xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"ยกพิมพ์เขียวสปช.คัมภีร์ปฏิรูป แย้มอภัยโทษคนที่รับผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 16.20 น.วานนี้ ( 13ส.ค.) ที่ห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เอ 2 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีส่งมอบผลงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ( สปช. ) โดยมี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. เป็นผู้ส่งมอบ
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทแก่สมาชิกสปช. ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาตนได้ติดตามการประชุมของสปช.ที่รัฐสภา ซึ่งเห็นแล้วก็มีความสุข เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ อย่างน้อยเป็นการจุดประกายให้คนในชาติรู้ว่า ประเทศจะเดินทางไหน เพราะเราเคยปล่อยให้เดินหน้าอย่างอิสระนานพอควร แล้วแต่นโยบายของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องดีแต่ต้องชัดเจน ไม่อย่างนั้นจะติดกับดักประชาธิปไตย กับดักตัวเอง โดยเฉพาะติดกับดักตัวเองเสียมาก ไม่รู้ว่าตัวเอง ประเทศชาติต้องการอะไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สมาชิก สปช. ส่วนหนึ่งมาจากการคัดสรร ซึ่งตนตั้งก็เห็นว่า ทำงานด้วยดี มีการระดมสติปัญญา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปอย่าง มั่นคง ยั่นยืน ส่วนมั่งคั่งไปไว้ทีหลัง เพราะตอนนี้ประเทศใหญ่ๆ ก็แย่พอสมควร
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ สปช. ทำมาทั้งหมด ตนยินดี และถือเป็นการให้เกียรติกันและกัน จึงมารับผลงาน รายงานประชาชนเรื่องเปลี่ยนประเทศไทยกับสปช. และที่ผ่านมา มีปัญหามายาวนานสะสม รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง ปัญหาทับซ้อนจากความยากจน และขัดแย้งมานาน ถ้าปล่อยไปก็ติดกับดักตัวเอง ไม่ก้าวหน้าอีกแล้ว ตอนนี้ต่างประเทศก็ยอมรับในความเรียบร้อย มีเสถียรภาพ กำลังเดินหน้าไปสู่การปฏิรูป
"ขอย้ำว่า วันที่ 22 พ.ค. 57 ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่เคยคิดมากก่อน ว่าจะมายืนตรงนี้ เพราะไม่ชอบ แต่เมื่อมีปัญหา ก็จำเป็น และมีพี่ๆ มาช่วย ไม่ใครรังเกียจอะไรผม และเมื่อเข้ามาทำงาน ได้มีการแบ่งงานกัน 5 กลุ่ม โดยมอบหมายให้รองนายกฯ ทั้ง 5 คน แต่เรามีปัญหาที่ผ่านมา คือ แต่ละกระทรวงแยกงานกันทำ ทำให้มันไปไม่ได้ และวันหน้าจะมีปัญหามากที่สุดคือ การบริหารจัดการ ซึ่งมีผลจากการปฏิรูปวันนี้ และขีดความสามารถการแข่งขันของเราค่อนข้างน้อย เพราะไม่มีทิศทางที่ชัดเจน รายได้จากการส่งออกของสินค้าก็ตกต่ำ เนื่องจากมีปัญหาสินค้าเกษตร ที่มีการแข่งขันกันทั่วโลก และที่ผ่านมาเรามีการทำงานแบบอิสระ ต่างคนต่างทำ ไม่ว่าจะเอกชน หรือข้าราชการ ซึ่งไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ วันนี้จะต้องทำงานร่วมกันแบบบูรณาการกลุ่มงาน จากที่ดูผลของการปฏิรูปประเทศที่มี 37 วาระ ซึ่งหลายฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกัน และที่สำคัญการปฏิรูปประเทศ คือ การแก้ไขข้อบกพร่องที่มีอยู่ และเพิ่มเติมสิ่งที่ขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา โครงสร้างอะไรที่ดีอยู่แล้ว ก็ทำต่อไป แต่ที่ไม่ดีเราต้องร่วมกันแก้ไข"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาของประเทศไทยมีมายาวนาน ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำ กฎหมาย ความไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดอยู่ในแผนปฏิรูปแล้ว เมื่อทำเสร็จจะต้องมีการดำเนินการ และส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป โดยจะต้องมีคณะกรรมการขึ้นมา แต่ยังไม่ต้องส่งชื่อมาให้ตน เพราะใครส่งชื่อ หรือสมัครก่อน ตนก็จะไม่เอาก่อนเหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่พวกเราทุกคนทำมา ต้องอาศัยความร่วมมือในการปฏิรูป ทั้งคนเก่า และคนใหม่ ต้องเร่วมมือกัน ไม่ใช่มีคนใหม่เข้ามาแล้ว คนเก่าก็จะทิ้งไปเลย
"อย่าลืมว่าสิ่งที่ทำ และแก้ปัญหามา มันทำได้เพราะผมยืนตรงนี้ ลืมหรือยังว่าผมอยู่ตรงนี้ ลืมไปหรือว่า เรามี คสช. ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 มันเกิดอะไรขึ้น และถ้าไม่มี มันจะเป็นอย่างไร การเรียกร้องประชาธิปไตย ต้องมีเหตุและผล และถ้าเป็นประชาธิปไตย ผมขอบ๊าย บาย และผมคิดว่าที่เข้ามาทำงานทั้งหมดก็ได้อะไรมาพอสมควร ไม่ได้เสียเปล่า ทุกคนที่เข้ามาต่างก็ทำหน้าที่และรายงานประชาชนเปลี่ยนประเทศไทยกับ สปช. ถือเป็นคัมภีร์ฉบับที่ 1 ที่เกิดขึ้นจากสำนักเสียวลิ้มยี่ วันนี้สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด และเร็วที่สุดคือ เรื่องปฏิรูปการเมือง โพลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 24,000 คน มีถึงรัอยละ 75 ที่ต้องการให้แก้ไขเรื่องการเมือง และการบริหารราชการ ส่วนข้อที่จะให้ผมอยู่ เข้าใจว่าหวังดี ก็ขอบคุณ แต่ไม่ต้องห่วงมากนัก เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมเจ็บปวดทุกวัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กลไกการทำงานที่สำคัญขณะนี้ก็คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ใครก็ได้ที่อยู่ตรงนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นตน แต่ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน และมีหน้าที่ในการปฏิรูป ซึ่งเราก็มีการทำการปฏิรูปแล้ว มีรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ หน้าที่ต่อไปคือ การปรองดอง เอาคนที่เคยทำผิดกฎหมายทั้งหมด เอามาพัฒนา ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ถ้าคนที่ไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมรับกติกา ก็ไม่ต้องมาปรองดองกับตน จะต้องปรองดองด้วยกฎหมาย กระบวนยุติธรรม วันนี้ทุกคนก็ยอมรับผิดแล้ว มีการเข้ามารายงานตัว มีการประกันตัว ซึ่งก็ต้องขอบคุณ เพราะยอมรับในกติกา อย่างนี้ถือเป็นสุภาพบุรุษ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่ประเทศชาติต้องการคือการปฏิรูปประเทศ และการปรองดอง ซึ่งการปรองดองนี้ ต้องแก้ปัญหาคนที่ติดคุกที่สมควรให้อภัย ตรงนี้ต้องมาพิจารณา แต่อยู่ดีๆจะให้มายกโทษให้กับคนโน้น คนนี้ มันไม่ได้ และการปฏิรูปประเทศ ก็ต้องให้อำนาจคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ขอฝากไว้ตรงนี้ และยืนยัน ตนไม่ต้องการอำนาจตรงนี้ ซึ่งการปฏิรูปทั้งหมด ต้องทำให้ถูกต้อง ถ้าทำไม่ได้ในเวลานี้ รัฐบาลก็ควรจะต้องคิดว่าควรทำอย่างไร แต่ต้องทำตามยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้ ไม่อย่างนั้นจะล้มเหลวหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้ง 37 ประเด็น และ 6 วาระการพัฒนา ตนรับได้ และตนวางแผนไว้ถึงเดือน ก.ย. 59 ที่เหลือฝากให้พวกท่านช่วยกันทำต่อ บางคนบอกให้ตนทำเรื่องยากๆ แล้วที่เหลือให้รัฐบาลหน้าทำ แล้วมันยุติธรรมกับตนหรือไม่ ตนไม่ได้อิจฉา แต่ต้องแบ่งเบาภาระการทำงานกันบ้าง
ส่วนเรื่องรัฐบาลปรองดองที่พูดกันในขณะนี้ ขอถามว่า จะเป็นไปได้ไหม ในเมื่อยังมีความขัดแย้งกันอยู่ และพวกที่เร่งให้รัฐธรรมนูญเสร็จ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง ถามว่าจะมีนักการเมืองใหม่ๆ มาหรือไม่ นักการเมืองเดิมๆ หยุดก่อนได้ไหม เว้นไป 5 ปี เพื่อให้ปฏิรูปประเทศกัน และถามหน่อย ที่นั่งกันในห้องนี้ ใครอยากเป็นรัฐบาล อยากเป็น ส.ส. หรืออยากเป็นนายกฯ บ้าง ขอให้ยกมือ ผมจะแสตมป์ให้ ก็ไม่เห็นมีใครอยากเป็น ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมคนดี คนเก่ง ไม่ชอบการเมือง แต่ส่วนหนึ่งชอบเรียกร้องจะเอาโน่น เอานี่ แต่ไม่ออกมาใช้สิทธิ์ ทุกปัญหาต้องใช้ความเชื่อมโยงว่ามีกฎหมายใดเกี่ยวข้องบ้าง ถ้าตีกันทุกเรื่อง ก็จะเป็นปัญหาในวันหน้า และต้องให้กลไกมีความพร้อมก่อนส่งต่อ และต้องถามคนที่รับว่าเขาจะพร้อมหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนรู้จัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาทั้งชีวิต ตั้งแต่ตนอายุ 21 ปี ถึง 61 ปี ท่านใช้งานตนมากว่า 40 ปี ตั้งแต่ 22 พ.ค.57 ท่านบอกว่า ผมใช้งานท่านคุ้มเลย สี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมใช้ท่านครึ่งปีคุ้มเลย มันเป็นความผูกพัน ผมรู้จักกันทุกคน ถึงผมจะโกรธ ก็โกรธไม่ได้ เพราะทุกคนลงเรือเดียวกันกับผม อย่าคิดมาก อะไรที่ทำได้ก็ทำเสีย ประวัติศาสตร์จะเกิดจากมือพวกเรา รวมถึงประชาชนด้วย ประชาชนต้องร่วมมือกับเรา ถ้าแบ่งแยก มันก็แบ่งแยกการปกครองกันไปตลอด มันก็ทะเลาะกันอย่างนี้ ทำให้สองฝ่ายมาหาจุดร่วมกันให้ได้ให้เขาร่วมกันสัก 20-50 อย่างก่อน ดีกว่าไม่ทำอะไร
"อย่าแบ่งแยก เพราะหากเกิดปัญหาแบบเดิม คงไม่มีใครเข้ามาแก้ปัญหา จะหวังให้ใครเข้ามาแก้ปัญหาแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว ช้าเกินไปแล้ว ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาปฏิวัติซ้อน ใครจะมาก็เชิญ ผมพร้อมตั้งนานแล้ว จะได้รู้ว่าประเทศมีปัญหามากแค่ไหน วันนี้ไม่ว่าสีไหน ขออย่าทะเลาะกันอีก เพราะทุกคนเป็นไทยใต้ร่มพระบารมี ขอให้ต่างคนต่างไว้เนื้อเชื่อใจผมกัน เพราะผมไม่ต้องการอะไรแม้แต่นิดเดียว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น