โฆษก ตร.เผย ชายต่างชาติ ยังปฏิเสธ เอี่ยวบึ้มราชประสงค์-สาทร มั่นใจถูกตัว เชื่อมีคนไทยร่วมขบวนการเตรียมก่อเหตุซ้่ำ เก็บดีเอ็นเอเทียบเคียงวัตถุพยาน ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ย้อนหลัง ประสานตุรกีช่วยสอบ สั่ง ตม.สกัด ค้นอพาร์ทเม้นต์เพิ่มที่ ซ.ราษฎร์อุทิศ พบปุ๋ยยูเรีย ดินเทาอีก คสช.วอนวิจารณ์ระวัดระวังกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดูแลความปลอดภัยต่อบุคคลและสถานที่เข้ม ขณะที่ตำรวจลำปางรวบ 2 หนุ่มใช้ปุ๋ยยูเรีย-น้ำมันเครื่อง ทำระเบิดถังแก๊สขนาด 15 กก. ห้องเช่ากลางเมือง
วานนี้ (30 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) และโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลังบุกจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติ ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ได้ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม.ว่า เมื่อเวลา ประมาณ 07.00 น. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและสอบสวนได้ทำการพูดคุยสอบปากคำผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าว โดยต้องใช้ล่ามแปลภาษาเพราะผู้ต้องหาพูดภาษาไทยไม่ได้ พูดภาษาอังกฤษพอได้รวมถึงภาษาอื่นๆ
โฆษก ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ตรวจสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ โดยได้เก็บดีเอ็นเอของผู้ต้องหารายนี้เปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่ได้มาก่อนหน้านี้ ทั้งธนบัตรใบละ20 บาท หรือดีเอ็นเอแฝงในรถแท็กซี่ ตุ๊กๆ ขณะที่มีการตรวจสอบโฟนฟอเรนซิก ดีเอ็นเอในโทรศัพท์ ข้อมูลการโทรศัพท์เข้า-ออก นำชิพในโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังดึงข้อมูลที่ลบไปแล้วออกมาตรวจสอบ ตรวจสอบดีเอ็นเอแฝงในห้องทั้งในเสื้อผ้าของใช้ทุกอย่าง ขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนและสัญชาติของชายคนดังกล่าวได้แน่ชัด กำลังประสานสถานทูตประเทศต่างๆร่วมตรวจสอบ รวมถึงสถานทูตตุรกีที่มีการประสานเข้ามาร่วมตรวจสอบแล้ว โดยให้ความร่วมมือเต็มที่ ยินดีส่งทีมงานมาสอบสวน มาพูดคุย ไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน รวมทั้งชาติอื่นๆ แต่ขอปิดไว้ก่อน เป็นประเทศที่อยากร่วมมือ อยากช่วย ส่วนประเทศจีนยังไม่มีการประสานมาแต่อย่างใด แต่ก็เคยแจ้งมาแต่แรกว่ายินดีให้ความช่วยเหลือ
“จากการสอบปากคำให้ความร่วมมือพอสมควร เล่าว่าเดินทางมาจากประเทศอะไร มีการไปพักยังประเทศอื่นในเอเชีย ก่อนจะมาประเทศไทย เขาเล่าไป เราก็ฟังแต่ยังเชื่อไม่ได้ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบ ทั้งเสื้อผ้า ดีเอ็นเอ และข้อมูลโทรศัพท์ จนขณะนี้ชายคนนี้ยังไม่รับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุระเบิด ขณะนี้ตำรวจได้ภาพถ่าย ข้อมูลของกลุ่มที่เป็นเพื่อนเขาหลายคน กำลังตรวจสอบ ว่าอยู่ที่ไหน โดยข้อมูลที่ได้จากสำเนาพาสปอร์ต หรือพาสปอร์ตปลอมนั้นยังเชื่อไม่ได้ เชื่อได้แค่รูป ว่าเป็นของจริง มองว่าอยู่กลุ่มเดียวกัน ซึ่งพาสปอร์ตที่พบ มีหลายเล่ม หลายคนหน้าใบหน้า แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเชื่อ สำหรับคำให้การของผู้ต้องหา อย่าเพิ่งเชื่อ อาจเปลี่ยนภายหลังได้ต้องมีหลักฐานอื่น อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนตอนนี้ยังไม่ได้ถามถึงประเด็นความเกี่ยวข้องกับระเบิดของกลาง” ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าว
