อุตุฯ เตือนอิทธิพล "มูจีแก" เกือบทุกภาคได้รับผลกระทบ ปภ.แนะ 32 จว.รับมือ 4-7 ต.ค. สั่งมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวัง 24 ชม. รถทัวร์แล่นจากระยองมาอุบลราชธานีล้อหลังสะบัดเสียหลักพุ่งชนราวสะพานไถลตกลงไปข้างทาง โชคดีไม่ตกลงลำน้ำ บาดเจ็บ 13 คน “มทภ. 2” สั่งหน่วยทหาร 20 จว.อีสาน เตรียมพร้อมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย รับมือ
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 9 พายุไต้ฝุ่น "มูจีแก" ระบุว่า บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไหหลำ ประเทศจีน คาดว่าพายุนี้จะขึ้นฝั่งบริเวณเมืองซานเจี้ยน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศ จีนในวันนี้ (4 ต.ค.) พายุนี้จะทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนสะสม
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตือน 32 จังหวัด เตรียมพร้อมรับมืออิทธิพลพายุมูจีแก ช่วงวันที่ 4-7 ตุลาคมนี้ โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง และจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเผชิญเหตุ
รถทัวร์ระยอง-อุบลฯ คว่ำบาดเจ็บ
เวลา 07.15 น. วานนี้ (4 ต.ค.) พ.ต.ท.วุฒิชัย สิงห์คง พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งมีรถทัวร์เฉี่ยวชนราวสะพานข้ามลำห้วยผับ แล้วพลิกคว่ำตกลงไปข้างทาง เขตบ้านท่าเจริญ ต.บุ่งหวาย ถนนกันทรารมย์-วารินชำราบ จึงพร้อมหน่วยกู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ เข้าช่วยเหลือคนเจ็บส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ ไปถึงพบรถทัวร์ของบริษัท นครชัยแอร์ ทะเบียน 10-6328 อุบลราชธานี แล่นจากจังหวัดระยอง มุ่งหน้าตัวจังหวัดอุบลราชธานี พลิกตะแคงคว่ำลงไปอยู่ไหล่ทางสูงประมาณ 5 เมตร มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บคนละเล็กละน้อยรวมทั้งสิ้น 13 คน เป็นชาย 6 หญิง 7 คน เมื่อได้รับการตรวจเบื้องต้นผู้บาดเจ็บ 8 คนได้ขอเดินทางกลับบ้านภูมิลำเนา ส่วนผู้โดยสารที่เหลืออีก 14 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บ
สอบถามนายชัยวัฒน์ รักไพร อายุ 34 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 170 บ้านปรางค์พัฒนา 2 หมู่ 8 ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน พนักงานขับรถทราบว่า ระหว่างขับรถขึ้นสะพามข้ามลำห้วยผับที่เป็นทางโค้ง มีฝนตกและมีน้ำท่วมขังบนผิวสะพาน ทำให้รถมีอาการสะบัดแล้วเสียหลักพุ่งชนราวสะพาน ก่อนไถลตกลงไปในไหล่ทางบริเวณหัวสะพานห่างจากข้างลำห้วยเล็กน้อย ถือว่ายังโชคดีเพราะหากรถพุ่งชนแล้วตกลงไปในลำห้วยอาจมีความเสียหายเกิดกับผู้โดยสารมากกว่านี้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาต่อนายชัยวัฒน์ว่าขับรถโดยประมาททำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และจะนำตัวไปตรวจวัดมีแอลกอฮอล์ในเลือดด้วยหรือไม่ ขณะผู้โดยสารที่ตกค้างในที่เกิดเหตุ บริษัท นครชัยแอร์ได้ส่งรถตู้มารับนำส่งที่สถานรถโดยสารอุบลราชธานีแล้ว
นายทแกล้ว นุศรีวอ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มติดแม่น้ำ หรือที่ราบเชิงเขาที่อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากได้ ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลันจากอิทธิพลพายุมูจีแกที่กำลังเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามไว้ด้วย เพราะทำให้ภาคอีสานมีฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 4-6 ต.ค.นี้ ซึ่งหน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมีการเตรียมเครื่องมือไว้รับสถานการณ์หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันไว้แล้ว
หน่วยทหาร 20 จว.ระดมพล-เครื่องมือ
เวลา 10.30 น.วานนี้ ( 4 ต.ค.) ที่บริเวณสนามหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ตรวจความพร้อมของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ.21) เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย เช่น เรือท้องแบน เรือยนต์ ยานพาหนะ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอิทธิพลของพายุใต้ฝุ่น “มูจีแก” ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้เกิดฝนตกหนักในระหว่างวันที่ 4 ต.ค. ถึง 6 ต.ค.นี้
พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง มทภ.2 เปิดเผยว่า ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องพายุโซนร้อน “มูจีแก” ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาเป็นพายุใต้ฝุ่นจะส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยในช่วงวันที่ 4-6 ต.ค.นี้ โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนสะสมในระยะนี้
ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีความเป็นห่วงประชาชนจึงมอบนโยบายให้ทุกกองทัพภาคมีการเตรียมการเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ โดยจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาค ทั้ง 4 ภาค ให้การดูแลประชาชนและประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัดอย่างใกล้ชิด โดยมีภารกิจเช่น การอำนวยความสะดวกการจราจร , การประสานงานกับสำนักงานเขตในการระบายน้ำ, การตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงที่มีน้ำท่วมขัง , การอพยพสิ่งของของประชาชนและการสนับสนุนส่วนราชการต่างๆ ในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมการช่วยเหลือประชาชนในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัดโดยจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยประจำพื้นที่จำนวน 15 ศูนย์ ครอบคลุมทั้ง 20 จังหวัด ประสานงานร่วมกับจังหวัดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยจังหวัดและหน่วยงานของทหารจะเปิดหมายเลขโทรศัพท์ให้ประชาชนแจ้งข่าวสารและความช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ เน้นป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจและโรงพยาบาลเป็นสำคัญ
ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมานั้น อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 21 และ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองพลพัฒนาที่ 2 รับผิดชอบดูแลสนับสนุนเป็นส่วนรวม ได้เตรียมความพร้อมในที่ตั้ง โดยมีการตรวจความพร้อมในด้านกำลังพล เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย สิ่งของอุปโภคบริโภค ยานพาหนะ และบริการทางการแพทย์ เป็นต้น
"วันนี้ได้ส่งกำลังทหารเข้าไปทำกำแพงกระสอบทรายและดูการระบายน้ำของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นมาได้ เนื่องจากหากมีน้ำท่วมจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายต่อประชาชนอย่างแน่นอน"
อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศและการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิดพร้อมเก็บของขึ้นที่สูงไว้หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันจะได้รับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที.
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 9 พายุไต้ฝุ่น "มูจีแก" ระบุว่า บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไหหลำ ประเทศจีน คาดว่าพายุนี้จะขึ้นฝั่งบริเวณเมืองซานเจี้ยน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศ จีนในวันนี้ (4 ต.ค.) พายุนี้จะทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนสะสม
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตือน 32 จังหวัด เตรียมพร้อมรับมืออิทธิพลพายุมูจีแก ช่วงวันที่ 4-7 ตุลาคมนี้ โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง และจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเผชิญเหตุ
รถทัวร์ระยอง-อุบลฯ คว่ำบาดเจ็บ
เวลา 07.15 น. วานนี้ (4 ต.ค.) พ.ต.ท.วุฒิชัย สิงห์คง พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งมีรถทัวร์เฉี่ยวชนราวสะพานข้ามลำห้วยผับ แล้วพลิกคว่ำตกลงไปข้างทาง เขตบ้านท่าเจริญ ต.บุ่งหวาย ถนนกันทรารมย์-วารินชำราบ จึงพร้อมหน่วยกู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ เข้าช่วยเหลือคนเจ็บส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ ไปถึงพบรถทัวร์ของบริษัท นครชัยแอร์ ทะเบียน 10-6328 อุบลราชธานี แล่นจากจังหวัดระยอง มุ่งหน้าตัวจังหวัดอุบลราชธานี พลิกตะแคงคว่ำลงไปอยู่ไหล่ทางสูงประมาณ 5 เมตร มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บคนละเล็กละน้อยรวมทั้งสิ้น 13 คน เป็นชาย 6 หญิง 7 คน เมื่อได้รับการตรวจเบื้องต้นผู้บาดเจ็บ 8 คนได้ขอเดินทางกลับบ้านภูมิลำเนา ส่วนผู้โดยสารที่เหลืออีก 14 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บ
