ASTVผู้จัดการรายวัน-ศึกสายเลือด "โตทับเที่ยง" ยังไม่จบ "สลิล"นำ "สุธรรม-ไกรเสริม" ยื่นหนังสือดีเอสไอ สอบทุจริตบริหารบริษัทปุ้มปุ้ย-ปลายิ้มส่อทุจริตเสียหาย 100 ล้าน เผยเป็นบริษัทมหาชน หวั่นกระทบผู้ถือหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 ต.ค.) นายสลิล โตทับเที่ยง กรรมการบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตปลากระป๋องตราปุ้มปุ้ยและปลายิ้ม พร้อมด้วยนายสุธรรม โตทับเที่ยง นายไกรเสริม โตทับเที่ยง และทนายความประจำตัว ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฎิบัติงานของกรรมการบริษัท ซึ่งมีพฤติการณ์ส่อกระทำผิดทางอาญา โดยมีพ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
นายสลิลกล่าวว่า เอกสารที่ได้นำมามอบให้ดีเอสไอตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นเอกสารที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตนทำหน้าที่บริหาร แต่ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีเอกสารดังกล่าวเกิดขึ้น และเอกสารชุดนี้กำลังจะถูกทำลาย แต่มีผู้หวังดีนำมามอบให้ จึงต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบ เพราะจากหลักฐานที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีความเสียหายต่อบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท
"มีผู้หวังดีแจ้งว่ามีการทุจริต ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ และมีกำไรต่ำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินปันผลน้อยกว่าความจริง สร้างผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงประชาชนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น จึงนำเรื่องมาร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีจนถึงที่สุด อีกทั้งเรื่องนี้เกิดผลกระทบในวงกว้าง จึงจำเป้นต้องรักษาสิทธิ์"นายสลิลกล่าว
ด้านพ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเท่าที่ตรวจสอบคำร้องพบว่า เป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้ายการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งจะส่งเรื่องให้สำนักคดีการเงินการธนาคารสืบสวนข้อเท็จจริงก่อนว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาสืบสวนไม่เกิน 6 เดือน แต่หากไม่เข้าเงื่อนไข ก็ต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสุธรรม พี่ชายคนโต ได้มีหนังสือถึงนายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ห้ามมิให้นายสุรินทร์และครอบครัวใช้นามสกุลโตทับเที่ยง ขณะที่นายสุรินทร์ตอบโต้กลับด้วยการฟ้องหมิ่นประมาทนายสุธรรมและพวก ไม่เพียงแค่นั้น ทั้ง 2 ฝ่ายยังมีการฟ้องคดีแพ่งและอาญาต่อกันและกันรวมอีกกว่า 10 คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 ต.ค.) นายสลิล โตทับเที่ยง กรรมการบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตปลากระป๋องตราปุ้มปุ้ยและปลายิ้ม พร้อมด้วยนายสุธรรม โตทับเที่ยง นายไกรเสริม โตทับเที่ยง และทนายความประจำตัว ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฎิบัติงานของกรรมการบริษัท ซึ่งมีพฤติการณ์ส่อกระทำผิดทางอาญา โดยมีพ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
นายสลิลกล่าวว่า เอกสารที่ได้นำมามอบให้ดีเอสไอตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นเอกสารที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตนทำหน้าที่บริหาร แต่ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีเอกสารดังกล่าวเกิดขึ้น และเอกสารชุดนี้กำลังจะถูกทำลาย แต่มีผู้หวังดีนำมามอบให้ จึงต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบ เพราะจากหลักฐานที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีความเสียหายต่อบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท
"มีผู้หวังดีแจ้งว่ามีการทุจริต ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ และมีกำไรต่ำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินปันผลน้อยกว่าความจริง สร้างผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงประชาชนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น จึงนำเรื่องมาร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีจนถึงที่สุด อีกทั้งเรื่องนี้เกิดผลกระทบในวงกว้าง จึงจำเป้นต้องรักษาสิทธิ์"นายสลิลกล่าว
ด้านพ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเท่าที่ตรวจสอบคำร้องพบว่า เป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้ายการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งจะส่งเรื่องให้สำนักคดีการเงินการธนาคารสืบสวนข้อเท็จจริงก่อนว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาสืบสวนไม่เกิน 6 เดือน แต่หากไม่เข้าเงื่อนไข ก็ต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสุธรรม พี่ชายคนโต ได้มีหนังสือถึงนายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ห้ามมิให้นายสุรินทร์และครอบครัวใช้นามสกุลโตทับเที่ยง ขณะที่นายสุรินทร์ตอบโต้กลับด้วยการฟ้องหมิ่นประมาทนายสุธรรมและพวก ไม่เพียงแค่นั้น ทั้ง 2 ฝ่ายยังมีการฟ้องคดีแพ่งและอาญาต่อกันและกันรวมอีกกว่า 10 คดี
