามที่รัฐบาลเคยตกปากรับคำเอาไว้กับชาวบ้านซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจนเช่นกัน
ล่าสุด นายวีระได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Veera Somkwamkid ถึงกรณีที่รัฐบาลรับปากจะจัดการปัญหาที่ดินบ้านหนองจานหลังถูกกัมพูชาเข้ามายึดไม่ให้ชาวไทยเข้าไปทำกินว่า นับจากวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 จนถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2558 เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ที่รัฐบาลได้ทำบันทึกข้อตกลงกับชาวบ้านหนองจานยืนยันจะดำเนินการในเรื่องเกี่ยวกับที่ทำกิน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ดำเนินการจัดการปัญหาที่พิพาท และจัดให้มีการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐของไทย -กัมพูชา และประชาชนที่ได้รับผลกระทบภายใน 10 วัน หากที่ดินแปลงใดไม่สามารถตกลงกันได้ ทางจังหวัดสระแก้วจะจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบโดยชั่วคราวตามสมควร แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาให้แก่ชาวบ้าน
“ทำไมต้องหลอกลวงชาวบ้านซ้ำซากเช่นนี้ ชาวบ้านตามแนวชายแดน เขา ไม่ใช่คนไทยหรือ? เขาเกิดบนแผ่นดินไทยมาจนอายุกว่าห้าสิบปี บางคนอายุมากกว่าเจ็ดสิบปี เสียภาษีทั้งทางตรงทางอ้อมให้แก่รัฐบาลไทยมาโดยตลอด แต่ทำไมได้รับการปฏิบัติจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เหมือนพวกเขาไม่ใช่ พลเมืองไทย”
นายวีระ ยังโพสต์ว่า เมื่อวันที่ 2ตุลาคม2558 “ป้าน้อย” (นางสุบิน เที่ยงลาย)ได้แจ้งให้ทราบว่านายอำเภอและปลัดอำเภอโคกสูง ได้มาพบที่บ้านและแจ้งว่าทางจังหวัดสระแก้วไม่สามารถไปเอาที่นามาคืนให้แก่ชาวบ้าน เนื่องจากกัมพูชาไม่ยอม และพยายามโน้มน้าวให้ป้าน้อยยอมแบ่งที่นาของตัวเองให้แก่กัมพูชา จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน
“นายอำเภอโคกสูงของไทย มาหว่านล้อมให้ชาวบ้านคนไทย ที่ถูกกัมพูชาบุกรุกเข้ามาแย่งยึดที่นาของตนเอง ต้องยอมยกแผ่นดินให้กัมพูชาเสียโดยดี เพราะนายอำเภอ ผู้ว่าฯ สระแก้ว รวมถึงทหารและ ต.ช.ด. ทั้งหมด ไม่มีความสามารถไปไล่กัมพูชาให้ออกไปจากแผ่นดินไทยได้ ป้าน้อย บอกว่า เจ็บปวดหัวใจที่สุด นึกไม่ถึงว่านายอำเภอคนไทยจะกล้าพูดเช่นนี้ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหมดที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่มีความสามารถไปเอาแผ่นดินไทยคืนมา ที่สำคัญไม่มีความจริงจังและไม่มีความจริงใจในการช่วยเหลือชาวบ้านแล้วยังจะมาบังคับให้ชาวบ้านยอมยกแผ่นดินให้ต่างชาติอีก”
หลังจากนายวีระ ได้โพสต์ข้อความดังกล่าว ทำเอาผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ถึงกับนั่งไม่ติดเพราะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ดำเนินการ
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ออกมาชี้แจงว่า ชาวอำเภอโคกสูงไปร้องเรียนที่สำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นทางจังหวัดได้รับการประสานจากทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ทางจังหวัดโดยผู้ว่าฯ ไปตรวจสอบและช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ทางจังหวัดจึงเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาหารือกันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2558 มีข้อสรุปว่าจะนำเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนขึ้นมาดูกัน และทำการสำรวจที่ดินที่เราคิดว่าเป็นของเรา เมื่อสำรวจแล้วจะนำเสนอรัฐบาลเพื่อให้มีการเจรจากันระหว่างประเทศเนื่องจากเป็นปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศ
หลังจากวันนั้นประชาชนโดยเฉพาะนางสุบิน เที่ยงลาย หรือ ป้าน้อย ได้บอกว่าขณะนี้ไม่มีที่ทำกินจะขอเข้าไปทำกินในที่ดินเดิม ซึ่งมีประมาณ50 ไร่ แต่เนื่องจากมีปัญหาว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนฯ ทั้งสองประเทศมีมติร่วมกันว่าขอให้หยุดพื้นที่ทำกินบริเวณนั้นไปก่อน ทางฝ่ายเราหลังจากไปเจรจาก็บอกป้าน้อยว่า เจ้าหน้าที่ได้ไปเจรจากับทางทหารกัมพูชาเพื่อขอผ่อนผันให้เข้าไปทำกินให้แล้ว และทราบภายหลังว่าทางป้าน้อย ขอไปปรึกษากับครอบครัวก่อน
“ข้อเท็จจริงคือระหว่างสองประเทศ เราได้มีการเจรจากัน เพราะพื้นที่ต่างๆ เหล่านี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของใคร เพราะยังไม่มีการปักปันเขตแดน เพราะฉะนั้นจะไปพูดไม่ได้ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของใคร เป็นเรื่องระหว่างประเทศที่จะต้องเจรจาหารือกัน และขอยืนว่าข้าราชการของจังหวัดสระแก้ว ไม่มีใครที่จะเอาที่ดินของไทยไปยกให้ใครได้ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องการเจรจากันเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข”
