ศาลสั่งรวมสำนวนคดี บ.ไร่ส้ม เบี้ยวจ่ายค่าโฆษณา อสมท กับคดี ฟ้อง “พิชชาภา” พนักงานจัดคิวโฆษณา หลังเพิ่งได้ตัวมาฟ้อง และให้เลื่อนนัดตรวจหลักฐานไป 8 มิ.ย.นี้ เหตุทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่น
ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 เม.ย.) ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.313/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 1. น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม 2. นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 49 ปี พิธีกรชื่อดัง และ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และ 3. น.ส.มณฑา ธีระเดช อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายมาตรา 83, 86, และ 91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ม.6, 8 และ 11 สืบเนื่องจากกรณี เมื่อระหว่างวันที่ 4 ก.พ. 2548 - 28 เม.ย. 2549 พวกจำเลย มอบเช็คสั่งจ่ายเงิน จำนวน 658,996 บาท ให้นางพิชชาภา หรือนางชนาภา หรือนางสุภัสชา เอี่ยมสะอาด หรือบุญโต พนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อไม่ให้ไม่เรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลาของรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท
เมื่อถึงเวลานัด นายสรยุทธ, ผู้แทน บจก.ไร่ส้ม และอัยการโจทก์เดินทางมาศาล รวมทั้งนางพิชชาภา ที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำ อ.342/2558 เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต
โดยอัยการโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรวมสำนวนคดี เนื่องจากคดีมีพฤติการณ์เกี่ยวพันกัน และมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ขณะที่คู่ความได้แถลงต่อศาลหากอนุญาตรวมสำนวนคดีขอให้เรียกนางพิชชาภา จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.342/2558 เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยทั้งสามในคดีหมายเลขดำ อ.313/2558 เป็นจำเลยที่ 2-4 ตามลำดับ เพื่อสะดวกในการพิจารณาคดีและให้เหมาะสมตามพฤติการณ์ในสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ที่กล่าวหาและยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามในคดีหมายเลขดำ อ.313/2558 ฐานเป็นผู้สนับสนุนนางพิชชาภา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ศาลพิจารณาและสอบถามคู่ความแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้รวมสำนวนพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยให้นางพิชชาภาเป็นจำเลยที่ 1 บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 2, นายสรยุทธ เป็นจำเลยที่ 3 และ น.ส.มณฑา เป็นจำเลยที่ 4 ขณะเดียวกัน ทนายความฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้เลื่อนนัดพร้อมประชุมคดีและตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากทนายติดว่าความในคดีอื่นซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้นัดประชุมคดีและตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 เม.ย.) ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.313/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 1. น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม 2. นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 49 ปี พิธีกรชื่อดัง และ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และ 3. น.ส.มณฑา ธีระเดช อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายมาตรา 83, 86, และ 91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ม.6, 8 และ 11 สืบเนื่องจากกรณี เมื่อระหว่างวันที่ 4 ก.พ. 2548 - 28 เม.ย. 2549 พวกจำเลย มอบเช็คสั่งจ่ายเงิน จำนวน 658,996 บาท ให้นางพิชชาภา หรือนางชนาภา หรือนางสุภัสชา เอี่ยมสะอาด หรือบุญโต พนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อไม่ให้ไม่เรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลาของรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท
เมื่อถึงเวลานัด นายสรยุทธ, ผู้แทน บจก.ไร่ส้ม และอัยการโจทก์เดินทางมาศาล รวมทั้งนางพิชชาภา ที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำ อ.342/2558 เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต
โดยอัยการโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรวมสำนวนคดี เนื่องจากคดีมีพฤติการณ์เกี่ยวพันกัน และมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ขณะที่คู่ความได้แถลงต่อศาลหากอนุญาตรวมสำนวนคดีขอให้เรียกนางพิชชาภา จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.342/2558 เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยทั้งสามในคดีหมายเลขดำ อ.313/2558 เป็นจำเลยที่ 2-4 ตามลำดับ เพื่อสะดวกในการพิจารณาคดีและให้เหมาะสมตามพฤติการณ์ในสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ที่กล่าวหาและยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามในคดีหมายเลขดำ อ.313/2558 ฐานเป็นผู้สนับสนุนนางพิชชาภา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ศาลพิจารณาและสอบถามคู่ความแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้รวมสำนวนพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยให้นางพิชชาภาเป็นจำเลยที่ 1 บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 2, นายสรยุทธ เป็นจำเลยที่ 3 และ น.ส.มณฑา เป็นจำเลยที่ 4 ขณะเดียวกัน ทนายความฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้เลื่อนนัดพร้อมประชุมคดีและตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากทนายติดว่าความในคดีอื่นซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้นัดประชุมคดีและตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.