ผบ.ตร.ไม่ยืนยัน “อาเดม” เป็นชายเสื้อเหลืองวางบึ้มราชประสงค์ตามคำสารภาพ ย้ำต้องมีพยานหลักฐานมัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด เผยให้การไม่ตรงแต่ละวัน ด้าน ผบช.น.ขอให้ดูวัตถุพยาน-หลักฐานมากกว่าคำสารภาพ "บิ๊กป้อม" ก็ยังไม่เชื่อ รอการสอบสวนของตำรวจก่อน ระบุผู้ต้องหาที่มาเลย์จับได้ ไม่น่าเอี่ยวเหตุโยงบึ้ม คสช.แถลงขอสื่อระวังอย่าด่วนสรุป
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่า นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาในคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ที่ถูกจับกุมได้ที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ยอมสารภาพว่าตนคือชายเสื้อเหลืองผู้วางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ยังไม่อยากให้สรุปว่ากระแสข่าวดังกล่าวเป็นความจริงจนกว่าจะมีพยานหลักฐานที่สอดคล้อง เนื่องจากตั้งแต่จับกุมตัวนายอาเดม เมื่อตำรวจสอบปากคำแต่ละครั้ง นายอาเดมให้การไม่ตรงกัน จึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ได้หลักฐานที่แน่ชัดจนสามารถมัดตัวว่านายอาเดมคือชายเสื้อเหลืองจริง ตนจึงจะสามารถออกมาพูดยืนยันได้ชัดเจน
“นับตั้งแต่ควบคุมตัวนายอาเดม ชุดสืบสวนสอบสวนมีความมั่นใจว่านายอาเดมน่าจะเป็นคนวางระเบิด แต่ด้วยรูปร่างจากกล้องซีซีทีวี ไม่ว่าจะผมยาว ใส่แว่นหนา หรือกิริยาท่าทาง ทำให้ไม่สามารถสรุปได้จนกว่าจะมีหลักฐานต่างๆ ในหลายๆ แบบมายันว่าเป็นนายอาเดมจริง จนนายอาเดมไม่สามารถปฏิเสธได้ ณ วันนี้ ถ้าจะให้สรุปว่านายอาเดมคือชายเสื้อเหลืองก็ยังไม่กล้าที่จะสรุป เพราะจากการสอบปากคำนายอาเดมวันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง หากผมพูดไปแล้วสื่อมวลชนนำไปเสนอตามที่พูด แล้วหากนายอาเดมเปลี่ยนคำให้การอีกก็จะเสียหายทั้งทางผมและทางสื่อมวลชนที่นำเสนอ” ผบ.ตร.กล่าว
“บิ๊กอ๊อด” ไม่กล้าคอนเฟิร์ม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าแนวทางการสืบสวนสอบสวนทุกอย่างดำเนินการมาถูกทางตั้งแต่ต้นแล้ว โดยเห็นได้จากการที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการ และสามารถควบคุมผู้ต้องหาคนสำคัญได้จนนำไปสู่การขยายผลที่เป็นประโยชน์ก่อนที่จะนำระเบิดไปก่อเหตุอีกหลายจุด ซึ่งก็คาดหวังว่าจากนี้จะนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาได้ทั้งหมด เพียงแต่เราคาดหวังว่าเราจะสามารถจับได้ทั้งขบวนการหรือไม่ เพราะเราต้องการจับทุกคน ไม่ใช่แค่เสื้อเหลืองคนเดียวมาลงโทษได้
“ ผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ถือว่าเก่ง เวลาให้การจะตัดตอนแค่ตัวเรื่องของตัวเองไม่พูดถึงคนอื่น จะอ้างว่าไม่รู้จักซึ่งถือเป็นเทคนิค แต่หากเราสามารถหาพยานหลักฐานมาระบุได้ว่าไม่รู้จักได้อย่างไร เมื่อรุปถ่ายปรากฏว่ามีการยืนคุยกัน หลักฐานลักษณะนี้ทำให้ผู้ต้องหาไปไม่เป็น” ผบ.ตร. ระบุ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวด้วยว่า หากจะสรุปอะไรลงไป ไม่สามารถใช้พยานหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ แม้แต่คำให้การของผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย หรือพยานก็ยังไม่สามารถสรุป ทุกอย่างอาจจะฟังไว้ได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องเอาพยานหลักฐานต่างๆ มาประกอบกัน ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้บอกว่านายอาเดมรับสารภาพว่าเป็นชายเสื้อเหลือง และไม่ยืนยันว่านายอาเดมเป็นชายเสื้อเหลืองหรือไม่ จะพูดได้ก็ต่อเมื่อชัดเจนแล้ว เนื่องจากหากพูดไปแล้วเสื่อมเสียต่อองค์กร
"ศรีวราห์" ขอให้ดูพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชากำารตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า เคยมาให้ปากคำพนักงานสอบสวนครั้งหนึ่งแล้วตอนที่เจ้าหน้าที่ทหารส่งตัวมาให้สอบสวน การเข้าไปพบผู้ต้องหาครั้งนี้จะเป็นการให้ชุดสืบสวนเข้าไปสืบสวน ซึ่งยังไม่ใช่ขั้นตอนของพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายอาเดมครั้งแรกนั้น มีความชัดเจนในเรื่องของวัตถุที่ใช้ทำระเบิดยอมรับว่าเป็นเจ้าของวัตถุระเบิด ส่วนจะเป็นชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดหรือไม่นั้น ต้องมีพยานมานำสืบจนสิ้นสงสัย จึงจะลงโทษได้ แค่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำเอง แต่ถ้าหลักฐานอื่นไม่มีมันก็ใช้ไม่ได้
“แม้ว่าเขายอมรับว่าเป็นชายเสื้อเหลือง ตำรวจก็ยังไม่เชื่อจนกว่าจะมีพยานหลักฐานชัดเจน ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่า นายอาเดมรับสารภาพว่า เป็นชายเสื้อเหลืองจริงหรือไม่ ต้องให้ชุดสืบสวนเข้าไปคุยและซักถามก่อน” พล.ต.ท.ศรีวราห์ ระบุ
"บิ๊กป้อม" ก็ไม่เชื่อคำสารภาพ
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ ให้เกิดความชัดเจนก่อนแล้วจะมีการชี้แจงภายหลัง เพราะใครก็สารภาพได้ แต่จะจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ ยังต้องใช้พยานหลักฐานที่ชัดเจน หากพูดมากไปจะไขว้เขว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และยังต้องโยงและชี้จุดเครือข่าย แค่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำ คงไม่ใช่ ส่วนการประสานงานกับทางการมาเลเซียดูแล้วว่าคงไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไร ก็คงจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์มากกว่า แต่จะไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ก็ยังไม่ชัดเจน เพียงแต่ที่ผ่านมาใช้คำว่าน่าจะเท่านั้น แต่เรื่องของการวางระเบิดจะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะที่ออกหมายจับไป มีทั้งคนไทยและต่างชาติหลายคน ต้องสอบสวนให้เกิดความชัดเจนและมีพยานเท่านั้น จึงจะตอบอะไรได้ แต่หากคนที่ทางการมาเลเซียควบคุมตัว เป็นผู้ร้ายจริงก็สามารถประสานขอตัวมาดำเนินคดีที่ไทยได้
คสช.วอนสื่ออย่าด่วนสรุป
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงว่า การติดตามสืบสวนคดียังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับชายไม่ทราบชื่อและสัญชาติ แต่สามารถพูดภาษาไทยได้ ผิวขาว อายุ 30 ปี สูงประมาณ 171 เซ็นติเมตร ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย การออกหมายจับครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ชายคนดังกล่าวไปเลือกซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดที่ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เขตคลองเตย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับของกลาง วัสดุประกอบระเบิด ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ตเม้นท์ เขตหนองจอกด้วย นับเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคนที่ 15 สำหรับการสอบสวนผู้ต้องหา 2 รายที่ถูกควบคุมตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า ผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบในการจัดทำสำนวนคดี ให้มีความถูกต้องรัดกุม และมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป
“ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจ และติดตามความคืบหน้าในคดีนี้ อาจรับฟังการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของคดี แต่ไม่ควรด่วนสรุปเชื่อไปตามที่มีการวิเคราะห์ จนกว่าศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช.จะชี้แจงเป็นทางการ รวมถึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏข้อมูลใหม่ๆที่ยังไม่เป็นทางการ เพราะอาจถูกนำไปอ้างอิงและเผยแพร่ต่อ ซึ่งหากในภายหลัง ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับข้อมูลที่เร่งนำเสนอออกไป จะเป็นการสร้างความสับสน รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้” พ.อ.วินธัย กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่า นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาในคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ที่ถูกจับกุมได้ที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ยอมสารภาพว่าตนคือชายเสื้อเหลืองผู้วางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ยังไม่อยากให้สรุปว่ากระแสข่าวดังกล่าวเป็นความจริงจนกว่าจะมีพยานหลักฐานที่สอดคล้อง เนื่องจากตั้งแต่จับกุมตัวนายอาเดม เมื่อตำรวจสอบปากคำแต่ละครั้ง นายอาเดมให้การไม่ตรงกัน จึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ได้หลักฐานที่แน่ชัดจนสามารถมัดตัวว่านายอาเดมคือชายเสื้อเหลืองจริง ตนจึงจะสามารถออกมาพูดยืนยันได้ชัดเจน
“นับตั้งแต่ควบคุมตัวนายอาเดม ชุดสืบสวนสอบสวนมีความมั่นใจว่านายอาเดมน่าจะเป็นคนวางระเบิด แต่ด้วยรูปร่างจากกล้องซีซีทีวี ไม่ว่าจะผมยาว ใส่แว่นหนา หรือกิริยาท่าทาง ทำให้ไม่สามารถสรุปได้จนกว่าจะมีหลักฐานต่างๆ ในหลายๆ แบบมายันว่าเป็นนายอาเดมจริง จนนายอาเดมไม่สามารถปฏิเสธได้ ณ วันนี้ ถ้าจะให้สรุปว่านายอาเดมคือชายเสื้อเหลืองก็ยังไม่กล้าที่จะสรุป เพราะจากการสอบปากคำนายอาเดมวันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง หากผมพูดไปแล้วสื่อมวลชนนำไปเสนอตามที่พูด แล้วหากนายอาเดมเปลี่ยนคำให้การอีกก็จะเสียหายทั้งทางผมและทางสื่อมวลชนที่นำเสนอ” ผบ.ตร.กล่าว
“บิ๊กอ๊อด” ไม่กล้าคอนเฟิร์ม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าแนวทางการสืบสวนสอบสวนทุกอย่างดำเนินการมาถูกทางตั้งแต่ต้นแล้ว โดยเห็นได้จากการที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการ และสามารถควบคุมผู้ต้องหาคนสำคัญได้จนนำไปสู่การขยายผลที่เป็นประโยชน์ก่อนที่จะนำระเบิดไปก่อเหตุอีกหลายจุด ซึ่งก็คาดหวังว่าจากนี้จะนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาได้ทั้งหมด เพียงแต่เราคาดหวังว่าเราจะสามารถจับได้ทั้งขบวนการหรือไม่ เพราะเราต้องการจับทุกคน ไม่ใช่แค่เสื้อเหลืองคนเดียวมาลงโทษได้
“ ผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ถือว่าเก่ง เวลาให้การจะตัดตอนแค่ตัวเรื่องของตัวเองไม่พูดถึงคนอื่น จะอ้างว่าไม่รู้จักซึ่งถือเป็นเทคนิค แต่หากเราสามารถหาพยานหลักฐานมาระบุได้ว่าไม่รู้จักได้อย่างไร เมื่อรุปถ่ายปรากฏว่ามีการยืนคุยกัน หลักฐานลักษณะนี้ทำให้ผู้ต้องหาไปไม่เป็น” ผบ.ตร. ระบุ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวด้วยว่า หากจะสรุปอะไรลงไป ไม่สามารถใช้พยานหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ แม้แต่คำให้การของผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย หรือพยานก็ยังไม่สามารถสรุป ทุกอย่างอาจจะฟังไว้ได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องเอาพยานหลักฐานต่างๆ มาประกอบกัน ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้บอกว่านายอาเดมรับสารภาพว่าเป็นชายเสื้อเหลือง และไม่ยืนยันว่านายอาเดมเป็นชายเสื้อเหลืองหรือไม่ จะพูดได้ก็ต่อเมื่อชัดเจนแล้ว เนื่องจากหากพูดไปแล้วเสื่อมเสียต่อองค์กร
"ศรีวราห์" ขอให้ดูพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชากำารตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า เคยมาให้ปากคำพนักงานสอบสวนครั้งหนึ่งแล้วตอนที่เจ้าหน้าที่ทหารส่งตัวมาให้สอบสวน การเข้าไปพบผู้ต้องหาครั้งนี้จะเป็นการให้ชุดสืบสวนเข้าไปสืบสวน ซึ่งยังไม่ใช่ขั้นตอนของพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายอาเดมครั้งแรกนั้น มีความชัดเจนในเรื่องของวัตถุที่ใช้ทำระเบิดยอมรับว่าเป็นเจ้าของวัตถุระเบิด ส่วนจะเป็นชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดหรือไม่นั้น ต้องมีพยานมานำสืบจนสิ้นสงสัย จึงจะลงโทษได้ แค่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำเอง แต่ถ้าหลักฐานอื่นไม่มีมันก็ใช้ไม่ได้
