ASTVผู้จัดการรายวัน - สำนักงานกิจการฮัจญ์ ณ เมืองมักกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ยันพบหญิงไทยเสียชีวิต 1 ราย พบเดินทางไปแสวงบุญพร้อมกับสามีและหลาน ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บมี 2 ราย กระทรวงวัฒนธรรมเร่งช่วยเหลือ ขณะที่กษัตริย์ซาอุฯ ทรงเยี่ยมเหยื่อเครนถล่ม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) ได้รายงานความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์อุบัติเหตุเครนก่อสร้างล้มในบริเวณมัสยิดอัลหะรอม นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากเกิดพายุฝนและมีลมกรรโชกแรง โดยประสานงานกับสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีการออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 กรณีพบผู้แสวงบุญชาวไทยเสียชีวิตจากเหตุเครนก่อสร้างล้มในบริเวณมัสยิดอัลหะรอมถล่มทับผู้แสวงบุญ โดยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล มุอัยซิม พบมีผู้เสียชีวิตคนไทย 1 ราย คือ นางวนิดา สะดี อายุ 48 ปี ถือหนังสือเดินทาง AA2463451 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ้านเลขที่ 575/159 ซ.เพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร สังกัดห้างหุ้นส่วน เอส.ดับลิว.เปอร์นิก้า ปัตตานี
ทั้งนี้ สำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยได้ประสานไปยังญาติผู้เสียชีวิต และทางการซาอุดิอาระเบียเพื่อดำเนินการเรื่องใบมรณะบัตรและการทำพิธีฝังศพตามศาสนาต่อไป
"จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า นางวนิดาได้เดินทางไปแสวงบุญพร้อมกับสามีและหลาน ซึ่งศน.กำลังประสานแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตที่จังหวัดปัตตานีทราบ เพราะไม่มีญาติอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงมอบหมายให้วัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี เดินทางไปพบญาติเพื่อแจ้งข้อมูล และร่วมแสดงความเสียใจด้วย" รมว.วัฒนธรรม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังมีผู้แสวงบุญชาวไทยอีก 2 ราย ที่สูญหายจากเหตุการณ์เครนถล่ม ทางสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และศน จะเร่งประสานกับทางการซาอุดิอาระเบีย เพื่อติดตามค้นหาผู้แสวงบุญที่สูญหายให้พบโดยเร็วที่สุด และแจ้งข่าวสารมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากญาติของผู้แสวงบุญรายใดประสงค์ติดต่อหรือต้องการสอบถามข้อมูลของญาติที่เดินทางไปแสวงบุญ สามารถติดต่อได้ที่ฮอตไลน์ ศน.หมายเลข 09-4952-0668 และ 09-4915-8257
วานนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมว่า สำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ณ เมืองมักกะห์ จะได้ประสานกับญาติผู้เสียชีวิต และทางการซาอุดีอาระเบีย เพื่อดำเนินการเรื่องการฝังศพ และมรณบัตร ขณะที่นายกรัฐมนตรี จุฬาราชมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม กรมศาสนา และเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มีความห่วงใยพี่น้องผู้แสวงบุญคนไทย จึงได้กำชับให้สำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดูแลคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดี
โดยคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย พักรักษาตัวที่สถานพยาบาลไทยเฉพาะกิจ ณ นครมักกะห์ ประกอบด้วย นายสะมะแอ ซาซู ฮุจยาตจากจ.ยะลา บาดเจ็บบริเวณแขนซ้าย หัวเข่า ใบหน้า อยู่ในความดูแลของหน่วยแพทย์ไทย และนางแมะเยาะ แดมอ ฮุจยาตจากจ.ปัตตานี มีแผลเหนือคิ้วเย็บ 9 เข็ม ฟันหัก 1 ซี่ อาการโดยรวมดีขึ้น ซึ่งนายอรุณ บุญชม หัวหน้าสำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมและมอบกระเช้าแสดงความห่วงใยจากจุฬาราชมนตรี และล่าสุดแพทย์อนุญาตให้นางแมะเยาะกลับที่พักได้แล้ว
นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา ยืนยันว่า ทางการไทยและบริษัทที่ดูแลคนไทยในการเดินทางครั้งนี้ ได้เข้าช่วยเหลือและกระจายกำลังกันออกค้นหาโดยเร่งด่วน ส่วนการดำเนินการเรื่องพิธีทางศานาของคนไทยที่เสียชีวิต ได้ประสานญาติที่ประเทศไทยให้ได้ทราบแล้ว และคาดว่าจะประกอบพิธีที่ประเทศซาอุดีอาระเบียตามหลักศาสนา โดยไม่มีการส่งศพกลับมายังประเทศไทย
***กษัตริย์ซาอุฯ ทรงเยี่ยมเหยื่อเครนถล่ม
รายงานข่าวระบุว่า กษัตริย์ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย เสด็จไปยังที่จุดเกิดเหตุเครนถล่มทับมัสยิดฮารอม ในนครเมกกะ พร้อมทั้งเสด็จไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวที่โรงพยาบาล เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากลมแรงและฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เครนก่อสร้างเกิดพังถล่มลงมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 107 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 230 คน ประกอบด้วยผู้แสวงบุญชาวอิหร่าน ตุรกี อัฟกานิสถาน อียิปต์ และปากีสถาน
โดยมัสยิดแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "มัสยิดฮารอม" หรือแกรนด์มัสยิด เป็นมัสยิดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและล้อมรอบด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญทางศาสนาหรือพิธีฮัดจ์ ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน ซึ่งเหตุเครนถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนถึงช่วงพิธีดังกล่าวเพียง 2 สัปดาห์ ทางการซาอุดิอาระเบียมีแผนขยายพื้นที่ แกรนด์ มัสยดิด เพื่อต้องการให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนตารางเมตร สำหรับรองรับผู้แสวงบุญจากทั่วโลก.
