วานนี้ ( 20 ส.ค. ) นายนิรันดร์ พันทรกิจ สมาชิกสปช. ด้านอื่นๆ และ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง สปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในฐานะตัวแทนกลุ่มของ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับฟังการชี้แจงเหตุผลในการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ จากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยนายนิรันดร์ กล่าวว่า ภาพรวมของการชี้แจงของคณะกมธ.ยกร่างฯ ตามที่ทางกลุ่มการเมืองและกฎหมายได้ขอไปนั้น ถือว่าเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง โดยส่วนใหญ่ทางคณะกมธ.ยกร่างฯ จะแก้ไขในเชิงโครงสร้าง แต่ประเด็นหลักอื่นๆไม่ได้มีการแก้ไข แต่คณะกมธ.ยกร่างฯ เห็นด้วย และได้นำไปใส่ไว้ในกฎหมายลูกแทน
นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้กลุ่มของตนได้ตั้งคำถามว่า ทางคณะกมธ.ยกร่างฯ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และ พ.ศ.2550 ซึ่งทางคณะกมธ.ยกร่างฯ บอกไม่ได้ว่าเป็นประชาธิปไตยมากกว่าหรือไม่ แต่อย่างน้อยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้เพิ่มอำนาจของประชาชนมากกว่าในอดีต เพราะมีกระแสของประชาชนที่ต้องการมีบทบาทในทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งคณะกมธ.ยกร่างฯ ให้ความสำคัญ ทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น รวมไปถึงคำถามเกี่ยวกับที่มาของส.ว. ที่กำหนดให้มาจากการเลือกตั้ง และการสรรหาจำนวน 200 คน จะมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างไร เนื่องจากให้อำนาจ ส.ว.ในการถอดถอนผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง ปรากฏว่า ทางคณะกมธ.ยกร่างฯ ตอบได้ไม่ชัดเจน แต่คณะกมธ.ยกร่างฯ ได้อธิบายเรื่องของการถอดถอนว่า ไม่ได้มีเฉพาะส.ว.ที่ทำหน้าที่อย่างเดียว แต่มีการทำหน้าที่ถอดถอนในนามของรัฐสภาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการให้คำตอบที่มีเหตุผลรับฟังได้
นอกจากนี้ กลุ่มของตนยังได้ตั้งคำถามอีกว่า เมื่อหลังจากมีการเลือกตั้งแล้วจะไม่เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงขึ้นอีก ซึ่งประเด็นนี้คณะกมธ.ยกร่างฯ ให้คำตอบเรื่องนี้และไม่สามารถรับประกันได้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ส่วนตัวอยากให้คณะกมธ.ยกร่างฯให้คำตอบให้ชัดเจนว่า กระบวนการเลือกตั้งในอนาคต จะนำมาซึ่งความสงบของประเทศได้อย่างไร
ดังนั้น ปัจจัยที่สำคัญที่สมาชิก สปช. จะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นอกจากเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีเหตุการณ์ในอนาคตในข้างหน้ามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจด้วย อย่างไรก็ตาม ผลของการรับฟังการชี้แจงในครั้งนี้ ตนจะนำไปแจ้งต่อประธานคณะกมธ.ปฏิรูปการเมือง ได้รับทราบ และจะมีการประชุมในวันที่ 24 ส.ค.นี้
ขณะที่ นายอุดม กล่าวว่า ตัวเองไม่เคยประกาศจะลงมติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพียงแต่หากบ้านเมืองไม่สงบ ก็ไม่ควรที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้พูดคุยกับหลายฝ่ายแล้ว โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั่วประเทศว่า พวกคุณเชื่อหรือไม่ว่าจะเกิดความสงบเรียบร้อย หากมีการเลือกตั้ง ซึ่งก็ได้คำตอบว่าไม่มีความมั่นใจว่าจะมีความสงบ ดังนั้น ทำไมเราต้องลงทุน 3-4 พันล้านบาท เพื่อมาจัดการเลือกตั้ง แต่ควรนำเงินตรงนี้ไปพัฒนาประเทศน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า
สำหรับภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้น ส่วนตัวมีความพอใจเนื่องจากคณะกมธ.ยกร่างฯ ได้แก้ไขตามที่ร้องขอ เช่น หมวดศาล เป็นต้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะลงมติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะต้องขออ่านร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอย่างเป็นทางการก่อน
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้ารับฟังคำชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ จากกรรมาธิการยกร่างฯ ในฐานะตัวแทนจากครม. ว่า คงไม่เตรียมอะไรไป เพราะกมธ.ยกร่างฯ ให้เราไปฟังอย่างเดียว ว่าเขาได้แก้ตามที่เราเสนอไปหรือไม่ แต่หากไม่แก้ไข ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนกรณีที่มีการถกเถียงเรื่องการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาตินั้น บางเรื่องเราไม่ได้ขอแก้ แต่เขาเติม ก็ไม่รู้ว่าจะมีการชี้แจงหรือไม่ในส่วนนี้ และกมธ.ยกร่างฯ คงไม่ชี้แจงบทเฉพาะกาลดังกล่าว