สอบถามนายชัยวัฒน์ รักไพร อายุ 34 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 170 บ้านปรางค์พัฒนา 2 หมู่ 8 ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน พนักงานขับรถทราบว่า ระหว่างขับรถขึ้นสะพามข้ามลำห้วยผับที่เป็นทางโค้ง มีฝนตกและมีน้ำท่วมขังบนผิวสะพาน ทำให้รถมีอาการสะบัดแล้วเสียหลักพุ่งชนราวสะพาน ก่อนไถลตกลงไปในไหล่ทางบริเวณหัวสะพานห่างจากข้างลำห้วยเล็กน้อย ถือว่ายังโชคดีเพราะหากรถพุ่งชนแล้วตกลงไปในลำห้วยอาจมีความเสียหายเกิดกับผู้โดยสารมากกว่านี้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาต่อนายชัยวัฒน์ว่าขับรถโดยประมาททำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และจะนำตัวไปตรวจวัดมีแอลกอฮอล์ในเลือดด้วยหรือไม่ ขณะผู้โดยสารที่ตกค้างในที่เกิดเหตุ บริษัท นครชัยแอร์ได้ส่งรถตู้มารับนำส่งที่สถานรถโดยสารอุบลราชธานีแล้ว
นายทแกล้ว นุศรีวอ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มติดแม่น้ำ หรือที่ราบเชิงเขาที่อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากได้ ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลันจากอิทธิพลพายุมูจีแกที่กำลังเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามไว้ด้วย เพราะทำให้ภาคอีสานมีฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 4-6 ต.ค.นี้ ซึ่งหน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมีการเตรียมเครื่องมือไว้รับสถานการณ์หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันไว้แล้ว
หน่วยทหาร 20 จว.ระดมพล-เครื่องมือ
เวลา 10.30 น.วานนี้ ( 4 ต.ค.) ที่บริเวณสนามหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ตรวจความพร้อมของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ.21) เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย เช่น เรือท้องแบน เรือยนต์ ยานพาหนะ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอิทธิพลของพายุใต้ฝุ่น “มูจีแก” ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้เกิดฝนตกหนักในระหว่างวันที่ 4 ต.ค. ถึง 6 ต.ค.นี้
พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง มทภ.2 เปิดเผยว่า ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องพายุโซนร้อน “มูจีแก” ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาเป็นพายุใต้ฝุ่นจะส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยในช่วงวันที่ 4-6 ต.ค.นี้ โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนสะสมในระยะนี้
ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีความเป็นห่วงประชาชนจึงมอบนโยบายให้ทุกกองทัพภาคมีการเตรียมการเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ โดยจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาค ทั้ง 4 ภาค ให้การดูแลประชาชนและประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัดอย่างใกล้ชิด โดยมีภารกิจเช่น การอำนวยความสะดวกการจราจร , การประสานงานกับสำนักงานเขตในการระบายน้ำ, การตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงที่มีน้ำท่วมขัง , การอพยพสิ่งของของประชาชนและการสนับสนุนส่วนราชการต่างๆ ในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมการช่วยเหลือประชาชนในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัดโดยจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยประจำพื้นที่จำนวน 15 ศูนย์ ครอบคลุมทั้ง 20 จังหวัด ประสานงานร่วมกับจังหวัดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยจังหวัดและหน่วยงานของทหารจะเปิดหมายเลขโทรศัพท์ให้ประชาชนแจ้งข่าวสารและความช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ เน้นป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจและโรงพยาบาลเป็นสำคัญ
ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมานั้น อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 21 และ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองพลพัฒนาที่ 2 รับผิดชอบดูแลสนับสนุนเป็นส่วนรวม ได้เตรียมความพร้อมในที่ตั้ง โดยมีการตรวจความพร้อมในด้านกำลังพล เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย สิ่งของอุปโภคบริโภค ยานพาหนะ และบริการทางการแพทย์ เป็นต้น
"วันนี้ได้ส่งกำลังทหารเข้าไปทำกำแพงกระสอบทรายและดูการระบายน้ำของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นมาได้ เนื่องจากหากมีน้ำท่วมจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายต่อประชาชนอย่างแน่นอน"
อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศและการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิดพร้อมเก็บของขึ้นที่สูงไว้หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันจะได้รับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที.