ASTVผู้จัดการรายวัน - เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่เกาะติดวงจรปิด "หลินฮุ่ย" ดูแลช่วงท้องอ่อนใกล้ชิด ผอ.เผยมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นให้เห็นหลังวันก่อนพบสัญญาณชีพการเต้นของกล้ามเนื้อ ยันเป็นลูกแพนด้าแน่นอน
นายนิพนธ์ วิชัยรัตน รักษาผู้อำนวยการสวนสัตว์ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในการผสมเทียมแม่แพนด้า หลินฮุ่ย เป็นวันที่ 84 หลินฮุ่ย มีพัฒนาการเพิ่มขึ้นให้เห็นหลังจากเมื่อวานนี้พบสัญญาณชีพการเต้นของกล้ามเนื้อ สร้างความตื้นเต้น และเห็นโครงสร้างของร่างกายกระดูกให้เห็นจนทำให้แน่ชัดว่า เป็นลูกแพนด้าอย่างแน่นอน สำหรับเช้าวันนี้ (13 ก.ย.) หลินฮุ่ย เริ่มมีการแสดงพฤติกรรมของการกินหน่อไม้มากขึ้น ไม่เหมือนช่วงก่อนผสมพันธุ์
อย่างไรก็ตาม สังเกตได้ว่าใกล้เข้าสู่การตกลูกแล้วนอนเพิ่มขึ้นเป็นเช้าแรกนี้ให้เห็นกินอาหารเสร็จแล้วขึ้นไปนอนหลับบริเวณจุดเดิมใกล้ปากทางเข้าออกคอกกัก แบบสบายใจ แต่นอนจากเดิมทุกครั้ง 10 -20 นาที จะตื้นขึ้นมาเดินวน แต่ครั้งนี้กินแล้วนอนนานเกือบ 2 ชั่วโมง พอถึงช่วงให้อาหารก็ลงมากินโดยเน้นกินหน่อไม้เป็นหลัก คาดการณ์จะเป็นระยะเวลาของการเก็บพลังงานของแม่ เพื่อเตรียมรอคลอดแล้วเพราะเป็นระยะใกล้เกิดหลินปิง ที่กินมากแล้วนอนมากขึ้น อาจจะใกล้เคียงระยะตกหลินปิงที่ 97 วัน ทีมงานพี่เลี้ยงเฝ้าติดตามตั้งแต่ 00.00 - 08.00 น. หลินอุ่ยนอนหลับเที่ยง คืนจนถึง 05.28 น. จึงตื่นขึ้นมานั่งกินไผ่ใช้เวลา 1.45 ชั่วโมง และเริ่มกลับไปนอนนอีกครั้งจนถึง 07.13 น. แสดงให้กินมากขึ้น และนอนมากขึ้น การขับถ่ายปกติ และมีน้ำหนักตัวถึง 124.5 กิโลกรัม
นายนิพนธ์กล่าวอีกว่า ในระยะนี้ ต้องให้ทีมพี่เลี้ยงเฝ้าติดตามแม่หลินฮุ่ย อย่างใกล้ชิด โดยผ่านกล้องวีดีโอวงจรปิด เมื่อมีพฤติกรรมอาการเปลี่ยนแปลง ที่จะคลอดจะต้องดำเนินการโดยทีมสัตวแพทย์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังการอัลตร้าซาวด์ หมีแพนด้าหลินฮุ่ย เพื่อดูพัฒนาการในการตั้งท้อง ไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ย. ทางทีมพี่เลี้ยงที่ดูแลหลินฮุ่ยยังคงปล่อยหลินฮุ่ยออกสู่สวนจัดแสดงตามปกติ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และให้กำลังใจหลินฮุ่ยในการตั้งท้องครั้งนี้จำนวนมาก
โดยเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะบันทึกภาพ ทั้งหลินฮุ่ย และช่วงช่วงงดใช้แฟลช และห้ามส่งเสียงดัง เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้หลินฮุ่ยตกใจ และเครียดจนส่งผลกระทบต่อการตั้งท้อง
น.สพ.ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ หัวหน้าคณะทำงานโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับ 300 กว่าแล้ว ในช่วงของหลินปิงนั้นจะอยู่ที่ 511 จากนั้นระดับฮอร์โมนก็ตกลงแล้วก็เกิดการคลอดออกมา
ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เหมือนมือที่อุ้มอยู่หากฮอร์โมนตัวนี้หมดลงเมื่อไหร่ก็จะเข้าสู่การคลอดลำดับต่อไปไม่ว่าจะเป็นระดับ 300 กว่าหรือระดับสูงขึ้นก็สามารถที่จะทำให้เกิดการคลอดได้ทุกเมื่อ เพราะช่วงนี้ถือว่ามีตัวอ่อนอยู่ในท้องแล้ว และสามารถทำให้การท้องครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ โดยวันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ได้รับโอกาสจากหลินฮุ่ยในการตรวจอัลตร้าซาวด์ ก่อนที่ทางบริษัทฯ จะนำเครื่องกลับไป และจะกลับมาในวันที่นัดอีกครั้ง.
นายนิพนธ์ วิชัยรัตน รักษาผู้อำนวยการสวนสัตว์ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในการผสมเทียมแม่แพนด้า หลินฮุ่ย เป็นวันที่ 84 หลินฮุ่ย มีพัฒนาการเพิ่มขึ้นให้เห็นหลังจากเมื่อวานนี้พบสัญญาณชีพการเต้นของกล้ามเนื้อ สร้างความตื้นเต้น และเห็นโครงสร้างของร่างกายกระดูกให้เห็นจนทำให้แน่ชัดว่า เป็นลูกแพนด้าอย่างแน่นอน สำหรับเช้าวันนี้ (13 ก.ย.) หลินฮุ่ย เริ่มมีการแสดงพฤติกรรมของการกินหน่อไม้มากขึ้น ไม่เหมือนช่วงก่อนผสมพันธุ์
อย่างไรก็ตาม สังเกตได้ว่าใกล้เข้าสู่การตกลูกแล้วนอนเพิ่มขึ้นเป็นเช้าแรกนี้ให้เห็นกินอาหารเสร็จแล้วขึ้นไปนอนหลับบริเวณจุดเดิมใกล้ปากทางเข้าออกคอกกัก แบบสบายใจ แต่นอนจากเดิมทุกครั้ง 10 -20 นาที จะตื้นขึ้นมาเดินวน แต่ครั้งนี้กินแล้วนอนนานเกือบ 2 ชั่วโมง พอถึงช่วงให้อาหารก็ลงมากินโดยเน้นกินหน่อไม้เป็นหลัก คาดการณ์จะเป็นระยะเวลาของการเก็บพลังงานของแม่ เพื่อเตรียมรอคลอดแล้วเพราะเป็นระยะใกล้เกิดหลินปิง ที่กินมากแล้วนอนมากขึ้น อาจจะใกล้เคียงระยะตกหลินปิงที่ 97 วัน ทีมงานพี่เลี้ยงเฝ้าติดตามตั้งแต่ 00.00 - 08.00 น. หลินอุ่ยนอนหลับเที่ยง คืนจนถึง 05.28 น. จึงตื่นขึ้นมานั่งกินไผ่ใช้เวลา 1.45 ชั่วโมง และเริ่มกลับไปนอนนอีกครั้งจนถึง 07.13 น. แสดงให้กินมากขึ้น และนอนมากขึ้น การขับถ่ายปกติ และมีน้ำหนักตัวถึง 124.5 กิโลกรัม
นายนิพนธ์กล่าวอีกว่า ในระยะนี้ ต้องให้ทีมพี่เลี้ยงเฝ้าติดตามแม่หลินฮุ่ย อย่างใกล้ชิด โดยผ่านกล้องวีดีโอวงจรปิด เมื่อมีพฤติกรรมอาการเปลี่ยนแปลง ที่จะคลอดจะต้องดำเนินการโดยทีมสัตวแพทย์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังการอัลตร้าซาวด์ หมีแพนด้าหลินฮุ่ย เพื่อดูพัฒนาการในการตั้งท้อง ไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ย. ทางทีมพี่เลี้ยงที่ดูแลหลินฮุ่ยยังคงปล่อยหลินฮุ่ยออกสู่สวนจัดแสดงตามปกติ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และให้กำลังใจหลินฮุ่ยในการตั้งท้องครั้งนี้จำนวนมาก
โดยเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะบันทึกภาพ ทั้งหลินฮุ่ย และช่วงช่วงงดใช้แฟลช และห้ามส่งเสียงดัง เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้หลินฮุ่ยตกใจ และเครียดจนส่งผลกระทบต่อการตั้งท้อง
น.สพ.ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ หัวหน้าคณะทำงานโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับ 300 กว่าแล้ว ในช่วงของหลินปิงนั้นจะอยู่ที่ 511 จากนั้นระดับฮอร์โมนก็ตกลงแล้วก็เกิดการคลอดออกมา
ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เหมือนมือที่อุ้มอยู่หากฮอร์โมนตัวนี้หมดลงเมื่อไหร่ก็จะเข้าสู่การคลอดลำดับต่อไปไม่ว่าจะเป็นระดับ 300 กว่าหรือระดับสูงขึ้นก็สามารถที่จะทำให้เกิดการคลอดได้ทุกเมื่อ เพราะช่วงนี้ถือว่ามีตัวอ่อนอยู่ในท้องแล้ว และสามารถทำให้การท้องครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ โดยวันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ได้รับโอกาสจากหลินฮุ่ยในการตรวจอัลตร้าซาวด์ ก่อนที่ทางบริษัทฯ จะนำเครื่องกลับไป และจะกลับมาในวันที่นัดอีกครั้ง.