ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แทงใจดำแบบเจ็บจี๊ดสุดๆ สำหรับข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘หมอแอร์’ ดอกไม้เหล็กแห่งวงการแพทย์ตำรวจ หมอแอร์ - พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล โฆษกและแพทย์ประจำกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ ที่โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นการเข้ารับราชการตำรวจอย่างไม่ชอบธรรม ประจวบเหมาะกับการสมัครเข้ารับราชการตำรวจของ 'ตั๊น - จิตภัสร์ กฤดากร' อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ที่โดนกระแสแอนตี้อย่างหนักจากกลุ่มผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ งานนี้จึงพากันฟันธงว่ามุ่งโจมตีสาวตั๊นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ขณะเดียวกันด้วยความที่ชนักติดหลังของคุณหมอคนสวยที่ถูกกล่าวหาเรื่องมือที่ 3 จนเป็นคดีความฟ้องร้องในฐานหมิ่นประมาทขึ้นโรงขึ้นศาล ยิ่งทวีความแรงพลันคิดไปว่าหรือเธอจะเป็นนางฟ้าซาตานกันแน่?
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ฉบับนี้ ได้สัมภาษณ์พิเศษ 'หมอแอร์' ตำรวจหญิงผู้ตั้งคำถามเรื่องชอบธรรมในการสอยดาวติดบ่าของลูกหลานคนรวย ไขข้อสงสัยในประเด็นร้อน รวมทั้งอุดมการณ์ในวิชาชีพแพทย์ตำรวจ ตลอดจนประเด็นปฏิรูปตํารวจที่ได้รับการพูดถึงอย่างหนาหู
ข้อความเกี่ยวกับการเข้ารับราชการตำรวจอย่างไม่ชอบธรรม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘หมอแอร์’ กลายเป็นประเด็นที่หลายคนเข้าใจไปเองว่าพาดพิงถึงสาวสวยหนึ่งในอดีตแกนนำ กปปส.
จริงๆ ก็อยากให้มันเงียบๆ จบๆ ไปค่ะ ก็อยากจะบอกว่าไม่มีเจตนาพาดพิงถึงใครที่เขียนเขียนไว้นานแล้ว เราก็เป็นคนทำงานเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ คนนึง ที่เราเห็นความไม่ชอบธรรมในระบบ จริงๆ แล้วเขียนส่วนตัว เขียนเองแต่ไม่ได้ตั้งใจจะเผยแพร่ เราเป็นคนชอบเขียนไงคะ และเราก็รู้ผลกระทบแหละเราจะไม่เผยแพร่ แต่ว่าอันนี้มันเกิดขึ้นผิดพลาดกับแอดมินฯ ทำให้มันหลุดออกไป ก่อนหน้าโพสต์นั้นที่โพสต์หน้าเพจจะเป็นโพสต์เรื่องการรับสมัครตำรวจ เป็นการประชาสัมพันธ์ เพราะพอดีมีคนอินบ็อกซ์ถามเยอะมากเลยว่าถ้าอยากเข้ามาเป็นตำรวจจะต้องทำอย่างไรบ้าง
คือหมอแอร์คุยกับแอดมินว่าเรื่องนี้หมอเขียนไว้เป็นปีแล้วนะ และเขาตั้งใจจะโพสต์ในชื่ออื่นที่ไม่ใช่ชื่อเพจหมอแอร์แต่ว่ามันเกิดข้อผิดพลาด กลายเป็นว่าโพสต์โดยเฟซบุ๊กเพจหมอแอร์ คือคนเป็นแอดมินจะมีหลายยูเซอร์บางทีเราโพสต์เราลืมดูว่าเราโพสต์จะโพสต์ในฐานะชื่อไหน เขาถามเอาไปโพสต์ได้ไหม? โอเคได้ แต่ทีนี้มันกลายชื่อหมอแอร์ขึ้นมาก็เลยเป็นข่าว แล้วมันไม่ได้โพสต์ในเพจใหญ่มันอยู่ในคอมเม้นต์ย่อย เป็นการแสดงความคิดเห็นกับแฟนคลับเท่านั้นเอง ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นข่าวใหญ่โต
กลายเป็นว่าทีนี้จะโพสต์อะไรต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะสามารถถูกเชื่อมโยงการเมืองได้ตลอด
ต้องบอกว่าแม้เราจะพูดอะไรที่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ความชอบธรรม ต้องยอมรับว่าคนที่เขาเป็นคอการเมืองมากๆ เขาพร้อมที่โยงหมดทุกเรื่อง พร้อมที่จะบิดหมดเลย พร้อมที่จะยัดเยียดความเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้กับคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะตัดสินใครที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ใครที่คิดเหมือนเขาเป็นฝ่ายเดียวกัน บางทีใครอะไรก็แล้วแต่เขาพูดถึงสิ่งที่ถูกต้องเรื่องหลักความชอบธรรม ก็จะบิดเบือนเป็นด้านใดด้านหนึ่ง
ประเด็นหนึ่งในโพสต์ดังกล่าว ระบุถึงกาฝากองค์กรตำรวจที่เข้ามานั่งกินภาษีประชาชน หมอแอร์เจอมากับตัวเองเลยหรือเปล่า
ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่รู้ๆ กันอยู่นะคะ แต่ว่าไม่มีใครกล้าพูด ก็เป็นสิ่งที่รู้ๆ กันอยู่ในวงการตำรวจเอง ก็คิดว่ามีทุกวงการ แต่ว่าอย่างในวงการตำรวจเองก็ไม่มีใครกล้าพูดเพราะว่าพูดแล้วก็เดี๋ยวงานเข้า พูดแล้วตัวเองก็จะได้รับผลกระทบ หลายๆ คนก็เลือกที่จะเงียบดีกว่า
สำหรับเรื่องการปฏิรูปตำรวจ หมอแอร์มองว่าควรจัดการเรื่องใดก่อน
ปฏิรูปตั้งแต่กระบวนการรับคนเข้ามา ก็น่าจะรับเข้ามาด้วยความถูกต้องชอบธรรม แล้วก็อยากให้องค์กรตำรวจเป็นองค์ที่หลุดพ้นจากกลุ่มอำนาจทางการเมือง เพราะว่าตราบใดที่เรายังขึ้นอยู่กับการเมือง ก็ยังจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มามากมาย
อุดมการณ์การทำงานในวิชาชีพแพทย์ตำรวจเป็นอย่างไร
สำหรับตัวเองก็คิดว่าทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้นแหละค่ะ แล้วก็คิดว่าถ้าเราสามารถเอาความรู้ความสามารถมาให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยเราก็ยินดี ก็งานหลายๆ อย่างที่เราก็ส่วนหนึ่งที่ทำก็คิดว่าทำแล้วใครได้ประโยชน์ สังคมได้ประโยชน์เราก็จะทำ
เป็นอาจารย์หมอให้ความรู้นักเรียนตำรวจด้วยใช่ไหม
ใช่ค่ะ อย่างของโรงพยาบาลตำรวจเราก็เป็นโรงเรียนสอนแพทย์ร่วมกับสถาบันที่ผลิตแพทย์นะคะ ไม่ว่าจะเป็นจาก มศว ประสานมิตร หรือว่าจากโรงเรียนแพทย์ทั่วประเทศที่จะส่งนักเรียนมาดูงานด้านจิตเวชและยาเสพติด ก็จะส่งมาเราก็ดูแลนักเรียนต่อ แล้วก็จะมีมีกลุ่มงานของจิตเวชและยาเสพติดเองเราก็เปิดสอนแพทย์ประจำบ้าน แพทย์ที่เขามาเรียนเชี่ยวชาญด้านจิตเวช เราก็เป็นอาจารย์สอน
ความเป็นหมอ หมอทุกคนเราก็จะถูกสอนมา เราไม่ได้เป็นหมออย่างเดียวเราต้องเป็นครูด้วย สอนให้ความรู้กับคนไข้เรื่องการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค คืออาการที่เขาเป็นเขายังปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องก็ทำให้โรคกำเริบได้ เพราะฉะนั้นกระบวนการเรียนการสอนของหมอเอง ก็จะฝึกให้เราสามารถที่จะสอนสามารถที่จะถ่ายทอดให้คนไข้ หรือว่าสอนรุ่นน้อง ระบบหมอจะเป็นระบบพี่สอนน้อง อาจารย์สอนลูกศิษย์ สอนต่อๆ กันมา
ด้วยวิชาชีพแพทย์ด้านจิตเวช น่าจะเรียกว่ารับมือกับคนได้ทุกรูปแบบเลย
ต้องบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเลยค่ะ (ยิ้ม) ในการที่รับมือกับคนทุกรูปแบบได้ เจอมาหลากหลายรูปแบบคนไข้ก็จะน่ารักค่ะ นอกเสียจากว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ไปพูดคุยกับเขาเข้าไปช่วยเขาในการที่ทำให้เขาสงบลง อย่างกรณีคนอื่นๆ ก็ถ้ามีใครแรงมาเราก็จะไม่ใช่ความรุนแรงโต้ตอบกลับ เราก็จะใช้ความนิ่งสงบ จะพูดคุยด้วยเหตุผลมากกว่า ก็สำหรับตัวเองเชื่อว่าตัวเองเป็นคนควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีนะคะ รับรองว่าไม่มีอาการแบบว่าจะไปตบกับใคร (หัวเราะอย่างอารมณ์ดี)
ที่ผ่านมาหมอแอร์ตกเป็นจำเลยสังคม กรณีไฮโซสาวกล่าวหาว่าเป็นมือที่ 3 ถึงขั้นฟ้องร้อง ช่วยเล่าถึงประเด็นนี้หน่อยได้ไหม
ตอนแรกก็รู้สึกตกใจค่ะ รู้สึกว่าเราก็อยู่ของเราดีๆ เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน แล้วอยู่ดีๆ เราก็ตกเป็นจำเลยสังคมเป็นมือที่ 3 เป็นคู่กรณีแย่งคนอื่น ตอนแรกก็ต้องบอกว่าเครียด ก็แบบใช้สติ และก็คิดทบทวน เราก็ยึดมั่นในความดีของเรา เชื่อว่าความที่เราทำสะสมมาจะเป็นเกราะป้องกันตัวเรา
เลือกดำเนินคดีทางกฎหมาย แน่นอนว่าเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของศาล
คือต้องบอกว่าเป็นการปกป้องตัวเอง ปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรีที่เราถูกละเมิด ความจริงแล้วคือตัวเองถูกกล่าวหาในหลายๆ ประเด็นซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย ก็เลยต้องดำเนินการ เพื่อปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรีของตัวเอง
ดูเหมือนว่าคนที่ไม่เรื่องรู้ราวมาก่อน พอรับข้อมูลข่าวสารอะไรไปแล้วก็เลือกจะเชื่ออย่างนั้น เลือกจะเชื่อว่าหมอแอร์เป็นคนไม่ดี
เป็นเรื่องธรรมดาเลยหละ เพราะว่าคนเราพร้อมที่จะเชื่อข้อมูลด้านลบด้านที่ไม่ดี พร้อมที่จะเชื่อได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ด้านที่ดียากที่เชื่อ ก็ต้องทำใจค่ะ เพราะว่าเราไม่สามารถคุมความคิดของคนอื่นได้ ซึ่งต้องบอกว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นเสียชื่อเสียมากเลย อย่างบางคนได้ยินไปแล้ว เชื่อไปแล้ว เขาก็ปักใจอย่างนั้นไปแล้วเราก็เปลี่ยนใจได้ยาก เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องออกมาปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรีของตัวเอง เชื่อว่าเมื่อคดีสิ้นสุดก็จะเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเราได้ เหมือนล้างมลทินให้กับเรา
กล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่าหมอแอร์ใช้ความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นแพทย์ตำรวจ
ค่ะ ยืนยันค่ะ ว่ามาด้วยความรู้ความสามารถด้านจิตเวช เป็นเด็กบ้านนอก พ่อแม่ก็อยู่บ้านนอก เราไม่ได้มีญาติเป็นข้าราชการเป็นตำรวจอะไรเลย แต่ว่าบางคนอาจจะดูว่าเราโตเร็ว คือไม่ได้โตเร็วนะคะ เราอายุมากแล้ว แต่ว่าหน้าดูเด็ก ตอนได้เป็น พันตำรวจโท ก็ไม่ได้เร็วถ้าเทียบกับอายุและก็อายุราชการ พอดีว่ารับราชการมาตั้งแต่เรียนจบหมอใหม่ๆ เลยค่ะ แล้วพอลาออกมาแล้วกลับมารับราชการเขาก็จะเทียบอายุราชการให้และเทียบยศให้ ตอนนั้นเทียบยศอายุราชการ 6 ปี ก็เทียบได้เป็น พันตำรวจตรี พอครองยศ 3 ปี ก็ขึ้นเป็นพันตำรวจโท คือต้องบอกว่าสายการแพทย์มันเป็นระบบการเลื่อนขั้นเมื่อเราทำงานครบส่งผลงานเราก็จะได้ขึ้น ค่ะ เพราะฉะนั้นถึงเราจะทำงานเยอะ หรือว่าจะเส้นสายใหญ่อย่างไร มันก็จะต้องรอให้ครบเวลาถึงจะได้ขึ้น ก็ยืนยันค่ะ ว่าเราทำงานมาถึงจุดนี้ด้วยความสามารถของตัวเอง
มีช่วงหนึ่งไปทำงานโรงพยาบาลเอกชนแต่ก็กลับเข้ามารับราชการเป็นแพทย์ตำรวจ
ตอนแรกอยู่กรมสุขภาพจิตฯ แล้วก็ลาออกไปอยู่ โรงพยาบาลเอกชน ไปค้นหาตัวเองก็ค้นพบว่าเรารักทำงานราชการมากกว่า ก็หาโรงพยาบาลของรัฐที่มีตำแหน่งจิตแพทย์ว่าง ก็ดูหลายที่ค่ะ แล้วก็พบว่าที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่าง ก็เลยเข้ามาทำงาน มาเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่โรงพยาบาลตำรวจแล้วก็รอการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งตอนนั้นจากที่เราอยู่โรงพญาบาลเอกชน เงินเดือน 6 หลัก เราต้องมาเป็นลูกจ้างเงินเดือน หมื่นกว่าบาท แล้วก็รอบรรจุไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้บรรจุ แต่ก็แบบลองดู (ยิ้ม)
สำหรับภาพลักษณ์ของตำรวจดูเหมือนประชาชนจำนวนมากยังมองไม่สู่ดีนักเพราะข่าวคร่าวต่างๆ นานา ในฐานะที่หมอแอร์ก็เป็นตำรวจคนหนึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไร
คือตำรวจดีๆ ก็มีเยอะนะคะ แต่ว่าเขาอาจไม่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุน คือเขาทำดีแล้วอาจไม่ได้มาประกาศว่าเขาทำดีนะ อาชีพตำรวจก็เหมือนหมอ ช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก คือคนเดือดร้อนก็ไม่รู้จะพึ่งใครก็พึ่งตำรวจ โจรขึ้นบ้าน หรือว่าข้างบ้านเสียงดัง ไม่รู้จะแจ้งใครก็แจ้งตำรวจ จริงๆ แล้วตำรวจดีๆ ก็มีเยอะ ต้องบอกว่าบางทีก็น่าเห็นใจตำรวจไทยนะคะ ถูกเกลียดถูกไม่ชอบทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่เขาเป็นตำรวจเขาก็โดนเกลียดแล้ว หมอแอร์คิดว่าแทนที่จะมาด่ามาซ้ำเติม มาให้กำลังใจซึ่งกันและกันดีกว่า ทุกวิชาชีพมีทั้งคนดีคนไม่มี ในสังคมก็มีปะปนกันไป ตำรวจดีก็มีเยอะค่ะ
ภาพโดย ธัชกร กิจไชยภณ