“แม้ว่าเขายอมรับว่าเป็นชายเสื้อเหลือง ตำรวจก็ยังไม่เชื่อจนกว่าจะมีพยานหลักฐานชัดเจน ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่า นายอาเดมรับสารภาพว่า เป็นชายเสื้อเหลืองจริงหรือไม่ ต้องให้ชุดสืบสวนเข้าไปคุยและซักถามก่อน” พล.ต.ท.ศรีวราห์ ระบุ
"บิ๊กป้อม" ก็ไม่เชื่อคำสารภาพ
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ ให้เกิดความชัดเจนก่อนแล้วจะมีการชี้แจงภายหลัง เพราะใครก็สารภาพได้ แต่จะจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ ยังต้องใช้พยานหลักฐานที่ชัดเจน หากพูดมากไปจะไขว้เขว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และยังต้องโยงและชี้จุดเครือข่าย แค่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำ คงไม่ใช่ ส่วนการประสานงานกับทางการมาเลเซียดูแล้วว่าคงไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไร ก็คงจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์มากกว่า แต่จะไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ก็ยังไม่ชัดเจน เพียงแต่ที่ผ่านมาใช้คำว่าน่าจะเท่านั้น แต่เรื่องของการวางระเบิดจะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะที่ออกหมายจับไป มีทั้งคนไทยและต่างชาติหลายคน ต้องสอบสวนให้เกิดความชัดเจนและมีพยานเท่านั้น จึงจะตอบอะไรได้ แต่หากคนที่ทางการมาเลเซียควบคุมตัว เป็นผู้ร้ายจริงก็สามารถประสานขอตัวมาดำเนินคดีที่ไทยได้
คสช.วอนสื่ออย่าด่วนสรุป
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงว่า การติดตามสืบสวนคดียังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับชายไม่ทราบชื่อและสัญชาติ แต่สามารถพูดภาษาไทยได้ ผิวขาว อายุ 30 ปี สูงประมาณ 171 เซ็นติเมตร ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย การออกหมายจับครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ชายคนดังกล่าวไปเลือกซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดที่ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เขตคลองเตย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับของกลาง วัสดุประกอบระเบิด ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ตเม้นท์ เขตหนองจอกด้วย นับเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคนที่ 15 สำหรับการสอบสวนผู้ต้องหา 2 รายที่ถูกควบคุมตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า ผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบในการจัดทำสำนวนคดี ให้มีความถูกต้องรัดกุม และมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป
“ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจ และติดตามความคืบหน้าในคดีนี้ อาจรับฟังการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของคดี แต่ไม่ควรด่วนสรุปเชื่อไปตามที่มีการวิเคราะห์ จนกว่าศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช.จะชี้แจงเป็นทางการ รวมถึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏข้อมูลใหม่ๆที่ยังไม่เป็นทางการ เพราะอาจถูกนำไปอ้างอิงและเผยแพร่ต่อ ซึ่งหากในภายหลัง ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับข้อมูลที่เร่งนำเสนอออกไป จะเป็นการสร้างความสับสน รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้” พ.อ.วินธัย กล่าว