โฆษกตร. กล่าวว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งให้ตำรวจชี้มูลเหตุ ขณะนี้พิสูจน์ทราบกลุ่มคนก่อน “อย่างที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.คาดการณ์ว่าเป็นความโกรธ ไม่พอใจของบางกลุ่ม ในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ไปจับกุม ทลายแก๊งส่งออก สกัดการปลอมพาสปอร์ตของเขา นี่เป็นไปได้ เรามีการกวาดล้างเรื่องนี้พอสมควร ระเบิดที่พบมีความคล้ายกับเหตุที่เคยเกิดก่อนหน้านี้ในบางลักษณะ ชิ้นส่วนสำคัญมีคล้ายบ้าง อย่าง ไปป์ ลูกปืนคล้ายกันเพราะหาซื้อง่าย ไม่ผิดกฎหมาย แต่ที่หายากคือฝักแคระเบิด ฝักแคเวลา ซึ่งหายาก ที่เราได้คือฝักแคเวลาฝักแคระเบิดชนิดเดียวกับที่เจอที่สาทร ซึ่งได้หลักฐานชิ้นใหญ่พอสมควร เรื่องสาเหตุขอยังไม่เปิดเผย ขอตำรวจทำงานสืบหาผู้ต้องหาว่ามีหลบหนีกี่คน ใครบ้าง สกัดจับ หรือแจ้งตำรวจต่างประเทศให้ช่วยจับกุม หลังจากนั้นมาดูเรื่องสาเหตุ บางครั้งพวกนี้อาจถูกว่าจ้างมา ตอนนี้ ผบ.ตร.สั่งการให้สำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองสกัดจับผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องจากภาพที่ได้จากที่เกิดเหตุ และจากการสืบสวนก่อนหน้านี้ ที่ผ่านมาตำรวจทำงานหนักสืบสวนหลายกลุ่ม แล้วค่อยๆตัดทีละกลุ่ม จนเหลือกลุ่มนี้ที่น่าสงสัย ข้อมูลทางโทรศัพท์สอดคล้องบางข้อมูล เพราะกลุ่มนี้ระวังตัวเรื่องการใช้โทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ”โฆษกตร.กล่าว
เมื่อถามว่าจากพยานหลักฐานมองได้หรือไม่ว่าเตรียมประกอบระเบิดลูกใหญ่เพื่อก่อเหตุอีก พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ฝักแคระเบิดเหลืออยู่อีกประมาณ 10 อัน ถามว่า มีรายงานว่าผู้ต้องหารายนี้เคยไปแถวหัวลำโพงหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า มีข้อมูลการเดินทางของโทรศัพท์ไปในจุดที่เราต้องสงสัย แต่จะเป็นหัวลำโพงหรือไม่ ไม่ทราบ แต่เป็นจุดที่เราสงสัยว่าสำคัญต่อเหตุการณ์นี้ ตอนนี้ยังยืนยันไม่ชัดเจนว่าชายคนนี้เป็นหนึ่งในสองคนที่ออกหมายจับหรือไม่ แต่เป็นหนึ่งในทีมงานที่ทำงานนี้แน่นอน ยังเร็วไปที่จะบอกว่าทำหน้าที่อะไร
“แต่ดูจากหน้าแล้วคล้ายชายในภาพสเก๊ตช์พอสมควร รอผลยืนยันดีเอ็นเอก่อน ทั้งจากแท็กซี่ ธนบัตร รถสามล้อ ขอเวลาหน่อยตำรวจมีหลายเรื่องต้องทำ ตอนนี้จ่ายงานไปสิบกว่าด้าน เช่นวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลต่างๆ เฝ้าจุดต่างๆ” โฆษก ตร.กล่าว
ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ตอนนี้เราจับตาเป็นกลุ่ม ตอนแรกคิดว่ามีคนเดียวไปๆมาๆมี4-5คน มีเป็นกลุ่มๆ ส่วนชายขับ
แท็กซี่ที่นำตัวมาจาก จ.สุรินทร์ นั้น อยู่ในข่ายมีการใช้โทรศัพท์เกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้ มีการโทรหากัน ก็เรียกมาคุย จริงๆแล้วนอกจากแท็กซี่รายนี้มีเรียกมาคุยเยอะมาก มีหลายคนที่พบโทรศัพท์คุยกันกลุ่มผู้ต้องสงสัย ถ้าคุยแล้วเหตุผลฟังได้เราก็ไม่ติดใจอะไร ส่วนคนขับแท็กซี่ที่ขับรถพาชายที่วางระเบิดไปก่อเหตุนั้น ยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาความเกี่ยวข้องเพราะยังให้การวนไปวนมา ก็ตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่รู้เห็นแต่ปกปิดอะไรไว้ เข้าข่ายความผิดหรือไม่ หากการปกปิดนั้นผิดกฎหมาย เราก็ต้องดำเนินการอย่างอื่นต่อไป ขณะนี้ยังไม่ควบคุมใครเพิ่ม
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้อยู่ในการควบคุมตัวของทหาร สามารถคุมตัวได้ผลัดละ 7 วัน และสามารถขยายเวลาได้ ตอนนี้เพิ่งเริ่มสอบสวนสอบปากคำ ยังเร็วไปที่จะพูดรายละเอียด แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนที่ร่วมก่อเหตุระเบิดแน่นอน ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 วันนี้ คงยังไม่สามารถออกหมายจับใครเพิ่มเติมได้ ขอเวลาสอบสวนก่อน ทั้งนี้พื้นที่ที่พบคนร้ายและของกลางยังคงปิดกั้นไว้ตรวจสอบหลักฐาน ทั้งนี้การคลี่คลายคดีต้องใช้เวลา แต่ทำได้แน่ ตำรวจขอทำอย่างละเอียดรอบคอบ
เมื่อถามว่าขณะนี้ตัดประเด็นมูลเหตุการเมืองในประเทศออกได้หรือไม่ โฆษกตร.กล่าวว่า ต้องดูก่อน อย่าเพิ่งไปตัด เพราะเราไม่ทราบว่าเขาทำงานให้ใคร ต้องรู้ว่าคนนี้ใช่หรือไม่ ทำงานให้ใคร เขาไม่รับหรอก โยงให้ได้ว่าทำให้ใคร จะให้รับว่าคนนี้จ้างไม่มีทางรับหรอก ตอนนี้ที่เราได้คือคนนี้เกี่ยวข้อง เราเพิ่งมั่นใจคนนี้จากวัตถุพยาน หลังจากตรวจสอบแบบนี้มาหลายกลุ่ม บางอย่างผู้ต้องหายังไม่ให้ความร่วมมือ
“ตอนนี้น่าจะมีกลุ่มนี้กลุ่มเดียวที่เกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิด เชื่อว่าการจับกุมที่ผ่านมาจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างน้อยหยุดยั้งเหตุได้ ชิ้นส่วนต่างๆนั่นเขาเตรียมไว้ ทำง่ายมาก ใช้ถุงเทลงไปเลย ทำไปป์บอมบ์ได้หลายแบบพกง่าย รูปแบบระเบิดละเอียด เรียบร้อย ซิกเนเจอร์ตรงกับทั้งที่ราชประสงค์และสาทร ไปป์ซิกเนเจอร์ และบอลแบริ่ง หรือ ลูกปลาย ซึ่งบอลแบริ่งนี่สำคัญ ที่เราเคยพบเอาเหล็กเส้นมาตัด แต่บอลแบริ่งสามารถทะลุผ่านสิ่งกั้นขวางไปไกล 200เมตร แข็ง ทำลายล้างสูง อานุภาพสูง” ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าว และว่า ยังไม่ตรวจสอบประวัติของชายที่จับกุม แต่เชื่อว่ามีหลายคน ตอนนี้การสอบสวนยังไม่ถึงขั้น ว่ารับสารภาพ คนร้ายขนาดนี้ไม่รับสารภาพง่ายๆ
"ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปประเด็นการก่อเหตุ ยังไม่ยืนยันชื่อชายคนนี้ไม่ได้ รอสักระยะ เขาอาจมาจากประเทศไหนสักประเทศ เช่นเขาอ้างว่ามาจากตุรกี เราก็ต้องตรวจสอบไปทางตุรกีว่าจริงหรือไม่ ใช่คนในประเทศเขาหรือเปล่า” ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าว
