ASTV ผู้จัดการรายวัน - สืบพยานโจทก์นัดแรก คดี “สรยุทธ -ไร่ส้ม” เบี้ยวค่าโฆษณา อสมท 136 ล้าน พยานยกสัญญามัด “ไร่ส้ม” ต้องแจ้งเมื่อรู้ว่ามีโฆษณาเกิน ด้านนักเล่าข่าวชื่อดังยันจะมาศาลทุกนัด อยากฟังรายละเอียดด้วยตัวเอง
ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก คดีหมายเลขดำ อ.313/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ.อสมท), บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (บจก.ไร่ส้ม) โดย น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง และกรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลย 1-4 ในความผิดฐาน ในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว จากกรณีที่ นางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บจก.ไร่ส้ม ระหว่างวันที่ 4 ก.พ.48 - 28 เม.ย.49 ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท และนางพิชชาภายังได้เรียกรับเอาเงิน 658,996 บาท จากจำเลยที่ 2-4 เพื่อเป็นการตอบแทนด้วย
โดยวันนี้ อัยการโจทก์ นำ นายสิทธิศักดิ์ เอกพจน์ อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท และนายพลชัย วินิจฉัยกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บจม.อสมท มาเป็นพยานเบิกความ ขณะที่ นายสรยุทธ ได้เดินทางมาที่ศาลเพื่อร่วมรับฟังการสืบพยานโจทก์ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสิทธิศักดิ์ ได้เบิกความโดยมีสาระสำคัญว่า การผลิตรายการของ อสมท กับบริษัทเอกชนจะต้องมีใบคิวจองโฆษณาส่งมาที่ อสมท และเมื่อมีการออกอากาศโฆษณาแล้วจะส่งผลเวลาที่ออกอากาศ กลับมาให้สำนักกลยุทธ์การตลาดของ อสมท ตรวจสอบก่อนเรียกเก็บเงินค่าออกอากาศ ซึ่ง บจก.ไร่ส้ม ได้เซ็นสัญญาโฆษณาไว้กับ อสมท จึงควรจะทราบว่า หากมีการโฆษณาที่เป็นส่วนเกินเวลาจะต้องแจ้งและมาชำระเงินค่าส่วนต่างให้กับ อสมท ตามที่ระบุไว้ในสัญญา เพราะในใบคิวจะแสดงถึงรายละเอียดต่างๆว่าโฆษณากี่วินาที ราคากี่บาท และกำหนดว่าในช่วงรายการนั้นจะออกอากาศโฆษณาได้กี่นาที
ขณะที่ นายพลชัย เบิกความว่า เมื่อปี 2547 - 2549 พยานดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการใหญ่ บจม.อสมท ดูแลเรื่องกฎหมาย และก็เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งการผลิตรายการของ อสมท นั้นมีหลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่เซ็นสัญญากับ บจก.ไร่ส้มนั้น เป็นการแบ่งรายได้การโฆษณาในรายการโทรทัศน์ครึ่งต่อครึ่ง โดยเวลาออกอากาศ 1 ชั่วโมงสามารถโฆษณาได้เป็นเวลา 12 นาที 30 วินาที ซึ่งในเวลา 12 นาที 30 วินาทีนั้น จะแบ่งให้เวลาโฆษณาเป็นสิทธิของสถานีอย่างเดียว 2 นาที 30 วินาที ส่วนเวลาอีก 10 นาทีจะต้องแบ่งให้ บมจ.อสมท 5 นาที โดย 5 นาทีที่เหลือจะเป็นเวลาออกอากาศโฆษณาของ บจก.ไร่ส้มซึ่งหากมีการโฆษณาเกินเวลาจาก 5 นาที ดังกล่าว บจก.ไร่ส้มต้องยินยอมจ่ายเงินค่าโฆษณาส่วนของค่าโฆษณาที่เกินเวลาทั้งหมด
นายสรยุทธ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภายหลังรับฟังการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นเพียงสั้นๆว่า ไม่มีความกังวลใดๆ ในเรื่องของคดีความ เพราะต้องว่าไปตามพยานหลักฐานและกระบวนการยุติธรรม โดยยืนยันว่า จะเดินทางมาฟังการสืบพยานทุกครั้ง เนื่องจากอยากจะฟังรายละเอียดต่างๆด้วยตนเอง
ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก คดีหมายเลขดำ อ.313/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ.อสมท), บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (บจก.ไร่ส้ม) โดย น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง และกรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลย 1-4 ในความผิดฐาน ในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว จากกรณีที่ นางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บจก.ไร่ส้ม ระหว่างวันที่ 4 ก.พ.48 - 28 เม.ย.49 ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท และนางพิชชาภายังได้เรียกรับเอาเงิน 658,996 บาท จากจำเลยที่ 2-4 เพื่อเป็นการตอบแทนด้วย
โดยวันนี้ อัยการโจทก์ นำ นายสิทธิศักดิ์ เอกพจน์ อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท และนายพลชัย วินิจฉัยกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บจม.อสมท มาเป็นพยานเบิกความ ขณะที่ นายสรยุทธ ได้เดินทางมาที่ศาลเพื่อร่วมรับฟังการสืบพยานโจทก์ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสิทธิศักดิ์ ได้เบิกความโดยมีสาระสำคัญว่า การผลิตรายการของ อสมท กับบริษัทเอกชนจะต้องมีใบคิวจองโฆษณาส่งมาที่ อสมท และเมื่อมีการออกอากาศโฆษณาแล้วจะส่งผลเวลาที่ออกอากาศ กลับมาให้สำนักกลยุทธ์การตลาดของ อสมท ตรวจสอบก่อนเรียกเก็บเงินค่าออกอากาศ ซึ่ง บจก.ไร่ส้ม ได้เซ็นสัญญาโฆษณาไว้กับ อสมท จึงควรจะทราบว่า หากมีการโฆษณาที่เป็นส่วนเกินเวลาจะต้องแจ้งและมาชำระเงินค่าส่วนต่างให้กับ อสมท ตามที่ระบุไว้ในสัญญา เพราะในใบคิวจะแสดงถึงรายละเอียดต่างๆว่าโฆษณากี่วินาที ราคากี่บาท และกำหนดว่าในช่วงรายการนั้นจะออกอากาศโฆษณาได้กี่นาที
ขณะที่ นายพลชัย เบิกความว่า เมื่อปี 2547 - 2549 พยานดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการใหญ่ บจม.อสมท ดูแลเรื่องกฎหมาย และก็เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งการผลิตรายการของ อสมท นั้นมีหลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่เซ็นสัญญากับ บจก.ไร่ส้มนั้น เป็นการแบ่งรายได้การโฆษณาในรายการโทรทัศน์ครึ่งต่อครึ่ง โดยเวลาออกอากาศ 1 ชั่วโมงสามารถโฆษณาได้เป็นเวลา 12 นาที 30 วินาที ซึ่งในเวลา 12 นาที 30 วินาทีนั้น จะแบ่งให้เวลาโฆษณาเป็นสิทธิของสถานีอย่างเดียว 2 นาที 30 วินาที ส่วนเวลาอีก 10 นาทีจะต้องแบ่งให้ บมจ.อสมท 5 นาที โดย 5 นาทีที่เหลือจะเป็นเวลาออกอากาศโฆษณาของ บจก.ไร่ส้มซึ่งหากมีการโฆษณาเกินเวลาจาก 5 นาที ดังกล่าว บจก.ไร่ส้มต้องยินยอมจ่ายเงินค่าโฆษณาส่วนของค่าโฆษณาที่เกินเวลาทั้งหมด
นายสรยุทธ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภายหลังรับฟังการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นเพียงสั้นๆว่า ไม่มีความกังวลใดๆ ในเรื่องของคดีความ เพราะต้องว่าไปตามพยานหลักฐานและกระบวนการยุติธรรม โดยยืนยันว่า จะเดินทางมาฟังการสืบพยานทุกครั้ง เนื่องจากอยากจะฟังรายละเอียดต่างๆด้วยตนเอง