xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“วัฒนา เมืองสุข”จอมโวยตัวใหม่เครือข่าย“แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ขอให้รับคำฟ้อง กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงหลายคนที่เคยเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันของมวลชนรากหญ้าเครือข่ายระบอบทักษิณ อยู่ในอาการสงบเงี่ยมเจียมตัว หลังจากถูกเรียกไปปรับทัศนคติ และถูกนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตวาดใส่ไปหลายครั้ง ก็ปรากฏว่า เวลานี้ มีคนในเครือข่ายระบอบทักษิณอีกคนหนึ่งที่ออกมาแสดงอาการเอะอะโวยแทน

เขาคนนั้นก็คือ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ช่วงปี 2545-2549

สำหรับบทบาทของนายวัฒนา เมืองสุขนั้น เคยเงียบหายไปพักหนึ่ง เนื่องจากตกเป็นจำเลยในคดีซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายกฟ้อง และต่อมาวันที่ 30 เมษายน 2557 ศาลปกครองกลางก็พิพากษาให้นายวัฒนาไม่ต้องจ่ายชดเชยค่าเสียหายจากโครงการดังกล่าว

นายวัฒนาเริ่มออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และ คสช.อย่างเอาจริงเอาจริงเมื่อปลายเดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมา โดยออกมาแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในทำนองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่วางยาให้นักการเมืองอ่อนแอ เป็นการปล้นอำนาจจากประชาชน และการอ้างปฏิรูปก็เพื่อรวบอำนาจให้แก่คนบางกลุ่มเท่านั้น

หลังจากนั้น ก็เกาะกระแสการเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มดาวดิน ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ในวาระครบรอบ 83 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ด้วยการออกมาปกป้องการเคลื่อนไหวของนักศึกษาว่าไม่เป็นการผิดมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา และรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 2 ก็เขียนไว้ว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนมาตรา 3 เขียนว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เพราะฉะนั้นนักศึกษาจึงมีสิทธิที่จะเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ไปแก้ไขมาตรา 2 เป็นประเทศไทยปกครองระบอบเผด็จการ หรือประเทศนี้พักใช้ระบอบประชาธิปไตยชั่วคราวไปเลย

เท่านั้นยังไม่พอ นายวัฒนายังซัดกลับ คสช.ว่าทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงฐานเป็นกบฏแต่กลับใช้อำนาจออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ตนเองและพรรคพวก ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นอย่างรุนแรง ใครไม่เชื่อฟังก็ลงโทษ

อาการปากกล้าของนายวัฒนา ทำให้เขาถูกเรียกเข้าไปปรับทัศนคติที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ภายในกองทัพภาคที่ 1 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน แต่ภายหลังการเข้าพบ นายวัฒนาอ้างว่า ไม่ได้มีการปรับทัศนคติอะไร มีแต่การสอบถามว่าทำไมเดินทางไปต่างประเทศบ่อย และให้กรอกประวัติใหม่เนื่องจากนายวัฒนามีชื่อในทะเบียนบ้านต่างจังหวัดแต่ตัวอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเรื่องการจำกัดการแสดงความคิดเห็นหากแสดงความคิดเห็นอยู่ในกรอบไม่สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง

อย่างไรก็ตาม วันที่ 17 กรกฎาคม นายวัฒนาก็ออกมาโวยวายว่า ถูก คสช.สั่งงดการเดินทางออกนอกประเทศตามที่ได้ขออนุญาตไป อย่างน้อย 90 วัน ต้องรอภายหลังวันที่ 18 กันยายน 2558 จะมีการพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่านายวัฒนามักมีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์ คสช.ผ่านสื่อ

นายวัฒนาได้ระบายแค้นใส่ คสช.ว่า สมเพชในวิธีคิดและวิธีทำงานของ คสช. ไม่แปลกใจว่าเพราะเหตุใดหนึ่งปีกว่าที่คนพวกนี้ได้ยึดอำนาจไปจากประชาชนถึงได้บริหารประเทศจนเกิดความเสียหายได้อย่างมากมายขนาดนี้ และอ้างว่า คสช.แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลวทุกด้าน ทั้งที่เป็นรัฐบาลเผด็จการที่ไม่มีฝ่ายค้าน พร้อมยืนยันว่า จะยังแสดงความคิดเห็นต่อไป ไม่ยอมก้มหัวให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน

ต่อมา วันที่ 23 กรกฎาคม นายวัฒนาได้ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนประกาศ คสช.ฉบับที่ 21/2557 ที่ห้ามบุคคลจำนวน 155 คนออกนอกราชอาณาจักร โดยอ้างว่าประกาศดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เลือกปฏิบัติ การกำหนดรายชื่อบุคคลที่ห้ามเดินทางเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ มีขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายขัดต่อหลักการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ระหว่างนั้น นายวัฒนาก็ฉวยโอกาสออกมาโจมตี คสช.กรณีที่สหรัฐอเมริกายังคงระดับปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยอยู่ในเทียร์ 3 ว่า ในเมื่อ คสช.ยึดอำนาจมาแล้ว ถ้าแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบ อย่าไปโทษคนอื่น และการเป็นรัฐบาลจากการยึดอำนาจเป็นตัวปัญหาทำให้ทั่วโลกรังเกียจ ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งก็จะได้รับความช่วยเหลือ