***"จักรทิพย์" เชื่อเตรียมก่อเหตุซ้ำ
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.กล่าวภายหลังสอบปผากคำคนขับรถแท็กซี่ จากจ.สุรินทร์ โดยสืบสวนพบความเกี่ยวข้องมีการติดต่อกับหมายเลขโทรศัพท์ที่เราสงสัย ตอนนี้ยังมีฐานะเป็นพยาน ขณะนี้ยังให้การสับสน ยังไม่ได้ถามว่ารู้จักกับผู้ต้องหาที่จับได้วันนี้หรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาที่จับได้ ได้เตรียมล่ามภาษาต่างประเทศมาช่วยสื่อสารกับผู้ต้องหารายนี้แล้ว หนึ่งในนั้นคือล่ามภาษาตุรกี เบื้องต้นต้องสันนิษฐานชาติที่มีความเป็นไปได้ ใกล้เคียงก่อนเพื่อยืนยันตัวบุคคลคนนี้
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นผู้ประกอบระเบิดหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เชื่อมโยงแน่ เกี่ยวข้องแน่ และการจับกุมครั้งนี้ไม่ใช่การจับกุมตามหมายจับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสืบสวนขณะนี้โยงถึงการก่อการร้ายสากล หรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า สืบสวนประเด็นเหล่านี้ด้วย ขอเวลาทำงานสักนิด อย่าเพิ่งด่วนสรุป
ถามว่าแนวโน้มเป็นระเบิดพลีชีพได้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เคยเกิดในประเทศไทย เรากำลังดูว่าชิ้นส่วนบางชิ้นที่เราได้มา จะนำไปสู่ตรงนั้นได้หรือเปล่า ถ้าเป็นระเบิดเราดูครอบคลุมทุกประเด็นทุกประเภท ว่า เขาจะทำระเบิดแบบไหน ส่วนรายละเอียดว่าจะนำไปสู่การประกอบระเบิดพลีชีพหรือไม่ต้องรอผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานเสียก่อน อย่างไรก็ตามชิ้นส่วนระเบิดของกลางที่พบยังแยกส่วนกันอยู่ยังไม่มีการประกอบ ทั้งนี้ การพบชิ้นส่วนประกอบจำนวนมากก็พออนุมานได้ว่าของเยอะผิดปกติ อาจเตรียมก่อเหตุอีก
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กลุ่มนี้ไม่เคยก่อเหตุในไทย ไม่เคยเกิดแรงขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนพบว่ายังมีเพื่อนของชายคนดังกล่าวพักห้องข้างเคียงเพียงแต่ไม่เจอตัว ตนไม่ไปจุดเกิดเหตุ จึงยังบอกไม่ได้ สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายที่ออกหมายจับ บอกไม่ได้ว่ายังอยู่ในไทยหรือไม่ แต่ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมือง ภาวนาให้เขายังอยู่ในเมืองไทย ตอนนี้ ไม่ต้องบนแล้ว พอได้แล้ว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ผบ.ตร. ให้กำลังใจชุดสืบสวน รายงานผลการสืบสวนให้ทราบ ตอนนี้ห่วงเรื่องพยานหลักฐานต่าง ๆ ประกอบสำนวนการสืบสวน อย่างไรก็ตาม หลังจากตำรวจได้สอบสวนชายที่จับได้วันนี้คาดว่าจะสามารถออกหมายผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม ถ้าไปถึงใครเราเอาหมด รอผลการซักถามสอบปากคำชายที่จับได้วันนี้เสียก่อน ตอนนี้ยังไม่ยอมพูดอะไร จากการตรวจสอบชายคนนี้มีพาสปอร์ตอยู่กว่า 250 เล่ม เป็นปลอม 10 กว่าเล่ม ที่เหลือเป็นเล่มเปล่า พวกนี้เป็นขบวนการปลอมพาสปอร์ตอยู่แล้ว ตอนนี้ตำรวจเข้าปฏิบัติการ 6 - 7 จุด ตัดออกไปแล้ว 2 - 3 จุด ได้ข้อมูลมีประโยชน์เรื่อย ๆ