เมื่อถามว่า มีความกังวลการต่ออายุรัฐบาล จะทำให้เลือกตั้งช้า นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นอีกประเด็น แต่การเลือกตั้งไม่ช้าลง คงเป็นไปตามโรดแมป
นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้กลุ่มของตนได้ตั้งคำถามว่า ทางคณะกมธ.ยกร่างฯ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และ พ.ศ.2550 ซึ่งทางคณะกมธ.ยกร่างฯ บอกไม่ได้ว่าเป็นประชาธิปไตยมากกว่าหรือไม่ แต่อย่างน้อยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้เพิ่มอำนาจของประชาชนมากกว่าในอดีต เพราะมีกระแสของประชาชนที่ต้องการมีบทบาทในทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งคณะกมธ.ยกร่างฯ ให้ความสำคัญ ทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น รวมไปถึงคำถามเกี่ยวกับที่มาของส.ว. ที่กำหนดให้มาจากการเลือกตั้ง และการสรรหาจำนวน 200 คน จะมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างไร เนื่องจากให้อำนาจ ส.ว.ในการถอดถอนผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง ปรากฏว่า ทางคณะกมธ.ยกร่างฯ ตอบได้ไม่ชัดเจน แต่คณะกมธ.ยกร่างฯ ได้อธิบายเรื่องของการถอดถอนว่า ไม่ได้มีเฉพาะส.ว.ที่ทำหน้าที่อย่างเดียว แต่มีการทำหน้าที่ถอดถอนในนามของรัฐสภาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการให้คำตอบที่มีเหตุผลรับฟังได้
นอกจากนี้ กลุ่มของตนยังได้ตั้งคำถามอีกว่า เมื่อหลังจากมีการเลือกตั้งแล้วจะไม่เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงขึ้นอีก ซึ่งประเด็นนี้คณะกมธ.ยกร่างฯ ให้คำตอบเรื่องนี้และไม่สามารถรับประกันได้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ส่วนตัวอยากให้คณะกมธ.ยกร่างฯให้คำตอบให้ชัดเจนว่า กระบวนการเลือกตั้งในอนาคต จะนำมาซึ่งความสงบของประเทศได้อย่างไร
ดังนั้น ปัจจัยที่สำคัญที่สมาชิก สปช. จะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นอกจากเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีเหตุการณ์ในอนาคตในข้างหน้ามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจด้วย อย่างไรก็ตาม ผลของการรับฟังการชี้แจงในครั้งนี้ ตนจะนำไปแจ้งต่อประธานคณะกมธ.ปฏิรูปการเมือง ได้รับทราบ และจะมีการประชุมในวันที่ 24 ส.ค.นี้
ขณะที่ นายอุดม กล่าวว่า ตัวเองไม่เคยประกาศจะลงมติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพียงแต่หากบ้านเมืองไม่สงบ ก็ไม่ควรที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้พูดคุยกับหลายฝ่ายแล้ว โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั่วประเทศว่า พวกคุณเชื่อหรือไม่ว่าจะเกิดความสงบเรียบร้อย หากมีการเลือกตั้ง ซึ่งก็ได้คำตอบว่าไม่มีความมั่นใจว่าจะมีความสงบ ดังนั้น ทำไมเราต้องลงทุน 3-4 พันล้านบาท เพื่อมาจัดการเลือกตั้ง แต่ควรนำเงินตรงนี้ไปพัฒนาประเทศน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า
สำหรับภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้น ส่วนตัวมีความพอใจเนื่องจากคณะกมธ.ยกร่างฯ ได้แก้ไขตามที่ร้องขอ เช่น หมวดศาล เป็นต้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะลงมติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะต้องขออ่านร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอย่างเป็นทางการก่อน
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้ารับฟังคำชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ จากกรรมาธิการยกร่างฯ ในฐานะตัวแทนจากครม. ว่า คงไม่เตรียมอะไรไป เพราะกมธ.ยกร่างฯ ให้เราไปฟังอย่างเดียว ว่าเขาได้แก้ตามที่เราเสนอไปหรือไม่ แต่หากไม่แก้ไข ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนกรณีที่มีการถกเถียงเรื่องการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาตินั้น บางเรื่องเราไม่ได้ขอแก้ แต่เขาเติม ก็ไม่รู้ว่าจะมีการชี้แจงหรือไม่ในส่วนนี้ และกมธ.ยกร่างฯ คงไม่ชี้แจงบทเฉพาะกาลดังกล่าว
เมื่อถามว่า มีความกังวลการต่ออายุรัฐบาล จะทำให้เลือกตั้งช้า นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นอีกประเด็น แต่การเลือกตั้งไม่ช้าลง คงเป็นไปตามโรดแมป