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) ได้รายงานความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์อุบัติเหตุเครนก่อสร้างล้มในบริเวณมัสยิดอัลหะรอม นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากเกิดพายุฝนและมีลมกรรโชกแรง โดยประสานงานกับสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีการออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 กรณีพบผู้แสวงบุญชาวไทยเสียชีวิตจากเหตุเครนก่อสร้างล้มในบริเวณมัสยิดอัลหะรอมถล่มทับผู้แสวงบุญ โดยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล มุอัยซิม พบมีผู้เสียชีวิตคนไทย 1 ราย คือ นางวนิดา สะดี อายุ 48 ปี ถือหนังสือเดินทาง AA2463451 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ้านเลขที่ 575/159 ซ.เพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร สังกัดห้างหุ้นส่วน เอส.ดับลิว.เปอร์นิก้า ปัตตานี
ทั้งนี้ สำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยได้ประสานไปยังญาติผู้เสียชีวิต และทางการซาอุดิอาระเบียเพื่อดำเนินการเรื่องใบมรณะบัตรและการทำพิธีฝังศพตามศาสนาต่อไป
"จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า นางวนิดาได้เดินทางไปแสวงบุญพร้อมกับสามีและหลาน ซึ่งศน.กำลังประสานแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตที่จังหวัดปัตตานีทราบ เพราะไม่มีญาติอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงมอบหมายให้วัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี เดินทางไปพบญาติเพื่อแจ้งข้อมูล และร่วมแสดงความเสียใจด้วย" รมว.วัฒนธรรม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังมีผู้แสวงบุญชาวไทยอีก 2 ราย ที่สูญหายจากเหตุการณ์เครนถล่ม ทางสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และศน จะเร่งประสานกับทางการซาอุดิอาระเบีย เพื่อติดตามค้นหาผู้แสวงบุญที่สูญหายให้พบโดยเร็วที่สุด และแจ้งข่าวสารมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากญาติของผู้แสวงบุญรายใดประสงค์ติดต่อหรือต้องการสอบถามข้อมูลของญาติที่เดินทางไปแสวงบุญ สามารถติดต่อได้ที่ฮอตไลน์ ศน.หมายเลข 09-4952-0668 และ 09-4915-8257
วานนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมว่า สำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ณ เมืองมักกะห์ จะได้ประสานกับญาติผู้เสียชีวิต และทางการซาอุดีอาระเบีย เพื่อดำเนินการเรื่องการฝังศพ และมรณบัตร ขณะที่นายกรัฐมนตรี จุฬาราชมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม กรมศาสนา และเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มีความห่วงใยพี่น้องผู้แสวงบุญคนไทย จึงได้กำชับให้สำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดูแลคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดี
โดยคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย พักรักษาตัวที่สถานพยาบาลไทยเฉพาะกิจ ณ นครมักกะห์ ประกอบด้วย นายสะมะแอ ซาซู ฮุจยาตจากจ.ยะลา บาดเจ็บบริเวณแขนซ้าย หัวเข่า ใบหน้า อยู่ในความดูแลของหน่วยแพทย์ไทย และนางแมะเยาะ แดมอ ฮุจยาตจากจ.ปัตตานี มีแผลเหนือคิ้วเย็บ 9 เข็ม ฟันหัก 1 ซี่ อาการโดยรวมดีขึ้น ซึ่งนายอรุณ บุญชม หัวหน้าสำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมและมอบกระเช้าแสดงความห่วงใยจากจุฬาราชมนตรี และล่าสุดแพทย์อนุญาตให้นางแมะเยาะกลับที่พักได้แล้ว
นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา ยืนยันว่า ทางการไทยและบริษัทที่ดูแลคนไทยในการเดินทางครั้งนี้ ได้เข้าช่วยเหลือและกระจายกำลังกันออกค้นหาโดยเร่งด่วน ส่วนการดำเนินการเรื่องพิธีทางศานาของคนไทยที่เสียชีวิต ได้ประสานญาติที่ประเทศไทยให้ได้ทราบแล้ว และคาดว่าจะประกอบพิธีที่ประเทศซาอุดีอาระเบียตามหลักศาสนา โดยไม่มีการส่งศพกลับมายังประเทศไทย
***กษัตริย์ซาอุฯ ทรงเยี่ยมเหยื่อเครนถล่ม
รายงานข่าวระบุว่า กษัตริย์ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย เสด็จไปยังที่จุดเกิดเหตุเครนถล่มทับมัสยิดฮารอม ในนครเมกกะ พร้อมทั้งเสด็จไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวที่โรงพยาบาล เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากลมแรงและฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เครนก่อสร้างเกิดพังถล่มลงมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 107 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 230 คน ประกอบด้วยผู้แสวงบุญชาวอิหร่าน ตุรกี อัฟกานิสถาน อียิปต์ และปากีสถาน
โดยมัสยิดแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "มัสยิดฮารอม" หรือแกรนด์มัสยิด เป็นมัสยิดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและล้อมรอบด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญทางศาสนาหรือพิธีฮัดจ์ ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน ซึ่งเหตุเครนถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนถึงช่วงพิธีดังกล่าวเพียง 2 สัปดาห์ ทางการซาอุดิอาระเบียมีแผนขยายพื้นที่ แกรนด์ มัสยดิด เพื่อต้องการให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนตารางเมตร สำหรับรองรับผู้แสวงบุญจากทั่วโลก.