****บุกค้นเพิ่ม พบปุ๋ยยูเรีย-ดินเทาอีก
ชุดสืบสวนนครบาลมีนบุรี และนครบาล 3 พร้อมทหาร ร.2 พัน 3 รอ. สนธิกำลังร่วมกว่า 30 นาย นำหมายศาลเข้าตรวจค้นอพาร์ตเมนท์ไมมูณา การ์เด้นโฮม ภายในซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 หรือ ซอยบุญยะบา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร หลังขยายผลจากคำให้การของชายชาวต่างชาติ โดยคำให้การของผู้ต้องหาอ้างว่าอพาร์ตเมนท์แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่พรรคพวกนำสิ่งของมาเก็บไว้
เจ้าหน้าที่กระจายกำลังออกเป็น 3 ชุด ตรวจค้นห้องพักทั้งหมด 30 ห้อง เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานนำไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยง และหลักฐานเกี่ยวกับคดีลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ และสะพานสาทร เบื้องต้น พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ให้ข้อมูลว่า สามารถตรวจค้นได้เพียง 21 ห้อง พบเพียงโทรศัพท์มือถือ และบัดกรีหรืออุปกรณ์เชื่อมโลหะ ซึ่งจะนำไปหาความเชื่อมโยงที่ สน.มีนบุรี ส่วนที่เหลืออีก 9 ห้องนั้น อยู่ระหว่างประสานผู้เช่ามาเปิดห้องพักให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะอยู่ค้นจนถึงเวลา 18 นาฬิกา
โดยคำให้การของผู้ต้องหาอ้างว่าอพาร์ตเมนท์ แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่พรรคพวกนำสิ่งของซึ่งน่าจะเป็นชิ้นส่วนประกอบระเบิดมาเก็บไว้ โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้นห้องพักทุกห้อง จำนวน 3 ชั้น กว่า 30 ห้องพัก เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานนำไปตรวจสอบ
ขณะที่ผู้พักอาศัยในอพาร์ตเมนท์ในแต่ละห้องก็ให้ความร่วมมือกับการเข้าตรวจค้นเป็นอย่างดีและจากการสอบถามทราบว่าอพาร์ตเมนท์แห่งนี้เปิดบริการให้เช่าแบบรายวันและรายเดือน โดยมีเจ้าของเป็นคนไทยมุสลิม และทราบว่ามักมีชาวต่างชาติ มาพักอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงชาวไทยพุทธ และมุสลิม ด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีชุดสืบสวนสอบสวนกองปราบปรามได้เข้าค้นอพาร์ทเมนท์หลายแห่งในย่านนี้ช่วงคืนที่ผ่านมาและที่นี่ พบห้องต้องสงสัย 2 ห้อง พบปุ๋ยยูเรีย และดินเทาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมวัตถุต้องสงสัยพร้อมเก็บภาพกล้องวงจรปิดไปขยายผลแล้ว อย่างไรก็ตามรอการยืนยันที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
**คสช.วอนระวังกระทบความสัมพันธ์
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ถึงผลการดำเนินงานของศูนย์ติดตามสถานการณ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ในส่วนของการดูแลผู้บาดเจ็บ ขณะนี้ยังคงมีผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่อีกเพียง 31ราย ซึ่งผู้รับผิดชอบยังคงให้การดูแลอย่างดีที่สุด