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า สุดท้ายแล้วหากไม่สามารถตกลงกันได้ พื้นที่ตรงนี้ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาทำอะไรได้ ทั้งสองประเทศก็ต้องหยุดเพราะเป็นเรื่องของความขัดแย้ง แต่ถ้าสามารถตกลงกันได้ก็อาจจะมีการผ่อนผันให้เข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างสองประทศ เป็นเรื่องที่ประชาชนหลายคนยังไม่เข้าใจและมีการไปพูดกันว่านายอำเภอไปบอกให้ชาวบ้านไปยกที่ดินให้กัมพูชานั้นไม่สามารถทำได้ ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลและประเทศ
จากการดำเนินการของผู้ว่าฯ จังหวัดสระแก้ว และรัฐบาลไทยข้างต้น ชาวบ้านหนองจาน คงหวังอะไรไม่ได้ ผู้ว่าฯ บอกแต่เพียงต้องรอการเจรจาซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ผลสรุปอย่างไรและเมื่อใด ขณะที่ชาวบ้านต้องกินต้องใช้แต่เข้าไปทำประโยชน์จากที่ดินที่เคยทำกินไม่ได้ อย่าพูดไปไกลถึงขั้นรักษาอธิปไตย รักษาผืนแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานเลย
การเรียกร้องขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือและเจรจาหาข้อตกลงในปัญหาดังกล่าวมีมาโดยตลอด แต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน ไม่มีอะไรที่เป็นความหวังให้กับชาวบ้านแม้แต่น้อย กล่าวคือ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 นายวีระ สมความคิด ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Veera Somkwamkid ว่า ชาวบ้านจานที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่ทหารและชาวกัมพูชาได้บุกรุกเข้ามาแย่งที่ดินทำกิน บริเวณหลักเขตแดนที่ 46 -48 ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งได้เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2558 และเคยยื่นเรื่องต่อรัฐบาลผ่านศูนย์ดำรงธรรม จ.สระแก้ว รวมทั้งยื่นผ่านกองกำลังบูรพาถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม2557 แล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น ต่อมา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 ชาวบ้านได้เดินทางมาทวงถาม
“รัฐบาลไทยนอกจากจะไม่มีความสามารถขับไล่ผู้บุกรุกให้ออกจากแผ่นดินไทยแล้ว ก็ยังไม่มีความจริงใจในการให้ความช่วยเหลือตามสมควร ชาวบ้านต้องแบกรับความทุกข์ยากมานานนับสิบปี แต่กลับไม่มีรัฐบาลใดสนใจที่จะช่วยเหลือ จนชาวบ้านทนต่อไปอีกไม่ไหว ต้องทำการฆ่าตัวตายหน้าทำเนียบรัฐบาล ดังนั้น เหลือเวลาอีกเพียง 2 วัน รัฐบาลจะเลือกวิธีใด1.รีบช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่เดือดร้อนทันทีซึ่งทำได้ไม่ยากอะไรเลย หรือ 2.ปล่อยให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนเสียหายจากกรณีดังกล่าว ต้องอดทนอยู่ด้วยความเดือดร้อน ทุกข์ยากลำบากและความคับแค้นในจิตใจต่อไป
“หากมีชาวบ้านคนใดที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างอดสูใจได้อีกต่อไป แล้วเขาเลือกการฆ่าตัวตายเพื่อให้หลุดพ้นจากความคับแค้นใจ ก็ปล่อยให้เขาตายไป(เช่นนั้นหรือ?) ในสามัญสำนึกของบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายคงเห็นชีวิตและความตายของชาวบ้านจนๆ มีค่าและมีความสำคัญน้อยกว่าตำแหน่งและผลประโยชน์ความสุขความสบายที่ท่านทั้งหลายกำลังหลงติดอยู่ในขณะนี้ใช่หรือไม่? อย่าลืมนะทุกข์ของคนจนผู้ทุกข์ยากก็คือทุกข์ของแผ่นดิน ถ้าผู้มีอำนาจยังเลือกเอาแต่รักษาผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง มากกว่าการปกป้องรักษาผลประโยชน์ให้แก่ชาติและประชาชน น้ำตาและเลือดของ ชาวบ้าน ที่คับแค้นและทุกข์ทนมาเป็นเวลานาน คงได้นองแผ่นดินไทยหน้าทำเนียบรัฐบาล”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านายวีระ จะยืนยันว่าที่ดินจุดเกิดเหตุที่คนไทยถูกทางการกัมพูชาจับกุมนั้นเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ และขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลช่วยชดเชยความเสียหายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านและปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่เรื่องนี้ยังไม่อยู่ในความสนใจของรัฐบาลที่จะลงมาแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด .....ชะตากรรมชาวบ้านจาน คงต้องทนทุกข์ระทมไปอีกนาน