วันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั้งโลกถล่มทลายเหมือนเกิดวิกฤตการณ์แบล็กมันเดย์ซ้ำสอง ดัชนีหุ้นทุกประเทศปักหัวลง นักลงทุนตื่นตระหนกพากันเทหุ้นหนีตาย ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทยที่รูดมหาราช
วิกฤตการณ์ตลาดหุ้นครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยลบมากมายรุมกระหน่ำ ทั้งราคาน้ำมันที่ตกรูด ค่าเงินประเทศกำลังพัฒนาอ่อนตัวลงตามๆ กัน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น และยังมีความกังวลความผันผวนทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน
และไม่รวมภาวะสงครามคาบสมุทรเกาหลี และระเบิดที่ตูมตามในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจที่มีระเบิดร้ายแรงสร้างความเสียหายมหาศาล
ส่วนตลาดหุ้นไทยป่วยไข้มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แม้ว่า บรรยากาศการลงทุนทำท่าสดใสในช่วงต้นปี โดยดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับสูงสุด 1,613 จุด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นก็ทรุดตัวลงมาต่อเนื่องจนหลุด 1,300 จุดแล้ว ลดลงไปกว่า 300 จุด
ความมั่งคั่งของตลาดหุ้น หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม สูญหายไปเกือบ 3 ล้านบาทแล้ว ซึ่งหมายถึงนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนหลายแสนคนต้องจนลง
หุ้นไทยเผชิญผลกระทบทั้งจากภายในและภายนอก โดยผลกระทบภายในเต็มๆและตรงๆ คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำสุดขีด และมีแนวโน้มที่จะทรุดต่อไป ตัวเลขทางเศรษฐกิจ 7 เดือนแรกแย่ไปหมด ค่าเงินบาทอ่อนยวบ ขณะที่สถานการณ์การเมืองเริ่มแปรปรวน
นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นออกต่อเนื่อง และนับตั้งแต่เกิดระเบิดสี่แยกราชประสงค์ ต่างชาติยิ่งขายหนัก ทุบหุ้นหอบเงินกลับวันละหลายพันล้านบาท
นักลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ซื้อหุ้นสวนหมัดต่างชาติมาพักใหญ่แล้ว และบทสรุปขณะนี้คือเจ็บตัว แบกรับหุ้นต้นทุนสูงต่างชาติมาแทน
ความตกต่ำรุนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของค่าเงินและแนวโน้มราคาน้ำมันที่จะอ่อนตัวลง เป็นมรสุมลูกใหญ่ที่กระหน่ำซ้ำเติมจนตลาดหุ้นไทยจมดิน
แมงเม่าใจกล้าที่เข้าไปช้อนซื้อหุ้นสวนควันปืนต้องตายกันเป็นเบือ
การตั้งดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาเป็นรองนายกฯ คุมทีมเศรษฐกิจ ไม่ได้เรียกความเชื่อมั่นจากชาวหุ้นทั้งในและต่างประเทศแต่อย่างใด
เพราะมรสุมลูกใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง จนไม่หลงเหลือความมั่นใจในฝีมือของดร.สมคิดและทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ ไม่เชื่อว่าจะรับมือไหวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้
เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ผ่านช่วงเลวร้ายที่สุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่เชื่อกันว่า ยังหาจุดต่ำสุดไม่เจอ ประเมินไม่ได้ว่า ดัชนีจะลงลึกไปขนาดไหน รู้กันแต่ว่า หุ้นยังอยู่ในช่วงขาลง มีแนวโน้มที่จะหัวทิ่มต่อไป
คนระดับรากหญ้าสิ้นเนื้อประดาตัวกันไปแล้ว เศรษฐีที่หวังต่อเงินในตลาดหุ้นจำนวนประมาณ 1 ล้านคน ก็เสี่ยงต่อภาวะหมดเนื้อหมดตัวจากการลงทุนโดยทั่วหน้า
ช่วงเวลากว่า 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ ยังไม่มีใครได้เห็นสัญญาณความสดใส ทั้งทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ส่วนการปรับ ครม.เศรษฐกิจยกชุด ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงดัชนีความไม่เชื่อมั่นให้กระเตื้องขึ้น
อนาคตประเทศไทยดูมืดจริงๆ ไม่รู้ว่าจะประคับประคองตัวให้รอดจากสถานการณ์ความตกต่ำทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่คุกคามทั้งโลกได้อย่างไร
จะเรียกร้องให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นออกมาจับจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะปลุกระดมให้นักลงทุนช่วยกันซื้อหุ้น เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คงไม่เหมาะ เพราะจะทำให้คนที่พอประคองตัวได้ เกิดบาดเจ็บล้มตายกันอีก
สถานการณ์ประเทศปัจจุบันน่าห่วงจริงๆ จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกยังไม่รู้ และแม้ปีนี้อาจรอดไปได้อย่างทุลักทุเล แต่ปีหน้าซึ่งคาดว่าปัญหาเศรษฐกิจยังหนักหน่วง ไม่รู้จะรอดกันอย่างไร