ต่อมา วันที่ 3 สิงหาคม ศาลปกครองกลางก็มีคำสั่งออกมาว่า ไม่รับคำฟ้องของนายวัฒนา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากการที่หัวหน้า คสช.ออกคำสั่งไม่อนุญาตให้นายวัฒนาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 เป็นการปฏิบัติตามประกาศที่มาตรา 47 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่บัญญัติให้ประกาศและคำสั่ง คสช.ทุกฉบับเป็นประกาศและการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้เป็นที่สุด

กระนั้น นายวัฒนาก็ยังไม่ยอมหยุด วันที่ 10 สิงหาคม ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลปกครองสูงสุดทบทวนดูการใช้ดุลพินิจของศาลปกครองกลาง รวมทั้งขอให้หัวหน้า คสช.ทบทวนคำสั่งที่ห้ามบุคคลออกนอกประเทศ พร้อมทั้งอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 4 ที่บัญญัติรับรองเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมุนษย์ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย ย่อมได้รับการคุ้มครองต่อไป ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวย่อมต้องเหนือว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 47 ซึ่งรับรองการคำสั่ง ประกาศ และการกระทำของ คสช. ให้เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนั้น ยังได้กล่าวหาศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องว่าเป็นการปฏิเสธการทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน สร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร

เมื่อไม่ยอมหยุด พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบโต้ระหว่างการให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมว่า ให้นายวัฒนาฟ้องมาเลย ตนไม่สนใจ มีฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่แล้ว และเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่

พร้อมเอาคืนแบบนิ่มๆ ว่า อยากให้ดูพฤติกรรมคนฟ้องว่าเป็นอย่างไร ดูพฤติกรรมก่อน รู้หรือไม่ว่า ตอนปี 53 เขาอยู่ตรงไหน

“เขามาด่าผม แล้วผมต้องพูดแล้วหละ แต่มันลืมไปแล้ว รู้ไหมเมื่อปี 53 เขาอยู่ตรงกลางราชประสงค์ ประตูน้ำ เขานี่เหละเป็นคนต่อรองมาตลอดกับศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อย่างงี้ อย่างงั้น เดี่ยวผมจะเลิก นั้นแหละคือเขา รู้ซะบ้าง ทั้งแก๊งนั้นแหละ เราก็โอเค ใครจะป่วยจะไข้ก็ดูแล หวังว่ามันคงจะเรียบร้อย ปรากฏว่า ความรุนแรงก็เกิดขึ้น ก็คนเหล่านี้รู้เรื่องทั้งหมด ผมถามว่าคุณจะเชื่อใคร เชื่อเขาหรือเชื่อผม”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อโดนตอกกลับอย่างนี้ นายวัฒนาก็มามุกใหม่ ด้วยการทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าถูกทหารบุกไปถึงหน้าบ้านและถ่ายรูปเก็บข้อมูลทั้งบ้านพักย่านศรีนครินทร์ และบ้านที่จังหวัดปราจีนบุรี จึงอยากชี้แจงให้หัวหน้า คสช.ทราบและเป็นการฟ้องประชาชนซึ่งเป็นเจ้านายไปในคราวเดียวกัน เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามและละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว เชื่อว่าสาเหตุมาจากการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล รวมถึงการฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ต่อศาลปกครอง

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก คสช.ออกมาตอบโต้อย่างทันควันว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามแนวทางการดูแลให้เกิดความเรียบร้อยในลักษณะที่สุภาพ และให้เกียรติตามแนวทางที่ได้เคยปฏิบัติ เป็นลักษณะการเข้าไปประสานงานพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสานข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีและบางท่านยังได้ให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์

พร้อมทั้งบอกว่า การให้ข้อมูลของบางบุคคลบางครั้งอาจเป็นไปตามทัศนคติเดิมส่วนตัว ซึ่งไม่ได้พิจารณาด้วยองค์ประกอบและข้อเท็จจริงรอบด้าน และมั่นใจว่าที่ผ่านมา คสช.ได้คลี่คลายและแก้ปัญหาหลายๆ อย่างของประเทศ ปัจจุบันก็ยังคงสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ทำประเทศเสียหายอย่างที่บางคนพยายามบิดเบือนข้อมูล

ถึงจะโดนเหน็บกลับอย่างนี้ แต่หากดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมา เชื่อว่านายวัฒนาคงไม่หยุดแค่นี้อย่างแน่นอน ด้วยพื้นฐานที่นายวัฒนาเป็นนักกฎหมาย คงจะหาช่องทางจิกกัด คสช.ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อประกาศให้รู้ว่าเครือข่ายระบอบทักษิณยังคงไม่ได้ตายจากไปไหน




กำลังโหลดความคิดเห็น