สำหรับงานการสืบสวนทางคดีมีความคืบหน้าไปตามลำดับ โดยหลังจากที่ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย ตามที่ได้มีการแถลงข่าวไปแล้วนั้น ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนของ เจ้าหน้าที่ในการสอบสวนและรวบรวมพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจยึดมาได้ รวมทั้งขยายผลเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดีต่อไป ทั้งนี้จำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ส่วนการดูแลความปลอดภัยต่อบุคคล และสถานที่ยังคงมีการปรับให้เกิดความเหมาะสมไปโดยเจ้าหน้าที่ ทหารและตำรวจ เพื่อเกิดให้ความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ขอให้มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ยังพร้อมที่จะดูแลพี่น้องประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวได้อย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะพิจารณาในทุกมิติเพื่อจะคลี่คลายคดีนี้ ขอให้ระมัดระวังสำหรับการวิจารณ์ อย่านำไปเชื่อมโยงต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลทางลบต่อประเทศชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สุดท้าย ขอขอบคุณผู้ที่ได้แจ้งข้อมูลเบาะแสต่างๆ มายังศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช. ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์สายด่วน 1515 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบางส่วน มีประโยชน์และได้ถูกส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปแล้ว
***ตร.ลำปางรวบ2หนุ่มทำระเบิดถังแก๊ส
วานนี้ (30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจสืบสวนกองบังคับการภูธรจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยหน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.)ภ.จว.ลำปาง เข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหงัดลำปาง 2 ราย คือ นายพิษณุพงษ์ หรือโก้ กรุงวงค์ อายุ 19 ปี ตามหมายจับ ที่ 140/2558 ข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และนายสุธี หรือมด เปี่ยมบริบูรณ์ อายุ 32 ปี ตามหมายจับ ที่ 141/2558 ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม. กระสุน 12 นัด และซองใส่ปืน
การจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 รายนี้ มีขึ้นหลังพ.ต.ต.จีระเดช จันทร์อ่อน สวป.สภ.เมือง พร้อมตำรวจชุดเก็บกู้และทำลายระเบิด เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเช่าชั้นเดียว เลขที่ 186 หมู่ 2 บ้านฟ่อน ต.ชมพู อ.เมืองจ.ลำปาง เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังรับแจ้งจากเจ้าของบ้านเช่าว่า พบวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง
ซึ่งในการตรวจค้นครั้งนั้นเจ้าหน้าที่พบมีการใช้ถังแก๊ส เป็นภาชนะบรรจุดินระเบิด ANFO (ปุ๋ยยูเรีย+น้ำมันเครื่อง) หนัก 15 กิโลกรัม ใช้โทรศัพท์มือถือ NoKia รุ่น 306 พร้อมซิมเป็นตัวจุด หรือตั้งเวลาโดยใช้นาฬิกาปลุก ใช้กระแสไฟจากถ่านไฟฉาย 1.5 v จุดเชื้อปะทุไฟฟ้า โดยก่อนหน้านั้นมีนายพิษณุพงษ์เป็นผู้เช่า ซึ่งหลบหนีไปได้ จึงสืบสวนติดตามจนจับกุมได้ในที่สุด
เบื้องต้นนายสุธีรับสารภาพมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แต่ทั้งคู่ปฏิเสธข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง อย่างไรก็ตามตำรวจกำลังจะสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบว่าทั้ง 2 คนทำระเบิดถังแก๊สปิกนิกเพื่อจะนำไปใช้ทำอะไรหรือก่อเหตุที่ไหน.