หายนะเห็นกันอยู่ตรงหน้า จะแก้กันอย่างไรล่ะ เป็นคำถามใหญ่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
วิกฤตการณ์ตลาดหุ้นครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยลบมากมายรุมกระหน่ำ ทั้งราคาน้ำมันที่ตกรูด ค่าเงินประเทศกำลังพัฒนาอ่อนตัวลงตามๆ กัน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น และยังมีความกังวลความผันผวนทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน
และไม่รวมภาวะสงครามคาบสมุทรเกาหลี และระเบิดที่ตูมตามในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจที่มีระเบิดร้ายแรงสร้างความเสียหายมหาศาล
ส่วนตลาดหุ้นไทยป่วยไข้มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แม้ว่า บรรยากาศการลงทุนทำท่าสดใสในช่วงต้นปี โดยดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับสูงสุด 1,613 จุด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นก็ทรุดตัวลงมาต่อเนื่องจนหลุด 1,300 จุดแล้ว ลดลงไปกว่า 300 จุด
ความมั่งคั่งของตลาดหุ้น หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม สูญหายไปเกือบ 3 ล้านบาทแล้ว ซึ่งหมายถึงนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนหลายแสนคนต้องจนลง
หุ้นไทยเผชิญผลกระทบทั้งจากภายในและภายนอก โดยผลกระทบภายในเต็มๆและตรงๆ คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำสุดขีด และมีแนวโน้มที่จะทรุดต่อไป ตัวเลขทางเศรษฐกิจ 7 เดือนแรกแย่ไปหมด ค่าเงินบาทอ่อนยวบ ขณะที่สถานการณ์การเมืองเริ่มแปรปรวน
นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นออกต่อเนื่อง และนับตั้งแต่เกิดระเบิดสี่แยกราชประสงค์ ต่างชาติยิ่งขายหนัก ทุบหุ้นหอบเงินกลับวันละหลายพันล้านบาท
นักลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ซื้อหุ้นสวนหมัดต่างชาติมาพักใหญ่แล้ว และบทสรุปขณะนี้คือเจ็บตัว แบกรับหุ้นต้นทุนสูงต่างชาติมาแทน
ความตกต่ำรุนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของค่าเงินและแนวโน้มราคาน้ำมันที่จะอ่อนตัวลง เป็นมรสุมลูกใหญ่ที่กระหน่ำซ้ำเติมจนตลาดหุ้นไทยจมดิน
แมงเม่าใจกล้าที่เข้าไปช้อนซื้อหุ้นสวนควันปืนต้องตายกันเป็นเบือ
การตั้งดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาเป็นรองนายกฯ คุมทีมเศรษฐกิจ ไม่ได้เรียกความเชื่อมั่นจากชาวหุ้นทั้งในและต่างประเทศแต่อย่างใด
เพราะมรสุมลูกใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง จนไม่หลงเหลือความมั่นใจในฝีมือของดร.สมคิดและทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ ไม่เชื่อว่าจะรับมือไหวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้
เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ผ่านช่วงเลวร้ายที่สุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่เชื่อกันว่า ยังหาจุดต่ำสุดไม่เจอ ประเมินไม่ได้ว่า ดัชนีจะลงลึกไปขนาดไหน รู้กันแต่ว่า หุ้นยังอยู่ในช่วงขาลง มีแนวโน้มที่จะหัวทิ่มต่อไป
คนระดับรากหญ้าสิ้นเนื้อประดาตัวกันไปแล้ว เศรษฐีที่หวังต่อเงินในตลาดหุ้นจำนวนประมาณ 1 ล้านคน ก็เสี่ยงต่อภาวะหมดเนื้อหมดตัวจากการลงทุนโดยทั่วหน้า
ช่วงเวลากว่า 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ ยังไม่มีใครได้เห็นสัญญาณความสดใส ทั้งทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ส่วนการปรับ ครม.เศรษฐกิจยกชุด ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงดัชนีความไม่เชื่อมั่นให้กระเตื้องขึ้น
อนาคตประเทศไทยดูมืดจริงๆ ไม่รู้ว่าจะประคับประคองตัวให้รอดจากสถานการณ์ความตกต่ำทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่คุกคามทั้งโลกได้อย่างไร
จะเรียกร้องให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นออกมาจับจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะปลุกระดมให้นักลงทุนช่วยกันซื้อหุ้น เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คงไม่เหมาะ เพราะจะทำให้คนที่พอประคองตัวได้ เกิดบาดเจ็บล้มตายกันอีก
สถานการณ์ประเทศปัจจุบันน่าห่วงจริงๆ จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกยังไม่รู้ และแม้ปีนี้อาจรอดไปได้อย่างทุลักทุเล แต่ปีหน้าซึ่งคาดว่าปัญหาเศรษฐกิจยังหนักหน่วง ไม่รู้จะรอดกันอย่างไร
หายนะเห็นกันอยู่ตรงหน้า จะแก้กันอย่างไรล่ะ เป็นคำถามใหญ่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา